เมียพ่อเลี้ยง | 6

1990 Words
“คุณจะทำอะไรกับเมษาถ้าเมษาหาเงินมาคืนไม่ได้” ฉันถามขึ้นทันที ฉันรู้ตัวดีเลยแหละว่าภายในเวลาหนึ่งเดือนฉันไม่มีทางหาเงินมาคืนพ่อเลี้ยงได้ทันแน่ๆ แต่ที่ฉันพูดไปแบบนั้นเพราะหนึ่งเดือนมันมีเวลามากพอที่ทำให้ฉันสามารถหนีไปไกลจากที่นี่ได้ไปที่ไหนก็ได้ให้ไกลจากขุมนรกแห่งนี้ “เซ็กซ์ของเราไงละเมษา” พ่อเลี้ยงตอบกลับมาทันทีทำเอาฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “เมษาตกลง” ฉันตอบกลับทันทีหลังจากออกไปจากที่นี่แล้วฉันคงต้องวางแผนให้ตัวเองแล้วแหละว่าจะไปที่ไหนและทำอะไร โชคดีที่ตอนนี้เงินในบัญชีฉันมีติดตัวอยู่สองพันนิดๆและยังมีเงินที่เคยกู้เงินยืมเรียนจากรัฐบาลมันจึงทำให้ฉันมีเงินพอที่จะไปจากที่นี่ ใจจริงฉันไม่อยากใช้เงินก้อนนี้เลยสักนิดเพราะฉันจะเก็บไว้เป็นค่าแรกเข้ามหาลัยแต่ตอนนี้ฉันคงหมดหวังเรื่องมหาลัยเพราะต้องหาทางหนีให้ได้แล้วค่อยทำงานเก็บเงินใหม่เริ่มเรียนปีหน้าก็คงไม่สาย “หนึ่งเดือนเท่านั้นนะเมษากูให้เวลามึงเดือนเท่านั้น” พ่อเลี้ยงย้ำขึ้นมาอีกครั้ง “ขอบคุณ” ฉันตอบกลับทันทีก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของพ่อเลี้ยงจะเดินตรงมาทางฉัน มือหนาของเขาถอดเข็มขัดที่มัดข้อมือและข้อเท้าให้ฉันก่อนจะกระชากแขนฉันให้เข้าหาตัว “กินข้าวก่อนค่อยไป” เขาพาฉันมาหยุดที่โต๊ะกินข้าวกลางบ้าน “ไม่เป็นไรค่ะเมษาอยากรีบออกไปจากที่นี่” ฉันตอบกลับไปทันทีเพราะตอนนี้การออกจากที่นี่เร็วมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นผลดีต่อฉัน “ตามใจหาทางออกไปเองฉันไม่ส่ง” ฉันพยักหน้ารับทันทีก่อนจะเดินออกจากบ้านพ่อเลี้ยง จำได้อยู่ว่าต้องเดินผ่านไร่ก่อนถึงจะเห็นทางออกจากไร่แน่นอนว่าระยะทางไกลพอสมควรแต่ฉันก็ต้องเดินให้ได้ บอกกับตัวเองเลยว่า ฉันจะไม่มีวันมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว ไร่กลิ่นดิน “ยัยหนูจะไปไหนนั่น” เสียงของชายวัยกลางคนดังจากด้านหลังทำฉันหันไปมองทันที คุณลุงในชุดชาวสวนขับรถบรรทุกผลไม้ถามฉันขึ้น “เมษาจะไปหน้าไร่ค่ะลุง” ฉันตอบกลับทันที “ขึ้นมาลุงจะไปส่งเดินเป็นวันก็ไม่ถึงหรอกหน้าไร่นะ” คุณลุงพูดขึ้นอีกครั้งส่วนฉันก็ไม่รีรอเพราะฉันก็ไม่อยากเอาเรี่ยวแรงตัวเองมาทิ้งไปกับการเดินเท้า “ขอบคุณมากนะคะที่ให้เมษาติดรถมา” ฉันพูดขึ้นทันทีเมื่อถึงหน้าไร่ ไม่นานนักรถสองแถวประจำทางก็ผ่านมาฉันโบกมือและขึ้นไปทันที โชคดีที่ในกระเป๋ากางเกงยังพอมีเศษเหรียญอยู่บ้างมันเลยทำให้ฉันมีค่ารถพอกลับบ้าน และโชคดีไปมากกว่านั้นคือการที่ฉันกลับบ้านมาและไม่เห็นน้ามาลี ฉันหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองเพื่อหวังจะเก็บเสื้อผ้าแต่ต้องชะงักเมื่อข้าวของเครื่องใช้ของฉันมันหายไปหมด และคงมีคนเดียวเท่านั้นคือน้ามาลี ไม่รู้ว่าหายไปไหนถ้าน้ามาลีไม่เอาไปขายก็คงอยู่ในกระเป๋าใบนั้นใบที่เธอให้ฉันถือไปบ้านพ่อเลี้ยง เมื่อไม่มีสิ่งของอะไรของฉันในบ้านหลังนี้อีกแล้ว ฉันก็ได้แต่หยิบสมุดบัญชีที่เป็นบัญชีที่รัฐโอนเงินให้และสมุดบัญชีเงินของฉันใส่กระเป๋าและเดินออกจากบ้าน ฉันตรงไปยังธนาคารเพื่อขอเบิกเงิน ไม่แน่ใจว่าตอนนี้มีเงินในบัญชีมีเท่าไหร่เพราะฉันไม่เคยเช็คและไม่เคยเอามาใช้เลยตั้งแต่ยื่นกู้เงินตอนมัธยมสี่ “เงินในบัญชีมีเท่าไหร่หรอคะ” ฉันถามพี่พนักงานตรงหน้าขึ้นทันที “มีเงินอยู่สี่หมื่นสองจ้ะ ถอนเท่าไหร่ดีเอ่ย” ตกใจไม่น้อยไม่คิดว่าการขอกู้ยืมเงินค่าครองชีพตลอดสามปีที่ผ่านมาจะทำให้ฉันมีเงินก้อนมากขนาดนี้ โชคดีที่ฉันไม่เคยใช้เงินก้อนนี้เลยเพราะคุณพ่อบอกว่าเอาไว้ใช้ตอนจำเป็นเท่านั้นและตอนนี้มันคงจำเป็นสำหรับฉันที่สุดแล้ว “ถอนห้าพันบาทค่ะ” ฉันตอบกลับไปทันทีสำหรับเงินห้าพันบาทคงพอให้ฉันมีค่ารถค่ากินจ่ายไปถึงกรุงเทพและเหลือใช้อีกหลายวัน หลังจากเสร็จธุระถอนเงินฉันก็รีบตรงมายังขนส่งประจำจังหวัดทันที “กรุงเทพหนึ่งใบค่ะ” ฉันพูดขึ้นทันทีก่อนจะยื่นแบงค์พันให้กับพนักงาน “รอบเร็วสุดหนึ่งทุ่มครึ่งรับไหมคะ” “รับค่ะ” ฉันตอบกลับทันทีก่อนจะตั๋วมาและเงินทอนอีกสามร้อยกว่าบาท นี่คือการเดินทางไกลครั้งแรกของฉันและหวังว่ามันจะดี ฉันไม่รู้เลยว่ากรุงเทพหน้าตาเป็นอย่างไรไปถึงต้องไปที่ไหนรู้แค่ว่าตอนนี้ฉันต้องไปให้พ้นจากที่นี่ค่อยไปกัดฟันสู้ที่นู้นก็คงไม่เป็นอะไรหรอก พ่อเลี้ยงแทน “นายจะปล่อยไปจริงๆหรอครับ” ไอ้มหันต์ถามผมขึ้นทันทีเมื่อเมษาเดินออกจากบ้านไป “เด็กคนนั้นอยากไปไหนก็ปล่อยให้ไปเพราะต่อให้เธอจะหนีไปไกลถึงเมืองนอกกูก็จะหาเธอให้เจอ” ผมพูดขึ้นทันทีเพราะผมรู้ดีว่าเธอคงไปที่ไหนสักที่แน่นอน คนจนตรอกแบบนี้ทำได้แค่หาทางหนีไปให้ไกลที่สุดจากที่ที่ตัวเองเคยอยู่เชื่อสิว่ามันเป็นแบบนั้น “ผมจะให้คนตามไปดูเรื่อยๆจะได้ตามตัวถูก” ไอ้มหันต์พูดขึ้นอีกครั้ง “ก็ดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาให้นาน ให้คนตามอย่าให้รู้ตัว” ผมตอบกลับไปทันที ปล่อยให้เล่นสนุกให้เต็มที่แล้วอีกหนึ่งเดือนค่อยมาเจอกัน “นายไม่เป็นห่วงเธอหรอครับ” ไอ้มหันต์ถามผมขึ้นอีกครั้งก่อนที่ผมจะละสายตาจากไอแพดเงยหน้าขึ้นมามองมัน “ทำไมกูต้องเป็นห่วงในเมื่ออยากให้มีชีวิตดีๆที่นี่แล้วไม่ต้องการ ก็ไปเจอความลำบากข้างนอกดูสักนิดอย่างที่ใจต้องการก็คงไม่เป็นไร” ผมพูดขึ้นทันทีพร้อมกับก้มลงมองตารางส่งออกผลไม้อีกครั้งเพราะพรุ่งนี้ผลไม้ของไร่ผมจะถูกส่งไปยังประเทศจีนหลายสิบตัน “เพราะนายไม่เคยบอกเธอไงครับว่าชีวิตดีๆที่นี่ของเธอคืออะไร” ใครบอกว่าผมไม่เคยบอก “กูบอกตลอดว่าอยากมีชีวิตดีๆก็ให้ทำตัวดีๆ” ผมตอบกลับไปทันที “นายทำให้เธอเข้าใจไปอีกแบบ คำพูดของนายทำให้เธอเข้าใจในอีกทาง” ไม่รู้ว่าไอ้มหันต์มันพูดจากำกวมไปเพื่ออะไร “มึงออกไปได้แล้วกูจะดูเอกสารอีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วเตรียมรถไว้ด้วยกูจะไปดูผลไม้ที่โกดัง” ผมพูดขึ้นต่อ ขืนคนพูดมากแบบไอ้มห้นต์ยังอยู่ในห้องด้วยมีหวังผมไม่ได้ตรวจความคืบหน้าของงานกันพอดี “รถพร้อมแล้วครับนาย” “ขอบใจ” ผมรับกุญแจรถจากไอ้มหันต์ทันทีก่อนจะขับตรงไปที่โกดัง รถที่ใช้ในไร่ก็ไม่ได้เป็นรถหรูแต่อย่างใดเป็นรถกระบะธรรมดาที่เน้นใช้งาน ส่วนรถหรูถ้าถามว่ามีไหมก็ต้องบอกว่ามีเพราะผมเองก็เป็นพวกชอบสะสมรถหรูนำเข้าอยู่แล้วแต่ถ้าให้เอามาขับในไร่ก็เกรงว่าจะไม่เหมาะ “คืบหน้ายังไงบ้าง” ผมถามคนงานประจำโกดังขึ้นทันที “อีกสองตะกร้าก็เตรียมขนขึ้นรถแล้วครับพ่อเลี้ยง” คนงานตอบกลับมา ทุกคนที่นี่เรียกผมว่าพ่อเลี้ยงทั้งหมดมีแค่ไอ้มหันต์เท่านั้นแหละที่เรียกผมว่านาย ไม่รู้ว่ามันไปสันหาคำนี้มาจากไหนแต่มันให้เหตุผลว่าไม่อยากเรียกผมซ้ำกับใคร “ดูให้ดีอย่าให้มีอะไรปลอมแปลงคัดดีๆด้วยละ อย่าให้ของต้องถูกตีกลับ” ผมเน้นย้ำอีกครั้งเพราะการที่ของโดนตีกลับนั่นหมายความว่าของมันไม่ได้มาตราฐานนอกจากเสียเงินแล้วยังเสียเครดิตอีกด้วย “ครับพ่อเลี้ยงก่อนเอาขึ้นรถพวกผมจะตรวจสอบอีกที” “ดี” ผมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินออกมาดูส่วนต่อไป ผลไม้ที่จะเตรียมส่งออกตอนนี้นั่นคือองุ่นและที่ผมเดินมาตอนนี้นั่นคือโรงหมักไวน์ “พ่อเลี้ยงลองชิมดูครับผมว่าหมักไว้อีกสักเดือนรสชาติคงเป็นเข้าที่” พ่อรับแก้วจากคนงานก่อนจะยกดื่มเข้าปากทันที “อืมดีแล้วแต่จะดีกว่านี้ถ้าครบเดือน” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นด้วยกับคนงาน ไร่ของผมไม่ได้มีแค่ส่งออกผลไม้องุ่นเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีโรงหมักไวน์และสินค้าแปรรูปจากองุ่นอีกมากมาย “ผมจะอัพเดตรสชาติไวน์ให้พ่อเลี้ยงทราบบ่อยๆครับ” คนงานตอบกลับมาอีกครั้ง ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้าเป็นอันเข้าใจ หลังจากเสร็จงานตรงนี้แล้วผมก็ตรงกลับมาที่บ้านทันทีก่อนจะเข้าไปในห้องทำงานเพื่อเคลียร์เอกสารที่จะส่งออกผลไม้ในวันพรุ่งนี้ “คนของเรารายงานว่าตอนนี้เธออยู่ที่ขนส่ง” ผมเลิกสนใจเอกสารตรงหน้าและมองไอ้มหันต์ที่พรวดพราดเข้ามาทันที “แล้วไงกูต้องสนใจหรือไงมึงเห็นไหมกูทำอะไรอยู่” ผมตอบกลับด้วยอาการหงุดหงิดเพราะไอ้มหันต์มันกำลังรบกวนการทำงานของผม “ขอตัวครับ” เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังสร้างความรำคาญให้กับผมมันก็เดินหันหลังออกจากห้องไปอย่างเร็ว “อยู่ขนส่งแล้วจะไปจังหวัดไหนวะนั่น” ผมพึมพำพูดกับตัวเองทันที คิดไว้ว่าจะไม่สนใจแต่ก็อดที่จะคิดไม่ได้ไม่รู้ว่าเธอจะมีเงินติดตัวในการเดินทางหนีผมไปเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าออกจากจังหวัดนี้ไปจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง สุดท้ายผมก็วางเอกสารในมือลงก่อนจะออกจากห้องทำงานตรงมาหาไอ้มหันต์ “สั่งคนตามไปจนรู้ว่าเธอไปไหนที่ไหน” ผมพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นไอ้มหันต์กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้าน “ตอนนี้อยู่ขนส่งครับ” “มึงคิดว่าเด็กคนนั้นจะอยู่ขนส่งตลอดเลยหรือไง ให้คนขับรถตามไปจนรู้ว่าไปจังหวัดไหนและอยู่ส่วนไหนของจังหวัดนั้นตามอย่าให้คลาดสายตา” ผมเน้นย้ำอีกครั้ง “เมื่อกี้นายบอกผมแล้วนะครับ” มันพูดขึ้นมาทันที “กูอยากบอกอีกมึงมีปัญหาอะไร” ผมถามกลับอีกครั้ง มีมันเป็นลูกน้องสร้่งความปวดหัวให้ผมมากพอสมควรเพราะการที่ผมเน้นย้ำเรื่องนี้กับมันก็เป็นผลดีแล้วไม่รู้จะถามผมให้มาเรื่องทำไม “เหมือนนายจะเป็นห่วงเธอ” มันว่าขึ้นต่อทันทีทำเอาผมอยากจะเอามือทุบหัวไอ้มหันต์เพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องเป็นห่วงเธอเลย “กูไม่ได้เป็นห่วง” “ปากไม่ตรงกับใจ” “ไอ้มหันต์ !” ❤️ เซฟมหันต์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD