ตอนที่ 3 แผนของคุณหนูรอง
ใต้เท้าเลี่ยงเห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้น แต่ก็ถูกดึงแขนเสื้อเอาไว้ “ปล่อยข้า เจ้าไม่เห็นหรือว่านางกำลังถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี”
“ใต้เท้า พวกเรามาเพียงแค่ซื้อหาผ้าไหม ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวนะขอรับ” ชายผู้นี้ตักเตือนด้วยความหวังดี
เมื่อเขาพบว่าคุณหนูรองมิได้เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของตระกูลจินนัก เขาก็ยิ่งเห็นใจและสงสาร ทว่าเรื่องนี้จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที มิสมควรเข้าไปก้าวก่าย อีกทั้งยังต้องให้คุณหนูรองปกป้องตนเองให้พ้นภัย
ถ้าหากนางร้องไห้คร่ำครวญ เขาก็ยินดีจะยื่นมือไปช่วยเหลือ ทว่า...นางก็หาได้มีน้ำตาไม่ กลับดูสงบเงียบเยือกเย็นจนทำให้เขารู้สึกขนลุกขนพองเสียอย่างนั้น
“เจ้าเป็นบุรุษเหตุใดไม่ปกป้องสตรีเล่า กลับขัดขวางข้า” ชายชราร้อนใจนัก มองโฉมหน้าของผู้เป็นหลานสาวของสหาย ก็ยิ่งทำให้เขาเป็นเดือดเป็นร้อนไปด้วย
“ใต้เท้าเลี่ยง ภารกิจของข้าคือปกป้องท่าน ยามเมื่อเดินทางกลับ ล้วนต้องพบเจออันตราย หากข้ายังคิดยื่นมือออกหน้าช่วยเหลือคุณหนูรอง แล้วเถ้าแก่จินไม่พอใจ ส่งคนมาเล่นงานข้า ใครจะปกป้องท่านกันเล่าขอรับ”
ชายหนุ่มมิได้ละสายตาไปจากสองพ่อลูกนั่น หากจวนตัวจริง ๆ เขาเองก็มิอาจนิ่งเฉยได้ อย่างไรก็ย่อมต้องช่วยเหลือนางให้พ้นภัย
“ขออภัยใต้เท้าเลี่ยง เห็นทีว่าคืนนี้คงต้อง...” เกิดความอับอายขึ้นเยี่ยงนี้ ต่อไปตระกูลจินจะเชิดหน้าทำการค้าได้อย่างไรกัน ชายสูงวัยไม่พอใจมากนัก แต่ก็ไม่อยากเอ่ยวาจาทิ่มแทงใจบุตรสาวคนรองไปมากกว่านี้ ถึงอย่างไรนางก็เป็นสายเลือดของเขา
แม้ว่านางจะเกิดมาแล้วมีรูปร่างผิดแปลกแตกต่างจากบุตรสาวทั้งสอง ทว่าลูกสาวผู้นี้เหมือนดาวอับโชค อัปมงคลนัก เขาก็สู้กัดฟันอดทนมาตั้งนาน
นับตั้งแต่ที่นางลืมตาขึ้นมา ก็เกิดพายุโหมกระหน่ำลงมา จนผ้าไหมเสียหายจำนวนมาก ครบหนึ่งเดือนเกิดไฟไหม้โรงย้อมสี ครบสามเดือนก็เกิดเหตุอาภรณ์เสียหาย ถูกโจรดักปล้นสินค้าระหว่างทาง
เช่นนี้แล้ว เขาจึงเชื่อว่า จินเสียงคือดาวอัปมงคล ครั้นจะขับไล่นางออกจากตระกูล เกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่าโหดร้ายขับไล่บุตรีออกจากตระกูล เถ้าแก่จินเห็นแก่ชื่อเสียงของตน หวั่นว่าจะเสียหายเพราะบุตรสาวผู้นี้
จึงเลี้ยงดูนางอยู่ในจวน แม้อยากขับไล่นางให้ไปพ้นหูพ้นตา แต่ก็ยังรู้สึกเวทนาระคนสงสาร แต่
ยามนี้เขาสิ้นสุดความอดทนอดกลั้นมาร่วมสิบแปดปี วันนี้เห็นทีว่าต้องเสือกไสไล่นางไปให้พ้นหน้าพ้นตาเสียที กิจการตระกูลจินจะได้รุ่งเรืองมั่งคั่งเสียที มิใช่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ อยู่เยี่ยงนี้
“เถ้าแก่จิน นางน่าเห็นใจ จะไล่นางไปจริง ๆ นะหรือ” ชายชราเอ่ยถาม เพราะอีกฝ่ายวางท่าขึงขังจริงจังเยี่ยงนี้ หากเขาช่วยได้ก็ยินดีที่จะยื่นมือช่วยเหลือหลานสาวผู้อาภัพ
“ใต้เท้าเลี่ยง ไม่ต้องสงสารข้า เป็นเพราะข้าทำตัวเอง ทำให้ท่านพ่ออับอาย ขับไล่ตัวอัปมงคลออกจากตระกูลจินก็นับว่าเหมาะสมแล้ว” หญิงสาวหาได้ทุกข์ร้อนอันใดไม่ กลับเชิดหน้าขึ้นรอรับชะตากรรมดวงตาหาได้แดงก่ำเปี่ยมไปด้วยความเสียอกเสียใจแต่อย่างใด คล้ายว่ากำลังตั้งตารอคอยเสียอย่างนั้น
“ท่านพี่ค่อย ๆ พูดก็ได้ ลูกรองเองก็ใจร้อนไปนิด” หลิวเพ่ยอันเข้ามาเกลี้ยกล่อม แสร้งตีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยบุตรสาวผู้นี้ เหลือบมองจินเสียงด้วยสายตาชิงชังก่อนจะหายวับไปในพริบตาเดียว
“ท่านแม่ คืนนี้งานเลี้ยงต้องพังก็เพราะนาง ท่านดูสิ” คุณหนูสามขึ้นเสียง ซ้ำยังผลักพี่สาวต่างมารดาหกล้มไปอีก ทว่าจินเสียงเสียหลักหกล้มเรือนร่างของนางกระแทกเข้ากับโต๊ะวางไหสุรา
ทำให้ไหสุราเหล่านั้นหล่นตกลงมายังพื้นเบื้องล่างส่งผลให้แตกกระจัดกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ ส่งกลิ่นเหม็นฉุนไปทั่วบริเวณกว้าง ซ้ำยังผ้าปิดใบหน้าครึ่งล่างนั้นหลุดออกมา จนเปิดเผยใบหน้าซึ่งมีจุดด่างดำ ทำให้ผู้ที่เข้ามาร่วมงานถึงกับตื่นตระหนกตกใจในความอัปลักษณ์ของหญิงสาว
“นางลูกไม่รักดี ไสหัวไปให้พ้น ดูสิงานเลี้ยงวันนี้ เจ้ายังกล้าก่อเรื่องให้ขายเสียชื่อเสียงอีก!” ชายสูงวัยตะคอกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาเดือดดาลแล้วจริง ๆ สั่งให้บ่าวรับใช้ ลากตัวคุณหนูรองให้กลับไปยังเรือนท้ายจวน แล้วกำชับว่าพรุ่งนี้ให้ออกจากตระกูลจินไปเสีย จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลจินอีกต่อไป
งานเลี้ยงจบลงด้วยความอับอายของเถ้าแก่จิน เช่นนั้นแล้วชายสูงวัยจึงขอโทษขอโพยใต้เท้าเลี่ยงเป็นการใหญ่ ซ้ำยังมอบผ้าไหมให้อีกสองพับ
คล้ายว่าประจบประแจงใต้เท้าเลี่ยงก็ว่าได้ ส่วนตัวต้นเรื่องนั้นก็คือคุณหนูสาม หรือคุณหนูเล็ก หัวเราะจนน้ำตาเล็ดสาแก่นางเข้าให้ ที่อีกฝ่ายถูกขับไล่ออกจากจวนราวกับสุนัขตัวหนึ่ง
“คืนนี้สนุกจริงเชียว พี่ใหญ่เห็นด้วยกับข้าหรือไม่” เสียงหัวเราะเบิกบาน หากผู้ใดได้ยินก็คิดว่าพี่สาวและน้องสาวพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ สนุกจนเกินงาม หลงลืมไปว่าเหล่าคุณหนูทั้งหลาย ยังคงยืนฟังเรื่องราวชวนขายหน้าของสตรีอัปลักษณ์
“เจ้านี่นะ ไม่รู้จักโตเสียที ทำให้น้องรองขายหน้า ยังจะมาหัวเราะเช่นนี้อีก” ผู้เป็นพี่สาวเอ่ยความดีเข้าตัว ระบายยิ้มอย่างอ่อนหวาน ทำให้สาวงามเหล่าสหายอดชื่นชมในความมีน้ำใจของคุณหนูใหญ่ไม่ได้
“พี่หลิน ยังจะให้ความสำคัญกับนางอีก ไม่เห็นหรือว่าวันนี้ทำให้ท่านลุงขายหน้าเหมือนเช่นเคย” หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกอดอก เข้าข้างญาติผู้พี่เพื่อหวังผลประโยชน์ในภายภาคหน้า
“เจ้าก็อีกคน น้องรองรูปร่างเช่นนั้น ผิวพรรณก็หาได้สะอาดสะอ้านไม่ ซ้ำยังถูกรังเกียจ นางคงร้องไห้เสียอกเสียใจ เกรงว่าอาจจะคิดสั้นก็เป็นไปได้” จินหลินตีสีหน้าราวกับเป็นห่วงเป็นใย
แต่หารู้ไม่ว่ายามนี้คุณหนูสามกำลังเก็บอาภรณ์ใส่หีบด้วยสีหน้าแห่งความสุข “แม่นมเหอ แผนของข้าใช้ได้ผลเห็นหรือไม่”
“คุณหนูคิดจะอัปลักษณ์ถึงเมื่อไรกันเจ้าคะ คนทั่วทั้งเมืองต่างก็หัวเราะเยาะคุณหนูกันทั้งนั้น มิอับอายบ้างหรือเจ้าคะ”
แม่นมเหอช้อนสายตามองอย่างแง่งอนคุณหนูของตน นึกไม่ถึงว่ายิ่งโตยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกวัน จะมีใครเหมือนนางบ้าง ทำตัวอัปลักษณ์แล้วยังฉีกยิ้มไม่สะทกสะท้านอันใดสักนิด
“แม่นมเหอละก็ หากข้าไม่ทำเช่นนี้ มีหรือหลิวซื่อจะตายใจ หากข้าสะสวยงดงาม เกรงว่าคงจะถูกกลั่นแกล้งยิ่งกว่านี้ พลอยทำให้ถูกจับให้หมั้นหมายกับใครก็ไม่รู้ หลิวซื่อร้ายกาจจะตายไปใช่ว่าท่านจะไม่รู้นี่นา”
จินเสียงกอดแขนแม่นมอย่างประจบเอาใจ ด้วยเพราะนางเติบโตภายใต้ความดูแลของแม่นมเหอ หากมิใช่แม่นมผู้นี้ช่วยเอาไว้ นางก็คงไปเยือนปรโลกหลังจากที่มารดาจากไปแล้วกระมัง
แม่นมเหอนั้น เป็นสาวใช้ของมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นคนของตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นตระกูลของท่านยาย ส่งแม่นมเหอติดตามจากตระกูลโจวออกเรือนมายังตระกูลจิน
จึงคาดไม่ถึงว่าหลิวซื่อซึ่งมีฐานะเป็นฮูหยินเอก จะร้ายกาจไม่เบา ทำให้มารดาของนางต้องพิษร้าย ซึ่งเรื่องนี้กำลังสืบหาความจริง
แต่...ทว่าหลักฐานก็หายสาบสูญไปหมดแล้ว แม้แต่คนของท่านตาก็ยังสืบหาความจริงไม่ได้ นับว่าหลิวเพ่ยอันไม่ธรรมดา คงวางแผนการมาอย่างรัดกุม
“เอาละคุณหนูก็รีบเก็บของเถิดเจ้าค่ะ หากชักช้าเกรงว่านายท่านจะเปลี่ยนใจ” แม่นมเหอไม่อยากพลาดโอกาสงาม ๆ นี้ไป จึงรีบให้คุณหนูนั้นเก็บข้าวของเครื่องใช้ “อ้อ ข้าลืมไปสินเดิมของฮูหยินถูกหลิวซื่อเก็บไว้ เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
“แน่นอนว่าข้าย่อมไปแต่ตัว สินเดิมท่านแม่จะต้องอยู่ในมือของข้า” จินเสียงมั่นอกมั่นใจนัก จึงเดินออกจากห้องไปทันใด เพราะคิดแผนออกแล้ว ปล่อยให้แม่นมเหอยืนงุนงงอยู่ในห้อง มองแผ่นหลังอันอวบอ้วนออกไปเสียอย่างนั้น
ในห้องมิใช่มีแค่แม่นมเหอ ยังมีสาวใช้หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูอีกหนึ่งนาง เอ่ยถามเสียงเบา ๆ ขึ้นว่า “ท่านแม่นม คุณหนูไม่อึดอัดหรือเจ้าคะ สวมชุดหนา ๆ ทำให้รูปร่างอวบอ้วนอัปลักษณ์เช่นนี้ทุกวัน”
“ไม่ต้องเข้าใจมากนักหรอก แค่ให้คุณหนูสบายใจก็พอแล้ว” แม่นมเหอลงมือเก็บเครื่องประดับลงหีบต่อ
สาวใช้เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เตรียมปูเตียงนอนให้นายสาวเสร็จ มีเรื่องหนึ่งซึ่งนางมิเข้าใจนัก สิบปีมานี้ นางไม่เคยเข้าใจความคิดของคุณหนูเลยสักครั้ง
“ผู้ใดจะมีความคิดแปลกประหลาดเหมือนคุณหนูรองหรือไม่ ข้าว่าต่อให้พลิกแผ่นดิน คงจะมีแค่คุณหนูของพวกเรากระมังเจ้าค่ะ”