สายน้ำเย็นเฉียบปกคลุมทั่วกายพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่กระทบผืนธาราส่องลงมายังใต้น้ำ
ร่างโปร่งของใครคนหนึ่งจมดิ่งลงใต้ธารลึกอย่างไม่มีจุดหมาย เขาไร้เรี่ยวแรงจะตะเกียดตะกาย ยอมจำนนโชคชะตาที่มอบจุดจบแสนโหดร้ายนี้ให้เขา
น่าแปลกใจที่คนปกติสามารถจมน้ำได้นานขนาดนี้ เขาจำได้ว่าตัวเองตกลงไปในทะเลสาบเย็นๆนานมากแล้ว แต่การที่เขาไม่ตายเป็นคำถามที่ไร้คำตอบโดยสิ้นเชิง
"อึก! แค่กๆ!"
ร่างโปร่งเจ้าของดวงตาสีปีกกาถูกดึงขึ้นจากผิวน้ำด้วยแรงมหาศาล คนตัวขาวสำลักน้ำที่กลืนเข้าไปออกมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสติของเขาจะกลับคืน
"เอ็งเป็นอันใดหรือไม่ ตะคริวกินหรือ?"
เสียงทุ้มเข้มถามคนที่ถูกดึงจากน้ำอย่างร้อนรน เขาลูบหัวลูบหลังเป็นการปลอบประโลมคนตรงหน้าเพื่อให้อาการดีขึ้น คนที่ตอนนี้ร่างกายเปียกปอนจึงหันมองคนที่ช่วยตัวเองไว้พร้อมตอบกลับสั้นๆ
"ขอบคุณ"
หลังจากดวยตาคู่สวยสามารถมองภาพตรงหน้าได้ชัดเจน เขาก็มองสำรวจผู้ที่ช่วยชีวิตตัวเองไว้ทันที
คนตรงหน้าเป็นชายร่างสูงผิวแทน มีกล้ามเนื้อดีที่ไม่ว่ามองไปทางไหนก็สมบูรณ์แบบทั้งสิ้น อีกทั้งใบหน้าที่ดูเป็นห่วงเป็นใยนั้นยังหล่อเหลาเอาการชนิดที่ว่าระดับดาราเบอร์ต้นๆเลยก็ว่าได้
"ที่นี่ที่ไหน..."
เสียทุ้มนุ่มแหบพร่าถามพลางมองรอบข้างที่ไม่คุ้นเคย ทั้งบ้านเรือนและภูมิประเทศนี้เขาไม่ชินตาเลยสักนิด ยิ่งเครื่องแต่งกายของคนตรงหน้ากับสำเนียงแปลกๆนั่นอีก
" ที่นี่เมืองพิจิตร เอ็งเป็นคนต่างเมืองหลงมาหรือ แต่ข้าว่าคงจะหลงมาไกลไปสักหน่อยกระมัง"
หนุ่มผิวเข้มยังคงพูดด้วยเสียงทุ้มเข้มตามฉบับ คนถูกถามกลับเลยพยายามประติดประต่อสิ่งที่ตกค้างอยู่ในความทรงจำของตัวเองออกมา
"เมืองพิจิตร..."
ถึงเขาจะรู้จักและเคยได้ยินชื่อเมืองนี้แต่เขาก็มั่นใจแน่ๆว่าตัวเองไม่เคยไปเหยียบที่นั่น อีกทั้งความทรงจำล่าสุดตัวเขาเองอยู่ที่กรุงเทพ ทำไมตอนนี้มาโผล่ที่นี่ได้
ระหว่างนั้นเองที่นิ่งคิดถึงที่มาที่ไปของตัวเอง ดวงตาคู่สวยก็เหลือบไปเห็นเงาสะท้อนของเขาบนผืนน้ำอย่างไม่ได้ตั้งใจ
นั่นเองก็ทำให้เขาประหลาดใจกับสิ่งที่ได้เห็นไม่น้อย เพราะเงาบนผืนน้ำแม้จะเป็นตัวเขา แต่มันก็ต่างออกไปหลายส่วนเลยทีเดียว
ใบหน้านั้นคือใบหน้าของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเส้นผมที่ขาวถึงกลางหลัง กับเครื่องประดับแปลกๆที่ใส่ตามตัวนี่มันอะไร
"นี่คนงาม เหตุใดจึงไม่พูดไม่จา กลัวดอกพิกุลร่วงจากปากรึ?"
"..."
คำภาษาโบราณแปลกๆยังคงถูกถามจากชายแปลกหน้า ทว่าคนถูกถามไม่รู้ว่าตัวเองควรตอบยังไงหรือพูดแบบไหนดี
แต่ดูจากสภาพการณ์ตอนนี้แล้ว การตามน้ำไปก็คงจะดีที่สุด
"คง..จมน้ำเข้าสมองจนเบลอ"
นั่นคือคำตอบที่ดีที่สุดเท่าที่เขาคิดได้แล้วในตอนนี้ คนตัวขาวพูดไปก็ลอบหยิกแขนตัวเองไป จนกระทั่งความเจ็บทำให้เขาแน่ใจแล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
เช่นนั้นหากนี่ไม่ใช่ความฝันจริงๆแล้วทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในที่แปลกๆแบบนี้ได้กัน
"เอ็งหยิกแขนตัวเองทำไมกัน หรือว่าที่เอ็งจมน้ำเมื่อครู่ คิดจะฆ่าตัวตายหรือ?"
"มะ..ไม่ใช่"
เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มรีบเอ่ยแย้งทันทีที่อีกฝ่ายเข้าใจผิด แต่ถึงแบบนั้นคนมือไวตรงหน้าก็ดึงแขนของเขาจนตัวเขาเองเซเข้าใกล้อีกฝ่ายเสียแล้ว
"อย่าทำร้ายตัวเองเลยหนา ข้าเข้าใจว่าเอ็งคงจักถูกคนที่บ้านข่มเหงจนต้องหนีมา แต่การตายไม่ใช่ทางออกเสมอไป"
"เพ้อเจ้ออะไรมิทราบ แล้วอย่ามาแตะต้องตัวคนอื่นโดยพลการสิ"
คนตัวขาวรีบชักมือกลับเข้าหาตัวเอง ก่อนจะขยับถอยห่างพร้อมกับส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้คนตรงหน้า
ถึงจะเป็นคนที่ดูเหมือนช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้จับมือถือแขนซี้ซั้ว ยิ่งเดิมทีเขาเป็นคนไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครแล้ว การที่ต้องแตะต้องตัวคนอื่นจึงเป็นสิ่งที่ทำเฉพาะยามจเป็นเท่านั้น
"ขอโทษๆ ข้าเพียงเป็นห่วงเอ็งเท่านั้น อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่มีอันใดแล้ว ข้าว่าเอ็งกลับบ้านเถิด"
ชายร่างสูงว่าจบก็ค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้นเพื่อเดินไปอีกทาง คนที่ตอนนี้ตัวเปียกชุ่มจึงได้ลุกตามชายร่างสูงไป นั่นเองจึงสร้างความแปลกใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย
"หื้ม? เอ็งตามข้ามาทำไม เหตุใดจึงไม่กลับบ้าน.."
"ข้า.."
"...?"
เจ้าของใบหน้างดงามพูดอย่างประหม่า เพราะด้วยภาษาที่ไม่คุ้นชินและสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่ ในตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าตัวเองตายไปแล้ว ทว่าวิญญาณกลับยังไม่ไปสวรรค์หรือนรก
มันพาเขามาอยู่ในร่างของใครก็ไม่รู้ และคนๆนั้นก็ดันเป็นคนในยุคไทยโบราณอีกต่างหาก
ส่วนเหตุผลที่เขากล้าฟันธงแบบนี้ คงไม่พ้นความเบียวจากการดูอนิเมะแนวไปเกิดใหม่ต่างโลกหรืออะไรทำนองนั้น ทว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้ของเขามันไม่ได้เหมือนในต่างโลกแบบที่คนอื่นๆไปน่ะสิ
"ช่วย..พาข้ากลับบ้านได้หรือไม่ ข้าเหมือนจะความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้เลย"
ในโลกที่ไม่คุ้นเคยที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเดียวของเขาตอนนี้คือผู้มีพระคุณตรงหน้า ถ้าหากตัวเขาปล่อยคนๆนี้ไปเกรงว่าตัวเขาเองอาจจะอยู่มีชีวิตไม่รอดไปถึงพรุ่งนี้
"ความจำเสื่อม??"
"อื่ม ข้าจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เลย"
พอพูดจบชายผิวเข้มก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจ คิดว่าที่เขาพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือแค่แกล้งเล่นกันแน่ แต่ดูจากสีหน้าตัวเขาแล้วที่พูดมามีหรือจะโกหก
"อย่างไรดี ข้าเองก็ไม่ใช่คนที่นี่ แต่หากเอ็งต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ข้าพอจะพาไปในเมืองได้อยู่หนา"
"อื่ม แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว"
เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มตอบกลับพลางวาดยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่เรียกได้ว่างามล่มเมืองเลยทีเดียว
"พอยิ้มแล้วก็งามดีหนิ เหตุใดจึงชอบก้มหน้าก้มตานัก"
"ว่าอย่างไรหนา?"
"อ่า เปล่า ข้าพูดกับปลาในน้ำ"
ดูอย่างไรก็โกหกหน้าตายชัดๆ แต่หากเจ้าตัวไม่อยากพูดซ้ำจริงๆ เขาก็ไม่อยากรั้นให้พูดหรอก
"จะว่าไปแล้ว เอ็งชื่ออะไรหรือ ข้าจะได้เรียกถูก"
คำถามนี้คนงามเป็นคนถาม ชายผิวเข้มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาจึงวาดยิ้มตามฉบับแล้วตอบกลับเสียงหนักแน่น ซึ่งคำตอบนั้นเองก็ทำให้คนฟังแอบตกใจไม่น้อย
"ข้าชื่อไกรทอง "
บทนำมาน้อยๆ แต่มานะ มาแสดงตัวว่า เรื่องใหม่มาแล้วนะ??
ขอเปิดตัวเรื่อง พ่ายรักชาละวัน อย่างเป็นทางการค้าบ????
เรื่องใหม่มาแล้วทุกคน จักรวาลวรรณคดีเรื่องที่4 บอกเลยว่าเรื่องนี้ อ่านง่ายอ่ายสบาย ดราม่าน้อยมาก
ออกแนวเรื่องผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก แต่ก็ไม่ได้ชิลขนาดนั้น มีซีนอารมณ์บ้างไรบ้าง แต่ต้องตามอ่านเองนะ❤️?❤️?
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ฝากน้องๆไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
นามปากกา 72hzs
#พ่ายรักชาละวัน