บทนำ

1343 Words
สายน้ำเย็นเฉียบปกคลุมทั่วกายพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่กระทบผืนธาราส่องลงมายังใต้น้ำ ร่างโปร่งของใครคนหนึ่งจมดิ่งลงใต้ธารลึกอย่างไม่มีจุดหมาย เขาไร้เรี่ยวแรงจะตะเกียดตะกาย ยอมจำนนโชคชะตาที่มอบจุดจบแสนโหดร้ายนี้ให้เขา น่าแปลกใจที่คนปกติสามารถจมน้ำได้นานขนาดนี้ เขาจำได้ว่าตัวเองตกลงไปในทะเลสาบเย็นๆนานมากแล้ว แต่การที่เขาไม่ตายเป็นคำถามที่ไร้คำตอบโดยสิ้นเชิง "อึก! แค่กๆ!" ร่างโปร่งเจ้าของดวงตาสีปีกกาถูกดึงขึ้นจากผิวน้ำด้วยแรงมหาศาล คนตัวขาวสำลักน้ำที่กลืนเข้าไปออกมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสติของเขาจะกลับคืน "เอ็งเป็นอันใดหรือไม่ ตะคริวกินหรือ?" เสียงทุ้มเข้มถามคนที่ถูกดึงจากน้ำอย่างร้อนรน เขาลูบหัวลูบหลังเป็นการปลอบประโลมคนตรงหน้าเพื่อให้อาการดีขึ้น คนที่ตอนนี้ร่างกายเปียกปอนจึงหันมองคนที่ช่วยตัวเองไว้พร้อมตอบกลับสั้นๆ "ขอบคุณ" หลังจากดวยตาคู่สวยสามารถมองภาพตรงหน้าได้ชัดเจน เขาก็มองสำรวจผู้ที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้ทันที คนตรงหน้าเป็นชายร่างสูงผิวแทน มีกล้ามเนื้อดีที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็สมบูรณ์แบบทั้งสิ้น อีกทั้งใบหน้าที่ดูเป็นห่วงเป็นใยนั้นยังหล่อเหลาเอาการชนิดที่ว่าระดับดาราเบอร์ต้นๆเลยก็ว่าได้ "ที่นี่ที่ไหน..." เสียทุ้มนุ่มแหบพร่าถามพลางมองรอบข้างที่ไม่คุ้นเคย ทั้งบ้านเรือนและภูมิประเทศนี้เขาไม่ชินตาเลยสักนิด ยิ่งเครื่องแต่งกายของคนตรงหน้ากับสำเนียงแปลกๆนั่นอีก " ที่นี่เมืองพิจิตร เอ็งเป็นคนต่างเมืองหลงมาหรือ แต่ข้าว่าคงจะหลงมาไกลไปสักหน่อยกระมัง" หนุ่มผิวเข้มยังคงพูดด้วยเสียงทุ้มเข้มตามฉบับ คนถูกถามกลับเลยพยายามประติดประต่อสิ่งที่ตกค้างอยู่ในความทรงจำของตัวเองออกมา "เมืองพิจิตร..." ถึงเขาจะรู้จักและเคยได้ยินชื่อเมืองนี้แต่เขาก็มั่นใจแน่ๆว่าตัวเองไม่เคยไปเหยียบที่นั่น อีกทั้งความทรงจำล่าสุดตัวเขาเองอยู่ที่กรุงเทพ ทำไมตอนนี้มาโผล่ที่นี่ได้ ระหว่างนั้นเองที่นิ่งคิดถึงที่มาที่ไปของตัวเอง ดวงตาคู่สวยก็เหลือบไปเห็นเงาสะท้อนของเขาบนผืนน้ำอย่างไม่ได้ตั้งใจ นั่นเองก็ทำให้เขาประหลาดใจกับสิ่งที่ได้เห็นไม่น้อย เพราะเงาบนผืนน้ำแม้จะเป็นตัวเขา แต่มันก็ต่างออกไปหลายส่วนเลยทีเดียว ใบหน้านั้นคือใบหน้าของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเส้นผมที่ขาวถึงกลางหลัง กับเครื่องประดับแปลกๆที่ใส่ตามตัวนี่มันอะไร "นี่คนงาม เหตุใดจึงไม่พูดไม่จา กลัวดอกพิกุลร่วงจากปากรึ?" "..." คำภาษาโบราณแปลกๆยังคงถูกถามจากชายแปลกหน้า ทว่าคนถูกถามไม่รู้ว่าตัวเองควรตอบยังไงหรือพูดแบบไหนดี แต่ดูจากสภาพการณ์ตอนนี้แล้ว การตามน้ำไปก็คงจะดีที่สุด "คง..จมน้ำเข้าสมองจนเบลอ" นั่นคือคำตอบที่ดีที่สุดเท่าที่เขาคิดได้แล้วในตอนนี้ คนตัวขาวพูดไปก็ลอบหยิกแขนตัวเองไป จนกระทั่งความเจ็บทำให้เขาแน่ใจแล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เช่นนั้นหากนี่ไม่ใช่ความฝันจริงๆแล้วทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในที่แปลกๆแบบนี้ได้กัน "เอ็งหยิกแขนตัวเองทำไมกัน หรือว่าที่เอ็งจมน้ำเมื่อครู่ คิดจะฆ่าตัวตายหรือ?" "มะ..ไม่ใช่" เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มรีบเอ่ยแย้งทันทีที่อีกฝ่ายเข้าใจผิด แต่ถึงแบบนั้นคนมือไวตรงหน้าก็ดึงแขนของเขาจนตัวเขาเองเซเข้าใกล้อีกฝ่ายเสียแล้ว "อย่าทำร้ายตัวเองเลยหนา ข้าเข้าใจว่าเอ็งคงจักถูกคนที่บ้านข่มเหงจนต้องหนีมา แต่การตายไม่ใช่ทางออกเสมอไป" "เพ้อเจ้ออะไรมิทราบ แล้วอย่ามาแตะต้องตัวคนอื่นโดยพลการสิ" คนตัวขาวรีบชักมือกลับเข้าหาตัวเอง ก่อนจะขยับถอยห่างพร้อมกับส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้คนตรงหน้า ถึงจะเป็นคนที่ดูเหมือนช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้จับมือถือแขนซี้ซั้ว ยิ่งเดิมทีเขาเป็นคนไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครแล้ว การที่ต้องแตะต้องตัวคนอื่นจึงเป็นสิ่งที่ทำเฉพาะยามจเป็นเท่านั้น "ขอโทษๆ ข้าเพียงเป็นห่วงเอ็งเท่านั้น อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่มีอันใดแล้ว ข้าว่าเอ็งกลับบ้านเถิด" ชายร่างสูงว่าจบก็ค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้นเพื่อเดินไปอีกทาง คนที่ตอนนี้ตัวเปียกชุ่มจึงได้ลุกตามชายร่างสูงไป นั่นเองจึงสร้างความแปลกใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย "หื้ม? เอ็งตามข้ามาทำไม เหตุใดจึงไม่กลับบ้าน.." "ข้า.." "...?" เจ้าของใบหน้างดงามพูดอย่างประหม่า เพราะด้วยภาษาที่ไม่คุ้นชินและสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่ ในตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าตัวเองตายไปแล้ว ทว่าวิญญาณกลับยังไม่ไปสวรรค์หรือนรก มันพาเขามาอยู่ในร่างของใครก็ไม่รู้ และคนๆนั้นก็ดันเป็นคนในยุคไทยโบราณอีกต่างหาก ส่วนเหตุผลที่เขากล้าฟันธงแบบนี้ คงไม่พ้นความเบียวจากการดูอนิเมะแนวไปเกิดใหม่ต่างโลกหรืออะไรทำนองนั้น ทว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้ของเขามันไม่ได้เหมือนในต่างโลกแบบที่คนอื่นๆไปน่ะสิ "ช่วย..พาข้ากลับบ้านได้หรือไม่ ข้าเหมือนจะความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้เลย" ในโลกที่ไม่คุ้นเคยที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเดียวของเขาตอนนี้คือผู้มีพระคุณตรงหน้า ถ้าหากตัวเขาปล่อยคนๆนี้ไปเกรงว่าตัวเขาเองอาจจะอยู่มีชีวิตไม่รอดไปถึงพรุ่งนี้ "ความจำเสื่อม??" "อื่ม ข้าจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เลย" พอพูดจบชายผิวเข้มก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจ คิดว่าที่เขาพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือแค่แกล้งเล่นกันแน่ แต่ดูจากสีหน้าตัวเขาแล้วที่พูดมามีหรือจะโกหก "อย่างไรดี ข้าเองก็ไม่ใช่คนที่นี่ แต่หากเอ็งต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ข้าพอจะพาไปในเมืองได้อยู่หนา" "อื่ม แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว" เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มตอบกลับพลางวาดยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่เรียกได้ว่างามล่มเมืองเลยทีเดียว "พอยิ้มแล้วก็งามดีหนิ เหตุใดจึงชอบก้มหน้าก้มตานัก" "ว่าอย่างไรหนา?" "อ่า เปล่า ข้าพูดกับปลาในน้ำ" ดูอย่างไรก็โกหกหน้าตายชัดๆ แต่หากเจ้าตัวไม่อยากพูดซ้ำจริงๆ เขาก็ไม่อยากรั้นให้พูดหรอก "จะว่าไปแล้ว เอ็งชื่ออะไรหรือ ข้าจะได้เรียกถูก" คำถามนี้คนงามเป็นคนถาม ชายผิวเข้มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาจึงวาดยิ้มตามฉบับแล้วตอบกลับเสียงหนักแน่น ซึ่งคำตอบนั้นเองก็ทำให้คนฟังแอบตกใจไม่น้อย "ข้าชื่อไกรทอง " บทนำมาน้อยๆ แต่มานะ มาแสดงตัวว่า เรื่องใหม่มาแล้วนะ?? ขอเปิดตัวเรื่อง พ่ายรักชาละวัน อย่างเป็นทางการค้าบ???? เรื่องใหม่มาแล้วทุกคน จักรวาลวรรณคดีเรื่องที่4 บอกเลยว่าเรื่องนี้ อ่านง่ายอ่ายสบาย ดราม่าน้อยมาก ออกแนวเรื่องผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก แต่ก็ไม่ได้ชิลขนาดนั้น มีซีนอารมณ์บ้างไรบ้าง แต่ต้องตามอ่านเองนะ❤️‍?❤️‍? ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ฝากน้องๆไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ นามปากกา 72hzs #พ่ายรักชาละวัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD