ตอนที่ 2 ถูกเล่นงาน

1821 Words
ตอนที่ 2 ถูกเล่นงาน งานเลี้ยงค่ำคืนนี้ จัดขึ้นโดยเถ้าแก่จิน พ่อค้าวาณิชย์ ซึ่งขายผ้าไหมชั้นเลิศ ในเมืองหลัวเจียง ไม่มีผู้ใดทัดเทียมก็ว่าได้ กิจการของชายสูงวัยนั้น มีเหลาอาหารและโรงน้ำชา ชายผู้นี้มีภรรยาเอกนามว่า หลิวเพ่ยอัน ภรรยารองเสียชีวิตไปนานแล้ว เขามีบุตรสาวอยู่สามนาง หาได้มีบุตรชายสืบทอดสกุลไม่ ยามนี้มีคุณหนูใหญ่ อนาคตอาจกลายเป็นผู้นำตระกูลจิน ทว่ายังมีคุณหนูรอง ซึ่งรูปร่างผิดแปลกจากผู้เป็นพี่สาวและน้องสาวยิ่งนัก กลายเป็นตัวตลกขบขันให้แก่เหล่าเครือญาติ และคืนนี้เองคุณหนูรองก็ได้ร่วมงานเลี้ยงด้วยนางสวมชุดมิได้งดงาม ยังสวมหมวกคลุมใบหน้าอีกด้วย เพราะถึงอย่างไรคืนนี้ นางต้องได้รับความอับอายไม่มากก็น้อย โดยมีหลิวซื่อคอยจับตามอง ซ้ำยังเดินเข้ามาพูดคุยกับนาง ราวกับว่าเป็นมารดาแสนอ่อนโยนแสนดีเสียอย่างนั้น “หลิวฮูหยินช่างมีจิตใจงดงามนัก รักและเอ็นดูคุณหนูรองมิต่างจากสายเลือดตนเอง” ฮูหยินนางหนึ่งเอ่ยปากชื่นชม “ข้าเคยพบคุณหนูรอง หน้าตาของนางต่างจากพี่สาวน้องสาวเหลือเกิน” สตรีอีกนางเอ่ยปากพร้อมกับหัวเราะชอบใจ “ไม่คิดว่าคืนนี้หลิวฮูหยินจะให้นางมาร่วมงานด้วย มิเกรงว่าจะอับอายหรือไรกัน” สตรีอีกนางร่วมวงเอ่ยสมทบ ขุนนางที่เดินทางมาคัดเลือกผ้าไหมได้ยินเช่นนี้แล้ว รู้สึกสงสารหญิงสาวนางนั้นยิ่งนัก เขาทอดสายตามองด้วยความห่วงใย ก็เพราะว่าเขานั้นเป็นสหายของใต้เท้าโจว และวันนี้ก็เพิ่งจะได้พบกับหลานสาวของสหาย แต่ว่า...เหตุใดเหล่าสตรีพวกนี้จึงว่าร้ายนางกันเล่า ชายชราจึงนึกแปลกใจและอดสงสัยใคร่รู้ยิ่งนัก ผู้ถูกกล่าวถึงถูกมารดาเลี้ยงจับจูงเดินรอบ ๆ งาน แต่ก็หาได้ปฏิเสธไม่ ยังคงเดินตามแผ่นหลังของฮูหยินเอก ออกจะสงบเสงี่ยมเจียมตัว กำลังรอคอยจังหวะที่จะให้หลิวซื่อเล่นงานนาง ส่วนผู้เป็นบิดากำลังดื่มสุราพูดคุยสนุกสนาน พลางเหลือบมองบุตรสาวเป็นระยะ เกรงว่าหมวกคลุมหน้าจะหล่นลงมา เดี๋ยวจะขายหน้าเสียเปล่า ๆ “ท่านพ่อ คืนนี้ใต้เท้าเลี่ยงคงพอใจนะเจ้าคะ” บุตรสาวคนโตเอ่ยขึ้น นางเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วยืนเคียงข้างผู้เป็นบิดา ยิ้มแย้มเบิกบานยิ่งนัก ทำให้เหล่าชายหนุ่มที่มาร่วมงานถึงกับหลงใหลในรูปโฉมอันงดงาม จากนั้นบุตรสาวลำดับที่สองจึงเดินเข้ามากระซิบเบา ๆ ขึ้นว่า “อีกเดี๋ยวจะมีนางรำออกมาร่ายรำต้อนรับใต้เท้าเลี่ยง ข้าจะให้พี่รองร่วมแสดงด้วยดีหรือไม่” จินจูยกยิ้มอย่างชั่วร้าย “จะได้อย่างไรกัน นางอัปลักษณ์ถึงเพียงนั้น หากร่ายรำเกรงว่า” ผู้เป็นพี่สาวสีหน้าครุ่นคิดหนัก เหลือบมองบิดาก่อนจะพยักหน้า เมื่อเห็นว่าบิดามิมีท่าทางสนใจคำพูดของพวกนางทั้งสอง “พี่ใหญ่ ท่านแม่ออกคำสั่งเอง งานนี้นางไม่รอดแน่” ผู้เป็นน้องสาวยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะเบา ๆ ทำให้เหล่าคุณชายทั้งหลายต่างก็สนอกสนใจสตรีทั้งสอง ซึ่งดูโดดเด่นสะดุดตายิ่งนัก จินอู่เกรงว่าลูกสาวจะขายหน้า จึงรีบเอ่ยชักชวนสหายทั้งหลายนั่งประจำที่เสีย ใบหน้ายิ้มแย้มต้อนรับแขกเหรื่อมาร่วมงานมิขาดตกบกพร่องแต่ประการใด “เชิญทุกท่านนั่งชมการแสดง เชิญ เชิญขอรับ” เมื่อชักชวนสหายร่วมการค้านั่งลงแล้ว ชายสูงวัยเผยยิ้มอย่างยินดี “วันนี้ข้าน้อยจัดงานเลี้ยงให้แก่ใต้เท้าเลี่ยง เพื่อขอบคุณในน้ำใจที่ใต้เท้ามอบให้ หวังว่าใต้เท้าเลี่ยงจะรับน้ำใจของข้าน้อยนะขอรับ” “ขอบคุณในน้ำใจเถ้าแก่จิน อันที่จริงแล้วข้าเกรงใจท่านจริง ๆ ผ้าไหมของร้านท่าน งดงามนักสมกับคำร่ำลือ” ใต้เท้าเลี่ยงยกยิ้มเล็กน้อย เหลือบมองหลานสาวของสหายเป็นระยะ “ถ้าอย่างนั้น คืนนี้ข้าเตรียมให้เหล่าสาวงามมาร่ายรำ หวังว่าใต้เท้าเลี่ยงจะเพลิดเพลิน” ชายสูงวัยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็มีเสียงบรรเลงกู่ฉินขึ้นมา สาวงามค่อย ๆ เดินเข้ามายังลานกว้างด้านหน้า เบื้องหน้าของพวกนางเป็นเถ้าแก่จินอู่ และใต้เท้าเลี่ยงผู้จัดซื้อผ้าไหม “เดี๋ยวก่อนท่านพ่อ คืนนี้พี่รองก็เตรียมตัวร่ายรำมอบให้ใต้เท้าเลี่ยงด้วยนะเจ้าคะ” จินจูไม่อยากพลาดโอกาสทำให้พี่สาวต่างมารดาอับอาย วันนี้จึงอยากทำให้สตรีนางนั้น กลายเป็นตัวตลกขบขัน ซ้ำยังอยากให้นางอับอายจนไม่กล้าพบหน้าผู้คน “...” จินอู่ไม่สบายใจนัก จึงมองบุตรีด้วยสายตาเชิงตำหนิ ทว่าจินจูก็หาได้สลดหดหู่ไม่ นางเอาแต่ใจและตั้งตนเป็นใหญ่ มิสนอกสนใจผู้ใด ในเมื่อนางได้พูดออกไปแล้ว เช่นนั้นจึงเรียกให้สาวใช้ไปแจ้งแก่ผู้เป็นพี่สาวต่างมารดา เตรียมตัวเปิดเผยใบหน้าและออกมาร่ายรำแต่โดยดี “ท่านพี่ เสียงเอ๋อร์ต้องร่ายรำได้งดงาม ไม่ทำให้ท่านพี่ต้องขายหน้า” หลิวเพ่ยอันกระหยิ่มยิ้ม นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ ๆ ผู้เป็นสามี เอ่ยเสียงหวาน ด้วยเพราะมีใจคิดร้ายต่อบุตรีของศัตรูหัวใจอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จินอู่ไม่เอ่ยถ้อยคำ ได้แต่นั่งเงียบ ๆ ด้วยความขุ่นข้องหมองใจ ปรายตามองบุตรสาวผู้น่าเกลียดนั่น ก่อนจะละสายตามองมายังบุตรีคนโต ด้วยสายตาที่รักใคร่เอ็นดู จินเสียงมองผ่านผ้าโปร่งเห็นบิดามองนางและพี่สาวผู้นั้นก็หาได้น้อยอกน้อยใจไม่ เพราะทุกครั้งบิดามักเปรียบเทียบด้วยสายตาเสมอ และวันนี้นางก็จงใจอยากให้บิดาเอ่ยปากขับไล่ออกจากตระกูลจินเสียที ใต้เท้าเลี่ยงพบว่าหลานสาวผู้นี้ นอกจากจะอวบอ้วนแล้ว เมื่อนางถอดหมวกคลุมศรีษะออก เห็นเพียงดวงตากลมโตสุกสกาวนั่น จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “นี่นะรึคุณหนูรอง เหตุใดจึงใช้ผ้าคลุมหน้าเอาไว้เล่า” “ใต้เท้าเลี่ยง ข้าเกิดมาอัปลักษณ์ จึงต้องปิดหน้าด้วยผ้าคลุมใบหน้าเอาไว้เจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยกล่าวตอบ จากนั้นจึงยกแขนขึ้นมาแล้วก็เริ่มการร่ายรำ หาได้อับอายผู้คนซึ่งกำลังนินทาว่าร้ายไม่ เสียงบรรเลงกู่ฉินจากสาวงามก็ดำเนินต่อไป เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ก็ดังขึ้นมามิหยุดหย่อน จนกระทั่งสตรีนางหนึ่งอดรนทนดูการร่ายรำของสตรีอัปลักษณ์ไม่ไหว เพราะการร่ายรำนั้นงดงามและอ่อนช้อยยิ่งนัก นางคิดจะให้อีกฝ่ายอับอายขายหน้า แต่ดูเหมือนว่าน้องสาวผู้นี้จะได้รับคำชื่นชมเข้าให้ ด้วยความริษยาอยู่ในใจ ไยพี่สาวผู้นี้จะปล่อยให้น้องสาวต่างมารดาได้หน้าไปกันเล่า จึงคิดว่าจะเอ่ยตำหนิต่อว่าอีกฝ่าย แต่แล้วญาติสนิทนั้นอาสาออกหน้าจัดการให้ จินหลินจึงดูอย่างเงียบ ๆ ไม่ปริปากพูดอันใดอีกสักครึ่งคำ “พอเถอะคุณหนูรอง ร่างกายเจ้าช่างน่าขยะแขยง ยังจะกล้าออกมาร่ายรำให้อับอายอีกรึ” หญิงสาวผู้นี้เป็นหลานสาวของเถ้าแก่จิน นางจึงได้กล้าพูดจาเยี่ยงนี้ ก็เพราะสนิทสนมกับจินจูและจินหลินเป็นอย่างดี แววตาเย่อหยิ่งไม่เบา เอ่ยเสียงดุดันนัก ตำหนิหญิงอัปลักษณ์เข้าให้ โดยมิสนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอับอายขายหน้าหรือไม่ ก็เพราะนางจงใจทำให้จินเสียงกลายเป็นตัวตลกขบขันในงานวันนี้อย่างไรเล่า “นั่นนะสิ เจ้าเอาความมั่นใจมาจากที่ใด ถึงได้กล้าทำให้ท่านลุงขายหน้าเยี่ยงนี้” ชายผู้นี้เอ่ยสมทบขึ้นมา เขาคือหลานชายของเถ้าแก่จิน จึงถือดีไม่น้อย ซ้ำยังเอ่ยเสียงดัง ท่าทางขึงขังมากอีกด้วย เหลือบมองญาติผู้พี่ด้วยสายตาขยะแขยง จินเสียงลดมือลงยืนสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ลอบมองเหล่าผู้คนมากมาย ในใจก็ยกยิ้มอย่างยินดียิ่งนัก เอ่ยน้ำเสียงสั่น แววตานั้นอาบไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ ทว่านางก็เสแสร้งแกล้งทำให้บิดาตายใจ คราวนี้แผนของนางจึงจะสำเร็จลุล่วงเป็นไปได้ด้วยดี “ข้า...ข้าก็แค่อยากให้ท่านพ่อพึงพอใจ เหตุใดพวกท่านจึงหยาบคายกับข้าเยี่ยงนี้เจ้าคะ” “คุณหนูรองหน้าตาอัปลักษณ์เยี่ยงนี้ นับตั้งแต่เจ้าเกิดมาก็ทำให้กิจการย่ำแย่ตลอด หากมิใช่เพราะเจ้าจะเป็นผู้ใดกันเล่า” สตรีนางนี้มิเกรงกลัวผู้ใด เอ่ยวาจาราวกับว่าตนเองอยู่ในเหตุการณ์เสียอย่างนั้น ก็เพราะว่าเรื่องนี้ได้ฟังความมาจากญาติผู้พี่ทั้งสอง จึงทำให้นางพลอยชิงชังจินเสียงไปด้วย เช่นนั้นแล้วนางจึงคันปาก อยากพูดจาให้อีกฝ่ายได้รับความอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี “อัปลักษณ์หาผู้ใดเปรียบเช่นนี้ ยังจะกล้าเสนอหน้ามาร่ายรำอีกรึ น่าขยะแขยง” จินเสียงกำหมัดแน่นขบกรามขึ้นเป็นสัน ภายในใจอึดอัดคับแค้นใจนัก เพราะรู้สึกผูกใจเจ็บญาติผู้น้องคนนี้ไม่ไหวเสียจริง นางเหลือบมองผู้คนในงาน ต่างก็มองมาที่นางเป็นสายตาเดียวกัน กระทั่งบิดายังนั่งหน้าบึ้งตึง มือของเขากำจอกสุราเอาไว้แน่น ท่าทางเกรี้ยวกราดไม่เบา ซ้ำยังจ้องเขม็งราวกับว่าจะฉีกร่างนางออกมาเป็นชิ้น ๆ เสียอย่างนั้น จินอู่วางจอกสุรากระแทกลงบนโต๊ะ จนเกิดเสียงดัง “ออกไปให้พ้นหน้าข้า!” เขาเอ่ยวาจาดังลั่นมิสนว่าจะมีใครมองเขาในแง่ร้าย หากขืนให้ลูกสาวผู้นี้อยู่ต่อ เกรงว่ากิจการขายผ้าไหมของเขาคงหมดสิ้นหนทางเป็นแน่ “ท่านพ่อ ข้าทำอันใดผิดหรือ ท่านจึงขับไล่ข้า ราวกับเป็นแค่สุนัขตัวหนึ่ง” ใช่...ถ้อยคำของนางจงใจให้ผู้เป็นบิดาเกิดโทสะ หากนางเป็นสุนัข เขาก็เป็นบิดาสุนัขเหมือนกัน จินอู่เสียหน้ายิ่งนัก บุตรสาวผู้นี้วันนี้กินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร ถึงกล้าต่อปากต่อคำ ซ้ำยังเอ่ยวาจาก้าวร้าวเยี่ยงนี้ จึงทำให้เขาไม่พอใจนัก ยกนิ้วชี้ใบหน้าของนางอย่างเดือดดาล แล้วตะคอกเสียงดังออกไปทันใด “ออกไปให้พ้นหน้าข้า อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกออกไป!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD