บทที่ 1
เอวารุกหมอดิน
“แกโอเคปะ เอวา”
“อือ”
“แน่ใจนะ สีหน้าแกไม่บอกแบบนั้นเลย” มองเพื่อนสาวที่เท้าคางมองขณะที่ฉันเอนศีรษะนอนบนโต๊ะไว้สำหรับตัดเสื้อผ้า สองสามวันมานี้รู้สึกดีขึ้นหลังจากไปหาหมอดินแดนยาที่เขาให้มาก็ใกล้จะหมดแล้วด้วยพรุ่งนี้ต้องไปพบเขาอีก “หรือว่าแก...”
“อะไรปุ้ย พูดให้จบ” ปุ้ยคือเพี่อนสาวที่เรียนมหาลัยด้วยกันจนจบตอนนี้ก็ยังคบกันอยู่ ด้วยเพราะว่าปุ้ยเป็นนักธุรกิจร้านอาหารและหุ้นส่วนนิดหน่อยของบริษัทฉันที่มีพ่อเป็นประธาน
“ก็ที่แกเล่ามาอะ แกตกหลุมรักคุณหมอที่รักษาตัวเองตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเลย”
“ไม่ใช่”
“แต่แกบอกเองนะว่าละสายตาจากเขาไม่ได้” ฉันไม่น่าพูดเรื่องนี้ให้ยัยเพื่อนตัวแสบฟังเลยเอาจริง “มองคนอื่นได้แล้วอ่อ”
“ยังหรอก”
“โธ่เอ๋ยเอวา แกน่ะทั้งสวย ทั้งรวย มั่นอกมั่นใจในตัวเองเป็นลูกสาวคนเดียวของมาเฟียผู้มีอิทธิพล... แกควรหาใครสักคนมาเป็นแฟนได้แล้วนะ”
“แกอย่าพูดเหมือนพ่อฉันได้ปะ รายนั้นมัดมือชกฉันตลอด”
“อืม ว่าแต่คุณบอดี้การ์ดสุดหล่อของแกละ ไม่มาด้วยเหรอวันนี้?” ปุ้ยถามพลางสอดสายตามองไปทั่วห้องเสื้อ เมื่อไม่เจอก็มาสบตาฉันเพื่อรอฟังคำตอบ
“พ่อพาเตชินทร์ไปทำงานด้วยอะ”
“ปกติพ่อแกไม่เคยพาคุณบอดี้การ์ดไปด้วยนี่ ก็ให้ดูแลแก”
“ไม่รู้สิ พ่อคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้” ถอนหายใจก่อนจะผงกศีรษะขึ้นมองชุดสูทของพ่อที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
“ฉันถามแกจริงๆ นะเอวา” เลิกคิ้วขึ้นมองเพื่อนที่มองด้วยสีหน้าสงสัย “คุณเตชินทร์หล่อ ล่ำแบบนั้นแกไม่คิดอะไรกับเขาเลยเหรอ? แบบว่า...”
“อะไรของแก”
“คิดเกินเลยกับเขาอะ”
“จะบ้าเหรอ! เตชินทร์อายุสามสิบห้าแล้วนะ ห่างกับฉันตั้งสิบปีฉันมองเขาเป็นอื่นไม่ได้หรอก” มันก็คงเป็นที่สงสัยของปุ้ยก็คงจะใช่ในเมื่อชีวิตของฉันตั้งแต่โตมามีแค่พ่อกับเตชินทร์เท่านั้นที่เป็นผู้ชายอยู่ใกล้ชิดกัน ฉันมองเตชินทร์เป็นอื่นไม่ได้จริงๆ เขาเปรียบเสมือนคนที่คอยห่วงใยฉัน ดูแลฉันดีมาตลอดให้เขาได้เจอกับคนที่เหมาะสมกับเขาจะดีกว่า
“แล้วคุณหมอดินแดนอะ” ยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่แล้ว ฉันไม่สนใจปุ้ยเลยหันมาทำงานของตัวเองดีกว่า “อืม นายแพทย์ดินแดน กิตติทัศณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมและโรคทั่วไป อายุ 32 ปีเป็นบุตรคนเดียวของอดีตนายแพทย์ดนัย เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม ภรรยาคืออดีตพยาบาลพิไล... โห ประวัติดีเลิศ”
“ถึงกับเสิร์ชกูเกิ้ลคือแกจะไปเห็นหน้าเขากับฉันด้วยเลยไหม?” ประชดประชันปุ้ยที่เบ้ปากพลางจดจ่อกับสมาร์ทโฟนสีม่วงของตัวเอง “ประวัติสำคัญอีกอย่างคือยังโสดด้วยอะแก”
“เฮ้อ”
“จีบเลยปะ มีแฟนเป็นหมอคือปังนะเว้ยเอวา”
เอาจริงฉันไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้ปุ้ยฟัง! ยัยเพื่อนคนนี้ชอบเพ้อไปเรื่อยชอบขยันจับคู่ให้ฉันไม่ต่างจากพ่อของฉันสักนิด ฉันยังไม่อยากมีใครไงเข้าใจไหม? มันไม่ได้ทำให้ฉันตายสักหน่อยกับการไม่มีแฟนเนี่ย อีกอย่าง...
“อ๊ะ”
“โทษที ฉันบอกแกแล้วไงว่าให้ไปลบรอยแผลเป็นตรงนี้ออก เห็นแล้วหงุดหงิดอะ” ปุ้ยพลิกแขนซ้ายฉันดูตรงบริเวณข้อมือที่ตอนแรกปุ้ยเห็นคิดว่าฉันกรีดข้อมือตัวเองแต่เปล่าเลย แผลนี้เป็นแผลเป็นที่ลาดยาวจนเกือบถึงศอกและมันกลายเป็นแผลที่ฉันไม่อยากจะทำให้มันจางหายไป “หน้าสวย รูปร่างดีแต่มีแผลเป็นตรงนี้มันดูแปลกตา”
“ช่างเรื่องนี้เหอะน่า ว่าแต่แกเถอะมาหาฉันได้นี่ยังไง?”
“พรุ่งนี้ฉันนัดกับยัยอุ่นไปกินข้าวที่ร้านฉัน ฉันอยากให้แกไปรับนางทีที่โรงพยาบาลเอกชน” อุ่นเป็นเพื่อนอีกคนที่โคตรจะเรียบร้อยฉันขอบอกแค่นี้นะ แม่ชีดีๆ นี่เองอะไรผิดไปนิดหน่อยคือโยงไปหมดชอบงานการกุศล ฉันคิดอยู่นะว่าอุ่นเหมาะกับทำงานพยาบาลแล้วขี้สงสาร ชอบช่วยเหลื่อผู้อื่น
“แกก็รู้ว่าฉันไม่ค่อยถูกกับโรงบาล”
“แปบเดียวเอง ยัยอุ่นทำอยู่ชั้นอายุรกรรมเดี๋ยวฉันส่งชั้นไปให้ในไลน์ จะบอกนางอีกทีด้วย”
“อือ”