ตอนที่ 7

1076 Words
  เธอซบหน้าร้องไห้กับอกเขา เห็นได้ชัดว่าใบหน้าสะสวยของเริงรตีเปลี่ยนไปเป็นซีดเซียวราวกับหน้ากระดาษที่ปราศจากตัวอักษร “เสี่ยกำพลค่ะ…” เธอบอกทั้งสะอื้น สูดหายใจแรงคล้ายกำลังรวบรวมสติเพื่อเค้นเอาถ้อยคำออกมา “ทำไม…?” หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่น “เสี่ยกำพลสิ้นใจแล้วค่ะ…” เธอไม่ได้ร้องไห้ออกมาดังๆ ก็จริง แต่ก็สะอื้นแรงจนตัวโยนด้วยความสะเทือนใจ เสี่ยกำพลก็คือสามีของเธอที่นอนทอดร่างแน่นิ่งราวกับเจ้าชายนิททราอยู่บนเตียงผู้ป่วยภายในห้องไอซียูของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งมานานกว่าหกเดือน ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ชั่วขณะหนึ่งซึ่งเกิดอาการคล้ายจะเป็นลม ใบหน้าของสามีก็ผุดพรายขึ้นในมโนภาพของเธอ ภาพนั้นยังจดจำได้ติดตา ศีรษะของเขาโล้นเกลี้ยงเพราะถูกโกนเพื่อผ่าตัดซ้ำแล้วซ้ำอีก มองเห็นรอยเย็บเต็มไปหมด รอบศีรษะโพกพันเอาไว้ด้วยผ้าขาว สายยางพลาสติกเส้นเล็กๆ ระโยงระยางอยู่ทั้งจมูกและปาก เริงรตีสะอื้นฮั่ก ไม่อาจหักห้ามน้ำตาที่รินไหล ความเสียใจเมื่อได้รู้ว่าเขาสิ้นใจ… บางที่อาจจะยังน้อยกว่าความเสียใจเพราะรู้สึกผิดในสิ่งซึ่งเธอเพิ่งกระทำกับพ่อเลี้ยงเดโชเมื่อครู่…  เริงรตีรู้สึกสับสนและชิงชังตัวเองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกถึงภาพของสามีในขณะที่กำลังจะสิ้นลมหายใจคาเตียงคนไข้ภายในห้องไอซียูของโรงพยาบาล  ซึ่งตอนนั้น… คงเป็นจังหวะเดียวกันกับร่างของเธอที่กำลังแดดิ้นจวนเจียนจะสิ้นใจตายคาโต๊ะทำงานของพ่อเลี้ยงเดโชเช่นกัน… ต่างกันตรงวิธีที่ถูกทำให้ขาดใจ “ผมเสียใจด้วยนะครับ… เรื่องสามีคุณ” พ่อเลี้ยงเดโชกล่าวด้วยสุ้มเสียงเศร้าสลด แม้ว่าเขาจะเอ่ยออกมาจากใจจริง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกผิดบาปคลายไปจากดวงตาที่ชุ่มไปด้วยรื้นน้ำตาของคนฟัง                   “ให้ผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาลนะครับ” เขากุมมือเธอแล้วบีบเบาๆ ขันอาสาอย่างจริงใจ ทว่า เริงรตีกลับรู้สึกว่ากำลังถูกยัดเยียดความละอายยิ่งขึ้น หากต้องไปเผชิญหน้ากับร่างไร้ลมหายใจของชายที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘สามี’ ของเธอ พร้อมๆ กับ ‘ชู้รัก’ ที่เพิ่งผ่านสังเวียนสวาทกันมาสดๆ ร้อนๆ “ขอบคุณค่ะ  แต่อย่าดีกว่า… รตีอยากไปคนเดียวค่ะ” ตอบเสียงเศร้า พ่อเลี้ยงเดโชพอจะเข้าใจได้ในเหตุผลของเธอ เลยไม่รู้สึกว่าถูกปฏิเสธน้ำใจแต่อย่างใด “ผมรักคุณนะครับรตี… ” สิ้นเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ เขาสวมกอดเธอจากด้านหลัง เอื้อมมือใหญ่ไปกุมที่มือเรียวบางของเธอแล้วบีบเบาๆ ราวจะตอกย้ำให้เธอเชื่อมั่นว่าเขาจริงใจแค่ไหน แต่สำหรับเริงรตี… เธอกลับรู้สึกว่า ‘คำรัก’ ยังเร็วไปอยู่ดี สำหรับความสัมพันธ์ของเธอกับเขาที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อครู่ แม้จะลึกซึ้งและข้ามขั้นตอนจนได้เสียกันแล้วก็ตาม “คิดถึงผมนะครับ… ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เรื่องอะไรก็ตาม ผมยินดีเสมอถ้าเป็นคุณ” เขากล่าวทิ้งท้ายเอาไว้อย่างมีนัยสำคัญ   ครู่ต่อมา รถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีแดงเลือดนกคันหรู ก็แล่นออกมาจากคฤหาสน์ไม้หลังงามของพ่อเลี้ยงเดโชด้วยความรีบร้อน จากบานหน้าต่างของห้องทำงาน เขาแหวกม่านมองส่งจนรถของเธอแล่นลับไปกับสำแสงสุดท้ายของวัน ท่ามกลางสายหมอกสีขาวที่โรยตัวลงปกคลุมไร่องุ่นกว้างใหญ่ไพศาล ขณะที่รถกำลังแล่นจากมา เริงรตีเอื้อมมือออกไปกดปุ่มปรับลดบานกระจกไฟฟ้าลงจนสุดราง ปล่อยให้สายลมที่พัดแรง โลมลูบใบหน้า รับแรงปะทะที่ตอกย้ำความด้านชาน่าละอายกับสิ่งที่เพิ่งกระทำลงไปด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ ในจังหวะหนึ่ง ปลายเท้าของเธอเหยียบลงบนแป้นคันเร่งจนสุดแรง แผ่นหลังบอบบางกระแทกเข้ากับเบาะนั่ง ทั้งรถและคนพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความแรงสูงอย่างไม่นึกหวาดกลัวอันตรายใดๆ เริงรตีรู้สึกได้ถึงปรอยน้ำตาใสๆ ของตัวเองที่ปลิวกระเซ็นไปตามแรงลมและความเร็วของรถ เมื่อละสายตาที่ทอดมองดูการจากไปของเริงตรีอยู่เงียบๆ พ่อเลี้ยงเดโชก้าวกลับมาคว้าแก้วเบียร์เย็นฉ่ำ ทรุดร่างท้วมใหญ่ลงนั่งบนเก้าอี้ พร้อมกับยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบอย่างสบายอุรา ในสมองครุ่นคำนึงถึงข่าวการเสียชีวิตของเสี่ยกำพล… ว่าแท้จริงก็คือของขวัญชิ้นใหญ่ที่เขาทิ้งเอาไว้ให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็คือตัวเขากับเริงรตี คงถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะได้เชยชมเธอบ้าง หลังจากที่แอบมองมานานหลายปี     เขาอิ่มเอม สมใจอยาก กับการร่วมรักเร่าร้อนที่เพิ่งผ่านพ้นมาเมื่อครู่ก็จริง หากแต่พ่อเลี้ยงกลับไม่ได้รู้สึกเพียงพออย่างที่มันควรจะเป็น กับผู้หญิงคนนี้… ยิ่งได้ใกล้ชิดก็ยิ่งทำให้เขาอยากครอบครองเธอมากยิ่งขึ้น ในวันที่สวรรค์เพิ่งเปิดทาง ทุกสิ่งทุกอย่างดูราวจะรู้เห็นเป็นใจไปเสียหมด ท่ามกลางข่าวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของสามีเธอ   วันต่อมา… ท่ามกลางทะเลเมฆสีขาว แลเห็นเป็นริ้วรายลดหลั่นสลับสล้างอยู่เหนือน่านฟ้า ใบหน้าสวยสะอางของสาวน้อยฉาบเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางเพียงบางๆ ดวงตาคู่งามซึ่งบัดนี้บวมช้ำเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาตลอดทั้งคืน ทำให้ต้องอำพรางเอาไว้ด้วยแว่นกันแดดสีดำกรอบใหญ่ เรือนผมยาวสลวยสีดำขลับขมวดเป็นมุ่นมวยเอาไว้ด้านหลัง เธอทอดสายตาอันเลื่อนลอยผ่านหน้าต่างบานเล็กของเครื่องบินโบอิ้ง 747 ลำใหญ่ ของสายการบินแควนตัส ที่ทะยานขึ้นจากสนามบินเพิร์ธ ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย มุ่งตรงสู่ประเทศไทยอันเป็นจุดหมายปลายทาง หญิงสาวรู้สึกได้ว่ายิ่งเข้ามาใกล้บ้านมากขึ้นเท่าไร หยาดน้ำตากลมเกลี้ยงก็ยิ่งรินไหลออกมาอาบนวลแก้ม ซ้ำรอยเดิมที่เพิ่งจะแห้งเหือดลงเมื่อครู่ จากนั้นไม่นานนัก แว่วเสียงประกาศจากลำโพงภายในตัวเครื่อง บอกให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัด และปรับพนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD