“หมออยากให้ทางญาติทำใจไว้หน่อยถ้าไม่รับการรักษาตอนนี้คนไข้คงอยู่ไม่ถึงเข้าของวันพรุ่งนี้” เสียงคุณหมอพูดขึ้นหลังจากพ่อฉันมีอาการแปลกๆจนฉันต้องรีบตามคุณหมอมาดู
ตอนนี้ฉันได้แต่กำมือแน่นปล่อยน้ำตาไหลลงอาบสองแก้มเพราะพ่อฉันกำลังนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยเหมือนรอความตายตลอดเวลา
ส่วนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าฉันเธอขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาคนใหม่ของพ่อเธอดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับการที่พ่อฉันเป็นแบบนี้
“หมอรบกวนญาติตัดสินใจด้วยนะครับ” คุณหมอถามย้ำอีกครั้งก่อนจะยื่นเอกสารให้กับผู้หญิงคนนั้น
“รักษา รักษาพ่อของเมษานะคะคุณหมอ” ฉันพูดขึ้นทั้งน้ำตาก่อนจะวิ่งตรงไปหาคุณหมอจับมือทั้งสองข้างของเขาเพื่ออ้อนวอดให้เขาเห็นใจ
“ถ้ารักษารบกวนคุณแม่ช่วยเซ็นเอกสารด้วยนะครับ” คุณหมอพูดขึ้นทันที
คุณน้ามาลีขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาใหม่พ่อของฉันเธอหยิบปากกาบนโต๊ะก่อนจะเซ็นลงในเอกสารที่คุณหมอส่งให้ก่อนที่เธอจะส่งคืนให้คุณหมอ
เหมือนสวรรค์เป็นใจที่เธอยังมีความเป็นคนอยู่บ้าง ฉันดีใจที่เธอยอมเซ็นให้พ่อฉันได้รับการรักษาต่อ
“ปฏิเสธการรักษา” หลังจากคุณหมออ่านเอกสารก็พูดขึ้นทันทีทำเอาฉันแทบล้มทั้งยืน
“รักษาสิ...ฮึก…น้ามาลีทำอะไรของน้ารักษาพ่อของเมษาสิ” ฉันพูดขึ้นทันทีก่อนจะหันไปโวยวายกับผู้หญิงตรงหน้า
จะมาปฏิเสธการรักษาแบบนี้ได้ยังไง
ชีวิตพ่อฉันทั้งชีวิต
“กูจะเอาเงินที่ไหนมารักษาพ่อมึง ค่ารักษาแพงขนาดนี้ปล่อยให้มันตายไปนั้นแหละดีแล้ว” ฉันร้องไห้ยิ่งกว่าเก่าเมื่อน้ามาลีพูดจบ ส่วนตัวเธอเดินออกไปอย่างไม่แยแสพ่อของฉันที่กำลังนอนป่วยอยู่บนเตียง
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ใช่ที่พึ่งของฉัน ฉันเลยหันหน้ามาหาคุณหมออีกครั้ง สองขาคลานเข่าเข้าไปหาคนตรงหน้าก่อนจะกอดขาอ้อนวอดเขาอีกครั้ง
“คุณหมอ…ฮึก…คุณหมอคะรักษาพ่อเมษาด้วยนะ อย่าปล่อยให้พ่อตาย” ฉันพูดขึ้นทั้งน้ำตาสองมือเขย่าขาคุณหมอวัยกลางคนแน่น
“นะคะคุณหมอ ช่วยพ่อเมษาด้วย” ฉันพูดขึ้นต่ออีกครั้งจนพี่พยาบาลต้องมาพยุงตัวฉันออกจากคุณหมอ
“หมอขอโทษนะครับแต่ทางคุณแม่เซ็นปฏิเสธการรักษาแล้วหมอทำอะไรไม่ได้” คุณหมอพูดขึ้นทันที
“ฮึก...เขาไม่ใช่แม่ของเมษา เมษาเป็นลูกพ่อเมษาต้องเป็นคนเซ็นสิ ทำไมต้องให้ผู้หญิงคนนั้นเซ็น” ฉันพูดขึ้นอีกครั้ง
“ตามกฎหมายแล้วผู้ที่เซ็นเอกสารได้ต้องมีอายุสิบแปดปีขึ้นไป หมอไม่ทราบว่าหนูอายุเท่าไหร่” คุณหมอถามฉันขึ้นทันที
“สิบแปด…ฮึก…เมษาสิบแปดแล้ว ให้เมษาเซ็นรักษาต่อเถอะนะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้คุณหมอตรงหน้า
อะไรก็ได้ฉันยอมหมดแต่ขอให้พ่อฉันได้รับการรักษาเถอะอย่าให้อะไรพรากพ่อไปจากฉัน
“ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายฉันเซ็นปฏิเสธการรักษาแล้ว รบกวนคุณหมอเคารพสิทธิ์ของฉันด้วย” น้ามาลีคนใจร้ายที่เดินเข้ามาเธอพูดขึ้นทันทีก่อนจะกระชากแชนฉันให้เข้าไปในห้องของคุณพ่อ
“ทำใจแล้วร่ำลาพ่อมึงซะเพราะยังไงกูไม่มีปัญญาหาเงินที่ไหนมารักษาพ่อมึงหรอก” น้ามาลีพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะผลักหัวฉัน
ฉันจับมือคนเป็นพ่อที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงแน่น
“พ่อขา พ่อตื่นขึ้นมาคุยกับเมษาสิ ตื่นขึ้นมาบอกหมอสิว่าจะเข้ารับการรักษา” ฉันพูดขึ้นทันทีก่อนจะซบหน้าลงที่มือของคนเป็นพ่อ
“รักษาไปก็เท่านั้นพ่อมึงโรครุมเล้าปล่อยให้ตายไปอะดีแล้ว” น้ามาลีพูดขึ้นอีกครั้ง
ฉันไม่รู้ว่าพ่อไปหาผู้หญิงคนนี้มาเป็นภรรยาได้ยังไงทั้งที่จิตใจเธอโหดร้ายถึงเพียงนี้
ถ้าเป็นคนอื่นคนปกติเขาคงไม่ปล่อยให้คนรักหมดหนทางรักษาแบบนี้เขาคงทำทุกทางเพื่อที่จะรักษาชีวิตคนรักไว้
“น้ามาลีไปบอกหมอเถอะนะว่าให้พ่อรักษา เดี๋ยวเมษาหาเงินเอง เมษาจะหาค่ารักษาเอง” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินไปคุกเข่าตรงหน้าผู้หญิงใจร้าย
“นะคะน้ามาลี เมษาจะทำงานหาเงินมารักษาพ่อน้าไปบอกหมอให้หน่อยนะคะ” ฉันพูดขึ้นอีกครั้ง
“กูบอกแล้วไงว่าพ่อมึงปล่อยให้ตายไปอะดีแล้ว อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์มีแต่จะผลาญเงินไปเสียเปล่าๆ”
“ใจร้าย ใจร้ายที่สุด” ฉันพูดขึ้นทันที ไม่เคยเจอใครใจร้ายเท่าน้ามาลี ไม่เคยเจอเลยจริงๆ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ~~
“ญาติคะตอนนี้คนไข้เริ่มไม่ไหวแล้วนะ ชีพจรกำลังตกลงเรื่อยๆ ทางที่ดีรีบบอกลากันดีกว่านะคะ” คุณพยาบาลพูดขึ้นทำเอาหัวใจฉันแทบแตกสลาย
ฉันเดินกลับมาที่เตียงก่อนจะจับมือพ่ออีกครั้งเมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มไม่มีหวัง
“พ่อขาตื่นขึ้นมาเถอะนะ อย่าทิ้งเมษาไปเลย ฮึก” ฉันร้องไห้ครวญครางทันที
ความรู้สึกตอนนี้มันอธิบายไม่ถูก หัวใจมันแตกสลายไปหมดแล้วมีแต่คำว่าเสียใจกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย
“ฮึก…พ่อขาเข้มแข็งสิ ไหนบอกว่าอยากเห็นเมษาเรียนให้จบไง ตื่นขึ้นมาก่อนสิเมษาพึ่งจะจบมอหกเองนะ”
“ตื่นขึ้นมาคุยกับเมษาก่อนสิ ฮือออ”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดดดดดดดด~~~
เสียงชีพจรบนเครื่องลากยาวก่อนจะหยุดลงอย่างช้าๆ
ฉันกอดคนเป็นพ่อที่นอนอยู่บนเตียงแน่นไม่อยากรับรู้เรื่องราวอะไรอีกแล้ว
อยากให้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่ฝัน
และก็ขอให้ฉันตื่นจากฝันร้ายนี้ด้วยเถอะ…
“หมอขอแสดความเสียใจด้วยนะครับตอนนี้ทำเรื่องย้ายศพออกจากโรงพยาบาลได้เลยนะครับ” คุณหมอพูดขึ้นทันทีส่วนฉันก็ได้หยิบเสื้อผ้าพ่อที่อยู่ในกระเป๋ามาเปลี่ยนให้พ่อ
ก่อนที่คุณน้ามาลีจะเดินออกจากห้องฉันเดาว่าเธอคงจะไปทำเรื่องอะไรของพ่อซึ่งฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนัก
สองมือฉันค่อยๆแกะเชือกผูกของเสื้อโรงพยาบาลออกก่อนจะถอดเสื้อออกเพื่อหวังใส่เสื้อตัวใหม่ให้กับพ่อ
“เดี๋ยวพี่ช่วยค่ะ” พี่พยาบาลเดินเข้ามาพร้อมกับช่วยฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าของพ่อ
“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบกลับทั้งน้ำตาเพราะตอนนี้ฉันยังหยุดร้องไม่ได้
“อย่าร้องไห้ไปเลยค่ะ ถ้าคุณพ่อรู้ท่านจะไม่สบายใจเอานะ หนูต้องใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขนะ” พี่พยาบาลพูดขึ้นทันที
“เมษาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขได้ยังไงในเมื่อความสุขของเมษากำลังจะหายไป” พูดจบฉันก็หลบมองต่ำไปทางคุณพ่อทันที
ฉันมีพ่อเป็นความสุขตั้งแต่จำความได้ ฉันมีพ่อคนเดียวมาตลอด จนวันนึงพ่อพาน้ามาลีเข้าบ้านโดยให้เหตุผลว่าพ่อรักเขาแน่นอนว่ามันเป็นความสุขของพ่อและฉันเองก็ไม่ขัดฉันพร้อมรักคนของพ่อด้วยเช่นกันแต่คนของพ่อไม่รักฉันเลยแม้แต่นิด ทำดีกับฉันต่อหน้าพ่อลับหลังทำร้ายดุด่าฉันสารพัดแต่ฉันก็ทนเพราะเขาคือคนที่พ่อรัก
“ใช้ชีวิตต่อไปโดยความสุขเดิมคุณพ่อไม่หายไปไหนหรอกนะ คุณพ่อแค่ย้ายจากที่ที่เคยอยู่มาอยู่ตรงนี้ ตรงหัวใจของหนู” พี่พยาบาลพูดขึ้นพร้อมกับจิ้มมาที่หัวใจของฉันทำเอาน้ำตาฉันไหลลงอีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากๆ” ฉันพูดขึ้นพร้อมยกมือไหว้เพราะเขาทั้งให้กำลังใจฉันและช่วยฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าคุณพ่อ
ภายในเวลาไม่นานนักทางโรงพยาบาลก็จัดการพาศพคุณพ่อฉันมาส่งที่วัด
“เมษาขอตั้งศพพ่อสามคืนได้ไหมคะ” ฉันพูดขึ้นทันทีเมื่อมาถึงวัด
“คืนเดียวก็พอไว้ทำไมเยอะๆ แกมีเงินมากนักหรือไง” เขาตอบกลับมาทันทีก่อนจะเดินไปคุยกับเจ้าอาวาส
งานศพพ่อของฉันแท้ๆ แต่ฉันกลับไม่ได้ทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองอยากทำเลย
“ขอโทษนะคะพ่อ ขอโทษที่เมษาทำอะไรไม่ได้เลย”
“เมษาเป็นลูกที่แย่ใช่ไหมคะที่เมษาช่วยพ่อไม่ได้…ฮึก…ขอโทษนะคะ”
❤️
กอดๆนะคะลูกสาว