บทที่ 2 ผู้หญิงของฉัน
-เขินอาย-
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มทำให้ฉันรู้สึกเวียนหัว แม้ว่าจะคุ้นชินกับสถานบันเทิงมาก แต่เชื่อเถอะ...ฉันไม่ได้ชอบมันเลยสักนิด
บรรยากาศที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่และกลิ่นแอลกอฮอล์ ทำให้ฉันอยากอ้วกอยู่หลายครั้ง มันไม่ใช่แค่กลิ่นของสองอย่างนี้ แต่รวมถึงสายตาของใครหลายคนที่หันมองมา ฉันเป็นเพียงพนักงานเสิร์ฟเหล้าเสิร์ฟอาหารของที่นี่ ไม่ใช่เชียร์เบียร์ ไม่ใช่หญิงขายบริการ แต่กลับต้องมาคอยระมัดระวังลูกค้าที่พร้อมจะลวนลามฉัน แม้ว่าตอนนี้ฉันจะเป็นสาวขายบริการอย่างเต็มตัว แต่ก็ใช่ว่าฉันไม่หวงตัวนะ เพราะงานนั้นฉันขายให้...เอ่อ ผู้ชายคนนั้นคนเดียว
แต่ตอนนี้
เรื่องวุ่น ๆ ในชีวิตการทำงานของฉันกำลังเกิดขึ้น มันเหมือนกับทุกวันที่มันเคยเกิดขึ้น ซึ่งฉันไม่เคยชอบมันเลยสักครั้ง
“น้อง...มานั่งชงเหล้าให้พี่สิ พี่ให้ทิปหนักนะ” เสียงยานคางของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น เขามีรูปร่างท้วมเป็นคนที่นิยามคำว่าเสี่ยมากกว่าคุณน้ำไนล์ที่ฉันเพิ่งเจอมา ตอนนี้ฉันพยายามแกะมือของเขาอยู่ นานแล้วล่ะที่เขาฉุดกระชากฉันไปมา ก่อนหน้านี้เขายื่นมือมาคว้าข้อมือของฉันระหว่างที่ฉันกำลังวางออเดอร์ที่เขาสั่งแน่นอนว่าตอนนั้นฉันยังสะบัดข้อมือไม่ได้ แต่ตอนนี้หลังจากที่ฉันวางเสร็จแล้วฉันก็พยายามสะบัดสุดแรงเลยล่ะ
“ปล่อย!”
“หึ ให้พี่ปล่อยทำไมสาวน้อย”
“อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ฉันมีงานต้องทำ”
“งานของหนูคืออยู่กับพี่ไงจ๊ะ” น้ำเสียงโรคจิตชวนขนหัวลุกทำให้ฉันรู้สึกว่าเรื่องจะไม่จบง่าย ๆ ขณะที่เขาเองก็ไม่คิดจะหยุดพูดสักที “พนักงานที่นี่สวยทุกคนหรือเปล่า หรือมีแค่หนู”
“_” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเอือมระอา ทว่าไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบกลับ
หมับ!
“อ๊ะ!...พอร์ช” กลับมีฝ่ามือหนาของผู้ชายที่ฉันจำได้แม่นว่าเป็นของใครยื่นมือมาจับข้อมือผู้ชายคนนี้ไว้ แต่ฉันว่าไม่ใช่แค่จับหรอก เจ้าของฝ่ามือหนานี้เขากำลังบีบเลยต่างหาก
“โอ๊ย!! มึงเป็นใคร ปล่อยกู!” พอร์ชคือชื่อของเขา ผู้ชายร่างสูงที่กำลังบิดข้อมือของเขาคนนี้คือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน เขามาได้ทันเวลาตลอด เวลาที่ฉันมีเรื่องและกำลังต้องการใครสักคน แต่ฉันก็ไม่ได้อยากให้เขามีเรื่อง
“พอร์ช...อย่ามีเรื่องเลย” ฉันหลุดจากพันธนาการของผู้ชายคนนี้ไปแล้ว และฉันก็ไม่อยากให้พอร์ชต้องเดือดร้อน ก็เลยเอื้อมมือไปคว้าลำแขนแกร่งของคนเป็นเพื่อนไว้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจ
“หึ เธอก็เป็นซะแบบนี้ไง” น้ำเสียงทุกลึกดังออกมาจากปากของพอร์ช เขาหันมามองฉันเพียงเล็กน้อย ก่อนที่เขา...
“โอ๊ย!! กูจะฟ้องเจ้าของร้าน อีนี่โดนไล่ออกแน่!!” จะบิดข้อมือผู้ชายคนนี้จะได้ยินเสียงดังแกร็กราวกับกระดูกของเขาคนนี้หัก
พรึ่บ!
“ถ้ามึงคิดจะพูด กูจะต่อยมึงให้ตายก่อนมึงจะไปฟ้อง”
“พอร์ช! ไม่เอาน่า ฉันจะลาออกอยู่แล้ว” พอฉันพูดออกมา ใบหน้าหล่อเหลาของพอร์ชก็หันมามองฉันทันที เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเชิงเป็นคำถาม
“เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ปล่อยเขาก่อนนะ” ฉันแตะเบา ๆ ที่หลังมือหนา ฉันอยากให้พอร์ชใจเย็นและไม่อยากให้พอร์ชเดือดร้อนหากว่าพอร์ชเผลอทำอะไรไปโดยไม่ทันคิด เจ้าของผับที่นี่รักลูกค้ามาก เขาคงไม่ดีใจหรอกถ้าได้ยินว่าพอร์ชที่เป็นเพื่อนกับฉันมาทำร้ายลูกค้าอย่างนี้
“โอ๊ย!!”
“พอร์ช!! ถ้าไม่หยุดเราจะไม่คุยกับพอร์ชแล้วนะ!!” ยิ่งพูดพอร์ชก็ยิ่งทำ แต่พอฉันพูดว่าจะไม่คุยด้วยเขาก็หยุดในทันที พอร์ชคงกลัวฉันโกรธ ซึ่งพอพอร์ชปล่อยมือออก ผู้ชายร่างท้วมคนนี้ก็ยกนิ้วมือขึ้นชี้หน้าพอร์ชกับหน้าฉันราวกับกำลังจะบอกว่าฝากไว้ก่อน ก่อนที่เขาจะหมุนตัวหันหลังหนีไป
“เราว่ามันไม่จบแน่เลยพอร์ช ทำไมพอร์ชไม่เชื่อเราล่ะ” ฉันรู้สึกโกรธ โกรธที่เพื่อนไม่เชื่อฉัน
“เธอก็เป็นซะแบบนี้อาย เป็นแบบนี้ไงใคร ๆ ก็อยากมารังแกเธอ” พอร์ชทำหน้าจริงจัง เขามีสีหน้าบึ้งตึง ซึ่งพอร์ชเป็นแบบนี้บ่อยครั้งเวลาที่ฉันเจอเรื่องประมาณนี้
“เราแค่เป็นห่วงพอร์ช กลัวว่าพอร์ชจะซวยเพราะเรา”
“เธอควรเป็นห่วงตัวเองบ้าง เพราะฉันโคตรเป็นห่วงเธอ” ฉันชะงักไปที่อยู่ ๆ พอร์ชก็ขึ้นเสียงใส่ฉัน ซึ่งคำพูดของเขาทำให้ฉันตกใจเล็กน้อย ทว่าไม่ทันทีฉันจะได้ตอบกลับอะไรไป
แปะ! แปะ! แปะ!
เสียงปรบมือของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน มันทำให้ฉันตกใจเล็กน้อยเพราะอยู่ ๆ มันก็ดังขึ้น ก่อนที่ฉันจะหันไปมอง เพราะดูเหมือนว่าเขาจะปรบมือให้กับฉัน ทว่าพอฉันหันหน้าไปเจอเจ้าของเสียงปรบมือเมื่อครู่
“คุณ....” บุคคลที่ฉันเห็น...น้ำไนล์ เขากำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ ฝ่ามือของเขามีแก้วน้ำสีอำพันอยู่ในมือ เขากำลังส่งยิ้มให้กับฉัน รอยยิ้มของเขาร้ายกาจกว่ารอยยิ้มของใครหลายคนที่ฉันเคยเจอ
“ใครวะ” พอร์ชไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร และฉันก็ยังไม่พร้อมเล่าให้พอร์ชฟังในตอนนี้ด้วย
“บอกไปสิ”
“_”
“บอกไปสิว่าฉันเป็นใคร” ใจของฉันสั่นไหวเมื่อน้ำไนล์จ้องมองฉัน เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยียวน แถมยังยกยิ้มมุมปากราวกับคิดอะไรบางอยู่ในหัวอีกด้วย
“มันเป็นใครอาย”
“คือ...” ฉันไม่กล้าบอก ใครจะไปกล้าบอกล่ะ แม้ว่าฉันคิดจะบอกพอร์ช แต่ก็ใช่ว่าฉันจะกล้าพูดออกมาโต้ง ๆ ราวกับว่าไม่อะไรกับมันมาก แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนกล้าพูดออกมาโต้ง ๆ นะ
“เธอเป็นผู้หญิงของฉันแล้วไม่ใช่เหรอ...บอกมันไปสิ” ใจฉันเต้นระรัวราวกับมีคนตีกลองชุดอยู่ข้างใน รู้สึกเหมือนกับรอบกายหยุดหมุนราวกับมีใครหยุดเข็มนาฬิกาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าของคำพูดยังคงเหยียดยิ้มมุมปาก เขาทำให้ใจฉันเต้นแรงแม้ว่าคำพูดเมื่อครู่...มันกำลังทำให้ฉันหนักใจ
“หมายความว่าไงอาย มันพูดออกมาแบบนี้คืออะไร อายคบกับมันเหรอ” ลำตัวของฉันสั่นคลอนไปมา พอร์ชกำลังใช้สองฝ่ามือจับต้นแขนของฉันทั้งสองข้างพร้อมกับเขย่าไปมา ซึ่งดูเหมือนว่าพอร์ชจะไม่พอใจมาก ๆ
“พะ พอร์ช เราเจ็บ” ฉันว่าเสียงกระท่อนกระแท่น แต่ไม่ทันที่พอร์ชจะหยุดเขย่าตัวฉัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“หึ โมโหเลยเหรอวะ จะโมโหมากแค่ไหนกันนะถ้ารู้ว่า...”
“อย่านะ!!” ฉันหันขวับไปมองคุณน้ำไนล์ เขาเหยียดยิ้มให้ฉัน รอยยิ้มแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขากำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่
“อะไร รู้อะไรอาย”
“มะ ไม่มีอะไรพอร์ช” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ฉันไม่ได้อายหรอกที่ตัวเองเป็นผู้หญิงขายตัว แต่ฉันกลัวว่าพอร์ชจะรู้สึกผิดหวังในตัวฉัน ฉันกลัวว่าเขาจะผิดหวัง...
“คือ...เดี๋ยวเราเล่าให้ฟังนะพอร์ช”
“หึ ให้กูเล่าให้ฟังดีกว่า” ฉันตาโตด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าเขาโกรธเกลียดอะไรฉัน ทำไมอยู่ ๆ ถึงพูดจาแบบนี้ออกมา ฉันก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้เขาบอกอะไรกับพอร์ช แต่เขาก็ทำแบบนี้
“อะไรวะ อาย!” ฉันสะดุ้งให้กับเสียงเรียกของพอร์ช แต่ตอนนี้ฉันว่าคนที่ฉันควรคุยด้วยมากที่สุด...คือเขาคนนี้
หมับ!
“ฉันขอคุยด้วยหน่อยค่ะ” ฉันถือวิสาสะเอื้อมมือไปคว้าเอาข้อมือหนาของคุณเขามา ขณะที่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ยอมเดินตามมาง่าย ๆ แต่ก่อนที่ฉันจะไป ฉันไม่ลืมที่จะหันไปบอกพอร์ช
“เราขอเวลาสักพักนะ เดี๋ยวเราจะบอกทุกอย่าง” ฉันว่าเสียงจริงจัง ทำเอาพอร์ชนิ่งไป ขณะที่ผู้ชายข้างกายฉัน...เขากำลังทำหน้าล้อเลียนฉันอยู่
พอพอร์ชพยักหน้ารับฉันก็กระตุกข้อมือหนาของคุณน้ำไนล์ให้เดินตามมา เขาก้มมองฝ่ามือของฉัน ก่อนที่จะบิดข้อมือออกจากฝ่ามือของฉันอย่างง่ายดาย
“สกปรกชะมัด” น้ำเสียงไม่พอใจของเขาทำให้ฉันชะงักไป ก่อนที่ฉันจะค่อย ๆ เลื่อนฝ่ามือไปเช็ดเบา ๆ ที่กางเกง รู้สึกอับอายที่เอามือสกปรกไปแตะต้องตัวเขา
“เอ่อ...ฉันขอโทษค่ะ”
“หึ...” อยู่ ๆ เขาก็หัวเราะออกมา แถมยังเหยียดยิ้มให้ฉันอีก “รับงานนอกด้วยสินะ ยัยนั่นไม่ได้บอกข้อตกลงหรือไง”
“คะ?” เราสองคนสบตากัน คุณเขามองเข้ามาในแววตาของฉัน จนฉันต้องหลบสายตาในทันที “ขะ ข้อตกลงอะไรเหรอคะ”
“ข้อตกลงที่บอกว่าเธอ...ห้ามไปเอากับใครระหว่างที่ฉันยังเลี้ยงเธออยู่”
“คะ? ...ฉัน”
“หรือเธอ....” ฉันชะงักไป ยังพูดไม่ทันจบเขาก็แทรกขึ้นมาก่อน แถมยังไล่สายตามองดูฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ไหล่หนาของเขาสั่นเทาราวกับกำลังขนลุกขนพองกับตัวของฉันอยู่
“ทำไม...ทำแบบนี้คะ” พอเห็นเขาทำท่าทีรังเกียจฉัน ความรู้สึกบางอย่างก็แล่นเข้ามา ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นสิ่งของน่ารังเกียจ เขากำลังขยะแขยงฉันอย่างเห็นได้ชัด
“ทำอะไร ฉันทำอะไร”
“ปะ เปล่า” ฉันส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้างุดมองไปที่ปลายเท้าของเขา ซึ่งเขาก็ขยับขาถอยหลังออกห่าง แม้แต่ปลายเท้า...เขาก็ไม่อยากให้ฉันมอง
“ฉัน...อยากให้คุณเก็บเรื่องที่ฉันขายตัวไว้เป็นความลับได้ไหมคะ” ตอนแรกฉันคิดจะบอกกับพอร์ชตรง ๆ แต่เมื่อครู่…แค่พอร์ชได้ยินคุณน้ำไนล์บอกว่าฉันเป็นผู้หญิงของเขา พอร์ชก็โกรธมากแล้ว ถ้าเขารู้ว่าฉันขายตัว ฉันกลัวว่าพอร์ชจะโกรธจนไม่คุยกับฉันอีก
“ทำไม ไอ้นั่นมันเป็นผัวเธอหรือไง”
“คะ?”
“หูหนวกหรือไงวะ คะ...คะอยู่ได้ พูดได้คำเดียวเหรอวะ หงุดหงิดฉิบหาย!” เสียงของเขาทำให้ฉันสะดุ้งจนตัวโยน ฝ่ามือหนายกขึ้นเสยผมแสกกลางไปทางด้านหลัง ก่อนที่เขาจะส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับเอือมระอาฉันเต็มทน
“_” ฉันเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาใกล้ฉันพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเชยคางของฉันขึ้นให้สบตากับเขา
“ถ้ามันเป็นผัวเธอ ก็ไปเลิกกับมันซะ”
“มะ ไม่ เขาไม่ได้เป็นผัวฉัน”
“ก็แค่นั้น” ฉันตัวเกร็งไปทั้งตัวเลยล่ะ ตอนที่เขาโน้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าของฉัน ทั้งหัวใจของฉัน ทั้งร่างกาย มันสั่นไปหมด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดอะไรแบบนี้ ฉันมีเรื่องอยากบอกเขา
“คุณคะ คือวันนี้ฉันมาลาออกจากที่นี่ แล้ว เอ่อ...ฉันจะไปทำงานกับคุณ”
“_”
“ได้ยินหรือเปล่าคะ”
“เธอคิดว่าฉันหูหนวก?” ฉันกะพริบเปลือกตาปริบ ๆ มองใบหน้าของเขา ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ ก็ฉันเห็นเขาไม่แสดงสีหน้าอะไรก็นึกว่าเขาไม่ได้ยิน ไม่ได้คิดว่าเขาหูหนวกสักหน่อย
“ฉันขอโทษนะคะ” สุดท้ายแล้วฉันก็ตัดสินใจเลือกที่จะขอโทษเขาออกไป เพราะดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนเอาแต่ใจมาก และฉันก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรอีกด้วย
“กลับ...”
“คะ? เอ่อ...” พอเขามีสีหน้าหงุดหงิดตอนที่ฉันพูดคำว่าคะ ทำให้ฉันรีบส่ายหน้าเพื่อเรียกสติของตัวเองทันที “คือฉันยังไม่ได้คุยกับเจ้าของร้านเลยค่ะ”
“_”
“ก็ ก็ได้” ฉันพยักหน้าหงึกหงักรับอย่างจำยอม โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ใช้สายตาข่มให้ฉันหยุดพูดแค่นั้น ก่อนที่เขาจะส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับกำลังเอือมฉันเต็มทน และเขาก็หมุนตัวเดินนำหน้าฉันไปในทันที
“อะไรของเขา” ฉันตั้งตัวไม่ทันกับการกระทำของเขา แต่ก็ต้องรีบเดินตามไปในทันที เพราะเกรงว่าเขาจะโมโหมากกว่าเดิม...
บรรยากาศภายในรถยนต์คันหรูกำลังทำให้ฉันเวียนหัว ไม่ได้เป็นเพราะรถหรูของเขาหรอก เพราะกลิ่นของมันดีมาก และก็ไม่ได้เป็นเพราะการขับรถของเขา คุณเขาขับรถด้วยความเร็วแต่ก็นิ่มมาก ไม่ได้ขับกระชากแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะฉันเวียนหัวตั้งแต่อยู่ในผับแล้วต่างหาก
“เป็นอะไร ถ้าเธออ้วกใส่รถฉัน ฉันจะให้เธอกินกลับเข้าไป”
“อึก...จะ จอดให้หน่อยได้ไหมคะ” ฉันไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉันพูดออกมาแม้ว่าจะเห็นความหงุดหงิดเต็มใบหน้าของเขา ก่อนที่รถยนต์คันหรูที่ฉันไม่ทราบว่ามันยี่ห้ออะไรจะถูกบังคับให้เบี่ยงเข้าเลนซ้าย
เอี๊ยด!!
“ลงไป”
แกร็ก!!
ฉันรีบลงจากรถยนต์ของเขาด้วยความรวดเร็วก่อนจะพุ่งตัวไปที่พุ่มไม้ข้างทาง แน่นอนว่าฉันอ้วกออกมาจนไม่เหลืออะไรในท้องเลยล่ะ
แหวะ~
ทว่า
บรึ้นน~
เสียงรถยนต์ที่ก่อนหน้านี้จอดอยู่ข้าง ๆ ฉัน แต่ตอนนี้มันกำลังเคลื่อนหนีห่างฉันไป หนีไปด้วยความรวดเร็ว และด้วยความมืดที่มีอยู่รอบกายทำให้ฉันเห็นแค่ไฟท้ายรถแค่นั้น
คุณเขาทิ้งฉันไว้ข้างถนนเปลี่ยว ๆ คนเดียว
เขาทำแบบนี้กับฉัน...ได้ยังไง
“อึก....” ฉันสะอึกในทันที รอบกายเต็มไปด้วยความมืดมีเพียงแค่แสงไฟสีส้มจากไฟข้างถนน และมันยังมีแค่ดวงเดียว ก็คือดวงที่อยู่เหนือศีรษะของฉันเท่านั้น
“ให้ตายสิ” ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว อาการเวียนหัวก็ยังมีอยู่ ฉันพยายามมองหารถที่น่าจะวิ่งผ่านถนนเส้นนี้บ้าง นานสองนานที่ไม่มีรถวิ่งผ่านมาเลย ซึ่งมันอาจจะดึกเกินไปแล้วก็ได้
แน่นอนว่าโทรศัพท์เส็งเคร็งของฉันมันก็ไม่ติดแล้ว ความรู้สึกมืดแปดด้านกำลังเกิดขึ้นกับฉัน และมันกำลังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่แล้ว
“เยส! รอดแล้ว” ฉันกลับมองเห็นรถยนต์สองคันกำลังแล่นมาทางนี้ แสงไฟของมันส่องตาของฉันจนต้องหรี่ตาลง ก่อนที่ฉันจะรีบยกมือขึ้นโบกเรียกในทันที…โชคชะตาเข้าข้างฉันแล้วล่ะ
เอี๊ยด!
“ชะ ช่วยด้วยค่ะ...” ฉันกำลังจะขอยืมโทรศัพท์เพื่อโทรหาพอร์ช ทว่าพอบานกระจกถูกเลื่อนลง ฉันกลับเห็นผู้ชายคนนั้น...คนที่อยู่ในผับก่อนหน้านี้
“หึ ไม่ต้องกลับไปตามหาแล้วว่ะ สาวน้อยกูอยู่นี่ คนนี้แหละที่กูอยากได้ตอนอยู่ผับ...แต่ผัวมันมาตามก่อน”
โชคชะตามันเล่นตลกกับฉันต่างหากล่ะ