ก่อนที่ฉันจะขึ้นรถฉันก็ได้ซื้อของกินติดไม้ติดมือมาด้วยเป็นเมนูอาหารง่ายๆคือข้าวกล่องเซเว่นและน้ำดื่มขวดใหญ่กับขนมปังอีกหนึ่งห่อ
หลังจากที่ขึ้นรถไปแล้วความรู้สึกโชคดีก็เกิดขึ้นกับฉันอีกครั้งเพราะคนที่นั่งข้างๆฉันเป็นผู้หญิงถึงจะดูมีอายุนิดหน่อยแต่ก็ดูไม่กลัว
เป็นเวลานานนับเกือบสิบชั่วโมงกว่ารถจะจอดสนิทที่สถานีขนส่งสายใต้ฉันเดินลงจากรถพร้อมกับแงนหน้ามองบนท้องฟ้าที่ตอนนี้เริ่มมีความสว่างขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะเวลาตอนนี้ใกล้จะหกโมงเช้า
หลังจากลงจากรถฉันก็นั่งอยู่ที่ชานชาลาเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันควรไปที่ไหนดี กรุงเทพต่างจากเชียงใหม่บ้านของฉันมากไม่รู้ว่าฉันคิดผิดหรือคิดถูกที่มาที่นี่
“เห้อ…สู้ๆนะเมษา” ฉันพูดปลอบใจตัวเองก่อนจะเริ่มเดินเท้าออกจากสายใต้
เมื่อออกมาถึงถนนใหญ่ก็ได้แต่หันซ้ายขวาไปมาเพราะตอนนี้ถนนตรงหน้าฉันมันมีรถวิ่งผ่านมาเต็มไปหมด
“เมษาควรไปทางไหนดีคะพ่อ” ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมกับพูดขึ้นอีกครั้งตอนนี้ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าฉันควรไปที่ไหนดีกรุงเทพกว้างกว่าที่ฉันคิด
ฉันเดินเลาะตามถนนมาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าไปที่ไหนแต่ขอเดินไปก่อนแล้วกันเผื่อว่าข้างหน้าจะมีงานอะไรให้ฉันพอทำได้บ้าง
เมื่อเดินจนเหนื่อยฉันก็หยุดพักนั่งอยู่ริมฟุตบาท อากาศร้อนๆบวกกับความหิวทำฉันไม่อยากจะเดินต่อแต่สุดท้ายก็ฝืนตัวเองอีกสักนิดเพื่อหาร้านข้าว
ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้งแสงแดดเริ่มส่องจ้ามากกว่าเดิมก่อนที่ดวงตาของฉันจะค่อยเลือนลาง ร่างกายรู้สึกเหมือนไร้เรี่ยวแรงจนสุดท้ายก็ล้มพับลงไปในที่สุด
ความรู้สึกเจ็บแล่นผ่านไปทั่วทั้งตัวตอนนี้ฉันได้ยินเสียงตกใจของผู้คนรองข้างแต่ฉันไม่มีแม้แต่แรงจะเปิดตามองหรือลุกขึ้นเลยปล่อยตัวเองให้นอนอยู่แบบนั้น
ฉันปรับสายตาโฟกัสสิ่งรอบข้างทันทีเมื่อตื่นขึ้นรู้ได้ทันทีว่าสถานที่ที่ฉันอยู่ตอนนี้คือโรงพยาบาลเพราะเข็มน้ำเกลือที่ถูกปักอยู่แขนด้านขวาของฉัน
“เป็นยังไงบ้างครับ” เสียงของผู้ชายดังขึ้นจากอีกฝั่งของห้องทำเอาฉันรีบหันไปมองทันที
“คุณช่วยเมษาไว้หรอคะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเพราะดูท่าแล้วเขาคงช่วยฉันไว้แหละ
“ผมเห็นคุณเป็นลมเลยพามาส่งโรงพยาบาล” เขาตอบกลับมา
“ขอบคุณมากนะคะที่คุณ..”
“ผมชื่อทัตครับ”
“ขอบคุณมากนะคะที่คุณทัตช่วยเมษาไว้ ถ้าไม่ได้คุณทัตเมษาแย่แน่ๆเลยค่ะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมยกมือไหว้ผู้ชายตรงหน้าเป็นการขอบคุณ
ถ้าให้ทายเขาคงรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อเลี้ยงเพราะดูแล้วก็ยังไม่แก่อีกทั้งยังแต่งตัวดีมีภูมิฐานอีกด้วย
“ผมขอถามได้ไหมครับคุณเมษามาจากไหนผมว่าถ้าเป็นคนที่นี่คงไม่เดินอยู่แถวนั้นมันเป็นถนนเส้นหลักไม่เหมาะแก่การเดินเลย” คุณทัตถามฉันขึ้นทันที
“เมษามาจากเชียงใหม่ค่ะมาหางานทำที่นี่” ฉันตอบกลับไป
“มาคนเดียวหรอครับ”
“เมษามาคนเดียวค่ะ”
“คุณเมษาจะหางานอะไรทำหรอครับผมถามได้ไหม” คุณทัตถามขึ้นอีกครั้ง
นั่นสินะฉันมาที่นี่เพื่อหางานแต่ฉันยังไม่รู้เลยว่างานที่ฉันจะหานั้นคืองานอะไร
“เมษายังไม่รู้เลยค่ะคงจะหาไปเรื่อยๆ” ฉันตอบกลับอีกครั้งเพราะฉันเองก็ยังไม่มีงานอะไรในใจคิดแค่ว่าอะไรเปิดรับสมัครฉันก็จะไปทำที่นั้นไม่ขอเลือกอะไรมากขอแค่มีงานให้ทำก็พอ
“ผมมีคลับอยู่ในเมืองถ้าคุณเมษาไม่ติดอะไรไปทำงานที่คลับผมได้นะครับ” คุณทัตพูดขึ้นก่อนจะหยิบนามบัตรส่งมาให้ฉัน
ส่วนฉันก็หยิบโทรศัพท์เสิร์จชื่อคลับตามนามบัตรทันที โอเคคลับนี้มีอยู่จริงแต่เจ้าของเป็นใครในกูเกิ้ลไม่มีบอก
“เมษาไว้ใจคุณได้ใช่ไหมคะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้ง
ใจนึงก็อยากจะไว้ใจแต่อีกใจก็กลัวโดนหลอกแต่ถ้าเขาจะมาหลอกฉันคงไม่ช่วยฉันไว้แบบนี้
“ผมอยากช่วยคุณจริงๆครับคุณพึ่งจะอายุสิบแปดเข้ามากรุงเทพคนเดียวแบบนี้คงลำบากน่าดู” เขาพูดขึ้นต่อก่อนจะส่งบัตรประชาชนให้ฉัน
“พอดีผมเปิดกระเป๋าคุณเพื่อเอาบัตรประชาชนไปทำประวัตินะครับ” คุณทัตพูดขึ้นอีกครั้งส่วนฉันก็พยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจ
“ถ้าเมษาไปทำงานที่คลับคุณทัตเมษาต้องทำตำแหน่งอะไรคะแล้วได้เงินเดือนเท่าไหร่เพราะว่าเมษาต้องหาห้องพักด้วย” ฉันถามขึ้นทันทีเพราะทุกอย่างฉันต้องคำนวณก่อนเพื่อไม่ให้ใช้เงินมากเกินไป
“ผมจะให้คุณเป็นพนักงานเสิร์ฟ เงินเดือนอยู่ที่ประมาณหมื่นเจ็ดไม่รวมทิปแยกจากลูกค้าส่วนที่อยู่ผมให้คุณไปอยู่คอนโดของผมได้ฟรีๆไม่คิดเงิน” คุณทัตตอบกลับมาทันทีทำฉันอึ้งไม่น้อย
เป็นพนักงานเสิร์ฟได้เงินเดือนหมื่นเจ็ดมันเยอะมากสำหรับฉันแต่เรื่องที่อยู่…
“อยู่ฟรีไม่คิดเงินหรอคะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้ง
“ครับผมเอ็นดูคุณนะครับ” คุณทัตตอบกลับมาแบบนี้ทำฉันถอยหลังติดเตียงด้วยความกลัว
“ไม่ใช่แบบนั้นครับผมเอ็นดูคุณเหมือนลูกเพราะว่ามันทำให้ผมนึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนผมเคยช่วยผู้หญิงคนนึงโดยเหตุการณ์คล้ายๆคุณนี่แหละ เธอมาทำงานในคลับผมจนเป็นดีเจโด่งดังผมกับเธอดูแลกันเหมือนพ่อกับลูกจนตอนนี้เธอแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วพอเห็นคุณผมเลยอดที่จะเอ็นดูไม่ได้” คุณทัตพูดขึ้นอีกครั้งฉันว่าเขาคงรักผู้หญิงคนนั้นมากเลยแหละเพราะตอนที่เขาพูดถึงแววตาเขามันแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใยอยู่เสมอ
“เมษาตกลงค่ะทั้งเรื่องงานเรื่องเงินเดือนแต่เรื่องที่อยู่เมษาไม่อยู่ฟรีได้ไหมคะ เมษาเกรงใจคุณทัตทั้งให้งานให้เงิน” ฉันตอบกลับไปทันทีเพราะถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงเอาเปรียบเขาเกินไปและคงจะสบายเกินไปด้วย
“มันเป็นห้องว่างครับผมไม่ได้อยู่ที่นั้นแล้วอีกอย่างถ้าคุณไม่อยากอยู่ฟรีก็รับผิดชอบค่าน้ำค่าไฟก็แล้วกัน” คุณทัตพูดขึ้นแน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็จะไม่ปฏิเสธอะไรเลย
“ถ้าแบบนั้นก็ได้ค่ะขอบคุณคุณทัตมากนะคะ” พูดจบฉันก็ยกมือไหว้ผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง
“เดี๋ยวน้ำเกลือหมดก็กลับได้แล้วผมจะพาคุณไปซื้อพวกของใช้เพราะดูเหมือนคุณไม่มีอะไรติดตัวเลย” คุณทัตพูดขึ้นต่อทันที
“รบกวนด้วยนะคะเมษาไม่มีอะไรติดตัวมาเลยจริงๆ” เพราะข้าวของเครื่ิองใช้ของฉันก็คงอยู่ในกระเป๋าที่บ้านพ่อเลี้ยงนั้นแหละ
“เดี๋ยวผมไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายกับทางโรงพยาบาลก่อน” คุณทัตพูดขึ้นต่อก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งนิ่งๆบนเตียงเฝ้ารอให้น้ำเกลือหมดรู้สึกโชคดีไม่น้อยเลยแหละที่ฉันเจอคนดีๆแบบคุณทัตเพราะถ้าเจอคนไม่มีดีฉันคงไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง
หลังจากออกจากโรงพยาบาลฉันก็แวะซื้อพวกของใช้และเสื้อผ้าตามร้านริมถนนเพราะไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายไปกับของพวกนี้เยอะ เสร็จจากการซื้อของคุณทัตก็พาฉันตรงมายังคอนโดเมื่อมาถึงฉันก็ได้แต่อ้าปากค้างกับความหรูหราของที่นี่
“คุณทัตคะเมษาว่าเมษาไปหาเช่าห้องอยู่ที่อื่นดีกว่าที่นี่มันหรูจนเมษาไม่กล้าอยู่” ฉันพูดขึ้นทันทีเมื่อเข้ามาในห้องของคุณทัต
“อยู่ที่นี่แหละครับแถวคลับไม่ค่อยมีห้องพักถูกๆเพราะมันอยู่ใจกลางเมืองเรทราคามันสูงหมด” คุณทัตตอบกลับมาอีกครั้ง
“เมษาเกรงใจมากเลยค่ะ” เพราะห้องนี้ฉันตีมูลค่ามันไม่ถูกเลยแหละทุกอย่างดูแพงและมีราคาไปหมด
“ถ้าเกรงใจก็ตั้งใจทำงานนะครับไปกันเถอะผมจะพาคุณไปสมัครงานกับผู้จัดการ”
หลังจากนั้นคุณทัตก็พาฉันตรงมายังคลับของเขา แน่นอนว่าเวลานี้คลับยังไม่เปิดแต่ส่วนที่เปิดคือบ่อนการพนันชั้นใต้ดิน
“คุณใจ๋ครับนี่เมษามาสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟ” คุณทัตพาฉันตรงเข้ามาด้านในก่อนจะแนะนำฉันกับผู้จัดการของร้านส่วนเขาก็เดินขึ้นไปยังชั้นบน
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ผู้จัดการตรงหน้า
“สมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟเริ่มงานหนึ่งทุ่มเลิกตีสองไหวนะเมษา” คุณใจ๋ถามฉันขึ้นทันที
“เมษาไหวค่ะ” ฉันตอบกลับอย่างทันควันเพราะถ้าแลกมาด้วยเงินฉันต้องไหวให้ได้
“โอเคพี่จะไม่ถามอะไรเยอะเพราะคุณทัตเป็นคนพามาทำงานที่นี่หยุดอาทิตย์ละหนึ่งวันส่วนนี่คือยูนิฟอร์มของทางร้านให้สามชุด” ฉันรับยูนิฟอร์มจากคุณใจ๋ทันที
“เมษาเริ่มงานได้วันไหนหรอคะคุณใจ๋” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเพราะตอนนี้ฉันไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวลแล้ว
“พรุ่งนี้แล้วกันมาถึงก็มาหาพี่ที่นี่แล้วก็เรียกพี่ใจ๋นะ” พี่ใจ๋ตอบกลับมาทันที
“โอเคค่ะเจอกันพรุ่งนี้นะคะพี่ใจ๋” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากคลับคุณทัต
คอนโดของคุณทัตกับคลับห่างกันไม่เยอะมันทำให้ฉันไม่ต้องเดินไกลในการไปและกลับจากการทำงาน
แน่นอนว่าก่อนเข้าคอนโดฉันก็ซื้อพวกของสดต่างๆจากซุปเปอร์มาเก็ตติดมือมาด้วยบอกเลยว่าถ้าแถวมีตลาดฉันไม่ซื้อที่นี่เด็ดขาดเพราะด้วยราคาที่แพงกว่าหลายเท่าและปริมาณที่น้อยกว่า
เมื่อมาถึงห้องฉันก็จัดการเอาของสดเข้าตู้และซักเสื้อผ้าต่างๆที่ได้มาวันนี้เสร็จจากการทำทุกสิ่งทุกอย่างฉันก็ทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างเพื่อนอนพักเอาแรง
พ่อเลี้ยงแทน
“มึงว่ายังไงนะไอ้มหันต์” ผมถามไอ้มหันต์ขึ้นอีกครั้งเพราะเมื่อกี้มันพูดอะไรขึ้นสักอย่างเกี่ยวกับเมษา
“คนของเราตามเด็กคนนั้นไปถึงกรุงเทพครับ” ไปไกลดีหนิคิดจะหนีกันทั้งทีไปถึงกรุงเทพเลยทีเดียว
“อยู่ส่วนไหนของกรุงเทพ” ผมถามไอ้มหันต์ขึ้นอีกครั้งเพราะกรุงเทพก็ไม่ใช่แคบๆ ลำพังอิทธิพลของผมในกรุงเทพก็ไม่ได้มีมากนักถ้าหาแบบไม่มีข้อมูลอะไรก็นานพอสมควรแต่ถ้าหากคนของเราคอยตามอยู่ตลอดพอครบหนึ่งเดือนมันก็จะง่ายขึ้น
“ไม่แน่ใจครับเพราะเธอเป็นลมด้วยเลยมีคนใจดีพาไปโรงพยาบาลส่วนตอนนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วแต่คนของเราคลาดกับเขา” เป็นลมเลยหรอวะไปทำอิท่าไหนถึงเป็นลมเป็นแล้งไปได้
“มึงให้คนตามประสาอะไรแค่เด็กผู้หญิงคนเดียวยังปล่อยให้คลาดสายตา” ผมถามขึ้นทันทีด้วยอาการหงุดหงิดรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเมื่อไอ้มหันต์พูดออกมา
เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวทำไมถึงปล่อยให้หลุดพ้นสายตาไปได้แล้วไอ้พวกนั้นทำงานกันยังไงทำไมไม่ลงไปช่วยตอนที่เห็นเธอเป็นลม
“คลาดกันตอนออกจากโรงพยาบาลครับ”
“บอกพวกมันว่าหาให้เจอถ้าหาไม่เจอกูจะไปเป่าหัวพวกมันทีละตัว”
❤️
อิอิจำคุณทัตกันได้หรือเปล่า