เธอห่อริมฝีปากเป็นรูปตัวโอ ปรือตารับอาการตอดกระตุกของกลีบเนื้อที่บีบรัดแก่นกายของเขาขณะกำลังกลั่นน้ำรักออกมาจนหยดสุดท้าย แม้ขณะนั้นจะมองไม่เห็นด้วยสายตา แต่ก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าส่วนปลายเหมือนดอกเห็ดบานใหญ่… กำลังผงึกผงกอยู่ในความซับซ้อนอ่อนไหวของกลีบเนื้อช้ำแดงเพราะโดนเสียดสีมายาวนาน ซึ่งเป็นความรู้สึกสุดวิเศษ… ที่รับรู้ได้เพียงเขาและเธอ
“ผมมีความสุขเหลือเกิน…”
บอกพร้อมกับร่างกำยำที่ทรุดฮวบลงทาบทับกับเรือนร่าง
สั่นเทิ้มของเธอที่นอนหงายอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา
ใบหน้าชื้นเหงื่อของพ่อเลี้ยงเกลือกไปมาข้างซอกคอละมุนของเธอ จมูกโด่งสูดไซ้กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ซึ่งหอมรัญจวนปะปนอยู่ในกลิ่นกายของกันและกันที่เกิดขึ้นจากการร่วมรัก
ภายในหูของเขาได้ยินแต่เสียงหายใจหอบระโหยโรยรินของเธอ ทรวงอกที่แนบเน้นเข้าด้วยกันทำให้รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงราวจะหลุดออกมาจากอกด้วยกันทั้งคู่ ภายหลังจากถาโถมโรมรันเข้าหากันด้วยความเร่าร้อน ราวน้ำมันกับไฟที่เพิ่งจะมอดดับลงเมื่อครู่
“…..”
เริงรตีไม่ได้กล่าวอะไร เธอหายใจแรง นานมากแล้วที่ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ รู้สึกเนื้อตัวโล่งสบายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ด้วยเลือดในกายที่อัดอั้นมานานได้สูบฉีดไปทั่วสรรพางค์กาย ความต้องการทางเพศที่เธอจำเป็นต้องเก็บกดเอาไว้ตลอดระยะเวลาป่วยไข้ของสามี ก็ถูกระบายออกมาจนสมใจอยาก
อาการออกัสซั่มรุนแรงเมื่อครู่ ส่งผลให้พวงแก้มของเธอแดงระเรื่อราวกับหญิงสาวแรกรุ่น เปล่งปลั่งดูราวลูกตำลึงสุก ขณะที่ฝ่ามือบอบบางยังคงโอบรัดอยู่ที่แผ่นหลังบึนหนาของเขา
นิ้วเรียวลูบไล้อยู่กับหยาดเหงื่อเย็นๆ ที่พรมพราวอยู่ทั่วแผ่นหลังเรียบลื่นของพ่อเลี้ยง แม้ว่าตอนนั้นทั้งคู่จะอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำก็ตาม
“ผมอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้…”
เขากระซิบเบาๆ ข้างหูของเธอ ในขณะที่กำลังทอดอารมณ์อ้อยอิ่ง ตอนนั้นพ่อเลี้ยงยังไม่ยอมถอนตัวตนออกมาจากร่องเนื้อตรงกึ่งกลางกายของเธอด้วยซ้ำ
ทั้งคู่พริ้มตาซึมซับความอบอุ่นจากร่างกายของกันและกันต่อมาได้ไม่นาน ก็มีเหตุให้เริงรตีต้องลืมตาโพลงขึ้นมาจนเกือบสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ… ภาพใบหน้าของเสี่ยกำพลผู้เป็นสามี ซึ่งในตอนนั้นกำลังป่วยหนัก นอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลมานานหลายเดือนด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ก็ผุดพรายขึ้นมารบกวนจิตใจจนเธอแทบจะผลักชู้รักออกไปจากร่างในนาทีนั้น
ซึ่งพ่อเลี้ยงเดโชก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปกะทันหันของเริงรตี
“เกิดอะไรขึ้นครับ… รตีจ๋า?”
เขาถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าห่วงใยระคนสงสัย
“…..” คนถูกถามไม่ตอบ แต่ผลักเขาออกเบาๆ สองมือยกขึ้นปิดทรวงอกช้ำแดงด้วยความกระดากอาย หลุบตาด้วยความรู้สึกผิด ไม่กล้าสบตาเขา ค่อยๆ ขยับกายลงจากโต๊ะ
“รตี…..”
เขาเรียกเธอเบาๆ สายตางุนงงสงสัยมองตามเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ก้มลงหยิบเสื้อผ้าแล้วก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องเดียวกัน
เบื้องหลังประตูห้องน้ำที่ปิดลง เริงรตีจ้องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของตัวเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ภายในห้องน้ำ
คล้ายจะร้องไห้… มือเรียวลูบสัมผัสเนินอกที่พ่อเลี้ยงเดโชเพิ่งฝากริ้วรอยระเรื่อแดงจากการฟอนฟัดเชยชมเมื่อครู่
เธอโอบกอดตัวเองด้วยสองแขนเรียวเล็ก ไม่อยากเชื่อว่าเธอปล่อยให้มันเกิดขึ้น…
เริงรตีรู้สึกใจหายกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาสดๆ ร้อนๆ กลิ่นคาวสวาทยังคละคลุ้งอยู่ที่หน้าขา รู้สึกเสียใจที่ปล่อยชีวิตให้เป็นไปแบบนี้…
นอกจากความรู้สึกเจ็บแปลบที่กึ่งกลางของร่างกาย และริ้วรอยช้ำจ้ำแดงประปรายตามเนื้อตัว อันที่จริงแล้วร่างกายก็ไม่มีสิ่งใดบุบสลาย เรื่องนี้จะมีแค่เธอกับเขาเท่านั้นที่รู้ ร่างกายที่เคยหวงแหนยังคงเป็นของเธอ… หากแต่สิ่งที่ได้สูญเสียไปแล้วก็คือความรู้สึก
ภายหลังจากจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางอย่างลวกๆ พ่อเลี้ยงเดโชมองหาโทรศัพท์อย่างขัดใจ เมื่อพบว่ามันไม่อยู่บนโต๊ะ เขาลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองนั่นแหละที่กวาดมันกระเด็นกระดอนไปพร้อมกับกองเอกสารเพราะความรีบร้อนเมื่อครู่
ร่างสูงใหญ่ก้มเก็บโทรศัพท์ เขาดูงุ่นงาน เก้ๆ กังๆ ก่อนจะกดเรียกคนนอกห้อง ครู่ต่อมาป้าศรีก็เข้ามาพร้อมกับน้ำเย็นเฉียบและเบียร์ในแก้วที่พรายฟองยังผุดพราย
“เอ่อ… จะให้ป้าเก็บข้าวของพวกนี้เลยไหมคะ?”
ป้าศรีตะกุกตะกัก กวาดสายตาไปตามเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น แม้ว่าแกจะแสดงสีหน้าฉงน… แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเสียงตึงตังที่เกิดขึ้นภายในห้องเมื่อครู่นั้นคืออะไร?
“ยังก่อน…”
พ่อเลี้ยงเดโชตอบสั้นๆ ป้าศรีหลุบสายตาลงอย่างเข้าใจสถานการณ์ รีบก้าวออกไปจากห้องอย่างรู้งาน
เมื่อเริงรตีก้าวออกมาจากห้องน้ำ เป็นจังหวะเดียวกันกับโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเธอส่งเสียงดังขึ้นมาพอดี
“สวัสดีค่ะ เริงรตีพูดค่ะ…”
เธอยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแนบหู เสียงแผ่วเบาแว่วมาจากปลายสาย แล้วสิ่งที่ได้รับรู้… ก็ทำให้โลกทั้งใบของเธอราวจะวูบดับลงในวินาทีนั้น
“คะ!… อะ.. อะไรนะคะ…?” เริงรตีอุทานลั่น
มือไม้เบาหวิว ราวจะทรงตัวเอาไว้ไม่ไหว เรือนร่างนิ่งงันราวกับถูกสะกดด้วยประโยคเพียงสั้นๆ จากปากของผู้ที่อยู่ปลายสาย
เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปาก แหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง กระพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่หยาดน้ำตาซึ่งไหลพรากออกมาโดยไม่รู้ตัว ให้กลับลงไปขังอยู่ในดวงตาดังเดิม
“เกิดอะไรขึ้นครับ…”
ด้วยความตกใจว่าต้องเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นสักอย่างเป็นแน่แท้? เขารีบก้าวยาวๆ ตรงรี่เข้าประคองร่างซวนเซของเธอเอาไว้ได้ทันท่วงที