ผ่านเวลาไปจนกระทั่งนกเขาทะเลทรายคอดำตัวหนึ่งบินมาเกาะที่หน้าต่าง ไม่บ่อยนักที่จะได้พบนกชนิดนี้ ชีคฟาริสอมยิ้มแล้วมองไปด้านข้าง
“ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไง” เสียงปลุกแต่เช้าทำให้มุกระวีตื่นขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจ นานๆ เธอจะได้นอนยาวๆ เสียที เพราะชีวิตในกองถ่ายนอนไม่เป็นเวลา ดังนั้น การได้นอนยาวๆ สบายๆ นับว่าเป็นมงคลชีวิตที่สุดแล้ว
“บอกให้ตื่นยังไงล่ะมุกระวี ไม่ได้ยินเสียงหรือไง หรือว่าได้ยิน แต่อยากให้ปลุกด้วยวิธีอื่น”
เสียงเข้มยังดังเข้าโสตประสาทไม่รู้จบ มุกระวีดึงเอาหมอนมาปิดหู แล้วถามออกไปเสียงงัวเงีย “เที่ยงแล้วค่อยมาปลุก”
“นี่มันบ่ายโมงแล้วแม่คุณ”
“ฮะ บ่ายโมงแล้วหรือ”
“เราต้องรีบเดินทางแล้ว ลุกไปอาบน้ำแล้วเตรียมเดินทางให้เร็วที่สุด อย่าชักช้า” มุกระวีลุกขึ้นนั่ง แต่ปากก็ยังโอดครวญไม่หยุด “เราจะไปไหน แล้วทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วย”
“เราจะตามไปเอาชุดมรกตคืนยังไงล่ะ คุณต้องไปกับผมด้วย”
คราวนี้มุกระวีตื่นเต็มตา “ฉันไม่ไปได้ไหม ข้างนอกนั่นร้อนจะตาย ฉันมาที่นี่เพื่อพักผ่อนนะ ไม่ได้มาเพื่อตามหาโจร”
“ช่วยไม่ได้ คุณอยากไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยทำไม ลุกเร็วเข้า ถ้ายังชักช้า ผมจะอุ้มคุณไปอาบน้ำด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นจะโทษผมไม่ได้นะ ถ้าผมจะคิดค่าอาบน้ำด้วย”
มุกระวีหน้าแดงก่ำด้วยความอายปนโกรธ “ทำไมฉันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้นะ แค่อยากมาเที่ยวราคาถูก สวรรค์เลยลงโทษความเห็นแก่ของถูกกันเลยหรือ” มุกระวีคร่ำครวญ แต่ก็ไม่กล้าชักช้าอีก เพราะสายตาดุๆ ของฟาริสที่มองมาอย่างขึงขัง
“ดุเหมือน...”
“เหมือนอะไร พูดให้ดีๆ นะคนสวย”
แน่นอนถ้าพูดไม่เข้าหูเขาภัยอาจจะมาถึงตัวได้ คนสวยเลือกคำพูดที่จะตอบ “แล้วแต่จะคิด ถ้าจะให้อาบน้ำก็ถอยไป คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้มีคนแปลกหน้าโดยเฉพาะผู้ชายอยู่ในห้องตอนกำลังจะอาบน้ำ” มุกระวีว่าพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปที่ประตู
“งั้นก็อาบน้ำแต่งตัวให้ไว ถ้าช้าจะเข้าไปช่วยอาบ ให้เวลาแค่สิบนาที ถ้าเลยไปแม้แต่วินาทีเดียว ผมจะขึ้นมาช่วยจัดการอาบให้เอง”
มุกระวีกำมือแน่น มองแผ่นหลังของคนที่เอาแต่สั่งๆ อย่างหมั่นไส้ “เกิดมาเพื่อสั่งคนอื่นอย่างเดียวหรือไงนะ” พูดอย่างหงุดหงิดแล้วก็รีบตรงไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้เขาขึ้นมาช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้ มุกระวียอมรับว่าถึงเขาจะหล่อ และเป็นถึงท่านชีค แต่ศักดิ์ศรีของกุลสตรีไทยก็ยังมีอยู่เต็มหัวใจ ไม่ใช่ว่าเห็นเขาหล่อเขารวย แล้วเธอต้องอ่อนระทวย คนพวกนี้คงมีผู้หญิงเป็นฮาเร็ม
‘ยังไงก็ต้องเก็บรักษาพรหมจรรย์ไว้อย่างดี ไม่ให้คนหื่นๆ แบบนั้นมาย่ำยีเล่น’
ตอนที่มุกระวีอาบน้ำเสร็จลงมาถึงห้องโถงล่าง ฟาริสก็รออยู่แล้ว เขากำลังเดินออกไปขึ้นรถ แต่มุกระวีรู้สึกว่าเธอไม่พร้อม ใช่แล้วเธอหิว เรื่องปากท้องของเธอเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าคนเราหิวจะใช้สมองคิดอะไรออก ร่างกายจำเป็นต้องใช้แรง และงานนี้เธอไม่ผิด เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับถูกเขาลากตัวไปตามหาคนตามหาสร้อยอะไรก็ไม่รู้
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้เธอช่วย เขาต้องทำดีกับเธอก่อน ข้อแรก
“ท่านชีคคะ” ท้องของเธอร้องประท้วงมาตั้งแต่เช้าแล้ว
ฟาริสหันหน้าหล่อเหลามามอง “มีอะไรอีก อย่าคิดถ่วงเวลาผมอีก ผมบอกแล้วไง ว่าต้องรีบไปเอาชุดมรกตกลับคืนมา”
“ฉันไม่ได้เป็นคนทำหาย ไม่ได้เป็นคนขโมยด้วย แต่เป็นคนที่คุณต้องการให้ช่วย งั้นก่อนให้ฉันช่วย หาอะไรให้กินหน่อย เพราะว่าตอนนี้ฉันหิว”
“หิว” ฟาริสทวนคำ เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงแบบนี้มาก่อน สนใจเรื่องกินเรื่องนอนของเธอมากกว่าสนใจคนหล่ออย่างเขาและเรื่องของเขา
“ขึ้นรถก่อน เดี๋ยวระหว่างทางผมจะจัดการเรื่องอาหารให้ คุณรู้ไหม ไม่ง่ายนะที่จะได้นั่งรถไปกับชีคแห่ง...” เขายังพูดไม่จบเสียงใสก็แทรกขึ้น
“ฉันซื้อทัวร์มาอยากเห็นทะเลทราย ไม่ได้อยากมานั่งรถคู่กับท่านชีคสักหน่อย คุณไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ในสายตาของฉันหรอก”
ชีคฟาริสอึ้ง ให้ตายเถอะ นี่ชีคแห่งประเทศมีดิสเชียวนะ ประเทศที่ร่ำรวยมาก น่าสนใจน้อยกว่าอาหารหนึ่งมื้ออีกเหรอ
“คุณรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้ค่ะ ฉันรู้ ฉันขอกินให้อิ่มก่อน แล้วค่อยลากฉันไปช่วยคุณ” มุกระวีเลิกคิ้วบอก
ใช่แล้ว เขาฟังไม่ผิด ถ้าเธอไม่ได้กินอาหารเช้า เธอจะไม่ยอมขึ้นรถ “อะลีฟไปจัดการให้เรียบร้อย” น้ำเสียงเข้มงวดสั่งแค่นั้น แต่คนที่ทำงานใกล้ชิดมานานก็เข้าใจอย่างดีว่าต้องทำยังไงบ้าง จะมีแต่คนมาใหม่ที่ยังไม่เข้าใจ มุกระวียืนกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง
“ตกลงว่าฉันจะได้กินข้าวไหมคะท่านชีค” น้ำเสียงและดวงตาสดใสขึ้นกว่าเดิมมากตรงข้ามกับคนสั่ง
“อะลีฟจะเอาอาหารมาให้คุณ แต่ต้องกินในรถ เราไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบเดินทาง ผมก็หิวมาทั้งคืน อยากกินจะตายอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้กิน” เขามองเธอไล่ไปตั้งแต่ใบหน้าสวยแล้วต่ำลงมา จนใบหน้าของมุกระวีแดงไปหมด
“หิวอะไรคะท่านชีค สายตาของคุณมันบอกว่าที่หิวไม่ใช่อาหาร”
“ฉลาดนี่” เขายิ้มแล้วไหวไหล่
มุกระวีโมโห แต่รู้ดีตอนนี้เธอเสียเปรียบ “ตกลงจะให้ฉันกินข้าวที่ไหน”
“กินในรถ”
“ทำไมฉันต้องไปนั่งกินในรถด้วยล่ะ ฉันกินไม่นาน ไม่เสียเวลาหรอก กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เคยได้ยินไหม”
“ไม่เคย” เขาตวาดกลับ “แล้วใครใช้ให้ตื่นสายล่ะ เป็นผู้หญิงยังไง ตื่นซะบ่ายโมง ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงแบบคุณมาก่อนเลย” ฟาริสว่าพลางส่ายศีรษะ
เมื่อถูกด่าแบบนี้มีหรือมุกระวีจะยอม เธอเขย่งตัวขึ้นสูงเพื่อให้เห็นหน้าเขาชัดๆ แล้วพยายามจ้องตากับเขา แต่ความสูงของเธอก็ได้แค่เสมออก “ไม่เคยเห็นก็เห็นซะตอนนี้ แล้วฉันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าไม่ได้กินข้าว” มุกระวียืนกราน ก็เธอหิวจริงๆ จนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว ก่อนหมุนตัวกลับเข้าไป แต่บางอย่างในมือของฟาริสที่โบกไหวๆ ทางหางตาทำให้เธอต้องหันไปมอง
“วีซ่ากับพาสปอร์ตของคุณ ผมเก็บได้ อยากได้คืนไหม ถ้าอยากได้คืนก็จงทำตัวดีๆ พูดให้น้อยๆ หรือไม่พูดเลยจะดีมาก แล้วผมจะคืนให้เมื่อทุกอย่างเสร็จ”
“นี่ขู่ฉันเหรอ” มุกระวีกระโดดไปเอาคืนแต่ก็คว้าได้แค่ลม “เอาของฉันมานะ”