ตอนที่ 2

1659 Words
นิวารินหมุนคอมองไปรอบๆ ตัวเท่าที่สามารถทำได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน เพราะสถานที่อยู่ของหมอดูที่ได้รับมาจากมารดานั้นค่อนข้างเปลี่ยว และดูรกร้างน่าสะพรึง “หรือจะกลับดีนะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง แต่พอเท้าก้าวจะเดินกลับ สมองก็ผุดใบหน้าของวชิรวิชญ์ขึ้นมาเสียก่อน ถ้าหล่อนไม่ยอมเข้าไปในบ้านหมอดู หรือไม่ทำอะไรเลย พี่หมออาร์มจะต้องหลุดมือไปแน่ๆ นิวารินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ สองสามครั้ง ก่อนจะกัดฟันเดินหน้าต่อไป “เพื่อจะได้เป็นเมียพี่หมออาร์ม เราจะต้องสู้ สู้ๆ ครูนิวคนสวย” หล่อนฉีกยิ้มสดใสออกมา ก่อนจะก้าวยาวๆ เดินเข้าไปภายในบ้านปูนชั้นเดียวที่ไม่ได้แม้แต่ฉาบให้เรียบของหมอดูทันที “สวัสดีค่ะ หนูมาหาหมอลำเจียกค่ะ” หล่อนตะโกนอยู่หน้าประตูไม้เก่าๆ ที่เปิดกว้างเอาไว้ และก็อดที่จะแอบมองเข้าไปภายในไม่ได้ ซึ่งข้างในของบ้านหลังนี้ ก็มีโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ ซึ่งหล่อนเรียกไม่ถูกนัก และมีองค์เทพ และก็รูปปั้นอะไรอีกมากมายวางเอาไว้ ข้างหน้ามีแจกันดอกไม้ มีกระถางปักธูป สายสิญจน์สีขาวผูกระโยงระยางเอาไว้รอบโต๊ะหมู่ กลิ่นของควันธูปอบอวลจนหล่อนจามออกมาสองสามครั้ง “ไม่เห็นมีใครอยู่เลย” นิวารินบ่นพึมพำ กำลังจะหมุนตัวเดินออกไป ตั้งใจจะไปดูรอบๆ บ้าน แต่เสียงแหบแห้งของหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน “จะรีบไปไหนล่ะ มาหายายไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวสะดุ้งโหยง หน้าซีดเผือดลง แต่ก็ทำใจกล้าหันไปมองด้านหลัง หญิงชราหลังค่อม เส้นผมสีขาวถูกมันรวบกันเอาไว้ที่ด้านหลัง ดวงตามีฝ้าขาวจ้องมองมาที่หล่อน ริมฝีปากเหี่ยวย่นสีแดงคล้ำเพราะกินหมากแดงคลี่ยิ้มให้น้อยๆ “เอ่อ... คุณยายคือ...” “คนที่หนูตั้งใจมาพบนั้นแหละ” หล่อนฝืนยิ้มอีกครั้ง ใจคอไม่สู้ดี ความหวาดกลัววิ่งเข้าใส่เหมือนลูกธนูอาบยาพิษ “เข้ามาก่อนสิ มีอะไรจะให้ยายช่วยล่ะ” หล่อนก้าวเข้าไปภายในบ้านของหมอดูวัยชรา และก็นั่งลงกับพื้น “ไหว้ปู่ฤาษีเสียก่อนสิหนู” เสียงแหบแห้งของหญิงชราดังขึ้น “อ๋อ... ค่ะ คุณยาย” หล่อนไม่ได้แค่ไหว้เท่านั้น แต่หล่อนเลือกที่จะกราบเลยแหละ หญิงชรามองหล่อนและก็อมยิ้มอย่างถูกใจ ก่อนจะหันไปหยิบชุดขาวที่วางอยู่ในพานสีทองมาสวมใส่ และเอ่ยถาม “มีอะไรคับข้องใจก็บอกยายมาได้เลยนะ ยายยินดีจะช่วยเหลือ” นิวารินเม้มปากเป็นเส้นตรง บรรยากาศรอบตัวทำให้รู้สึกขนพองไม่น้อย “คือหนู... หนู...” “อยากให้ยายช่วยทำให้คนที่หนูหมายตามารักหนูใช่ไหมล่ะ” “คุณยายรู้ด้วยเหรอคะ?!” เมื่อได้ยินคำพูดแทงใจดำ ทำให้นิวารินถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นระคนเหลือเชื่อ หญิงชราระบายยิ้มกว้างจนเห็นตอฟันสีดำ มันเป็นภาพที่ไม่น่ามองสักเท่าไร “ยายรู้ทุกอย่างนั่นแหละ” โห ทำไมแม่นแบบนี้นะ นิวารินพูดในใจอย่างทึ่งจัด หล่อนไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย เพราะเชื่อเสมอว่าหมอดูคู่กับหมอเดา แต่ครั้งนี้เห็นทีจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้ว “หนูอยากได้น้ำมันพรายใช่ไหมล่ะ” “โห คุณยาย... คุณยายทราบได้ยังไงคะว่าหนูอยากได้น้ำมันพราย...???” หล่อนช็อกไปอีกรอบกับความแม่นเหมือนตาเห็นของหมอดูตรงหน้า “หึหึ บอกแล้วไงยายรู้ทุกอย่างที่หนูคิดนั้นแหละ” มาไม่ผิดที่ มาไม่เสียเที่ยวแล้วล่ะนิวเอ๊ยยย หัวใจของนิวารินเต็มไปด้วยความลิงโลด “แล้ว... คุณยายมีน้ำมันพรายไหมคะ แบบทาปุ๊บพี่หมออาร์มหลงรักหนูปั๊บเลยน่ะค่ะ” “มีสิ” คุณยายหมอดูที่ทำให้หล่อนใจพองฟู ควานมือลงไปในพานสีเงินที่วางอยู่ใกล้ๆ กับพานสีทอง และหยิบขวดแก้วขนาดเล็กเท่านิ้วก้อยขึ้นมาส่งให้กับหล่อน นิวารินมองขวดแก้วในมือเหี่ยวย่นของคุณยายหมอดูสลับกับมองใบหน้าของท่าน “น้ำ... น้ำมันพรายเหรอ... คะ...” น้ำเสียงของหล่อนตะกุกตะกักมาก “อืม น้ำมันพรายที่หนูอยากได้ยังไงล่ะ รับรองเด็ดมาก รับไปสิ” นิวารินยื่นมือออกไป และขวดน้ำมันพรายก็ต้องลงมาสู่อุ้งมือของหล่อนในบัดดล นี่มันของจริงเหรอเนี่ย? หล่อนกะพริบตาซ้ำแล้วหลายครั้ง และก็สะบัดศีรษะแรงๆ แต่ขวดน้ำมันพรายก็ยังอยู่ในอุ้งมือ “ของจริง...” หล่อนพึมพำและฉีกยิ้มกว้าง แววตาเต็มไปด้วยความหวังเต็มเปี่ยม พี่หมออาร์มเสร็จนิวแน่... “เอ่อ... แล้วน้ำมันพรายทำมาจากอะไรเหรอคะคุณยาย คงไม่ใช่... น้ำเหลืองจากศพใช่ไหมคะ” สีหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยความสยดสยอง ความลังเลยังคงตกค้างอยู่ในใจ หากเป็นอย่างที่คิด หล่อนจะกล้าใช้ของพวกนี้กับวชิรวิชญ์จริงๆ เหรอ “ไม่ใช่หรอก น้ำมันพรายของยายน่ะ ทำจากว่านดอกนางพญาผีดิบน่ะ แล้วยายก็นำมาปลุกเสกด้วยคาถาที่ร่ำเรียนมา ไม่เกี่ยวกับภูตผีหรือศพอะไรทั้งนั้นแหละจ้ะ” “ว่าน... ดอกนางพญาผีดิบ... มันคืออะไรเหรอคะ” “ว่านดอกนางพญาผีดิบมันคือดอกไม้ทางเขมรน่ะ มีความเชื่อกันว่า มันจะทำให้คนรักคนหลงกลิ่นของมัน...” นิวารินผงกศีรษะขึ้นลงอย่างเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้เข้าใจถ่องแท้นัก “ถ้าหนูอยากให้เขาคนนั้นหันมามอง ก็แค่เอาน้ำมันพรายไปแตะที่ตัวของเขาเท่านั้น แล้วสิ่งที่หนูหวังก็จะเป็นความจริงขึ้นมา” “แค่นี้เองเหรอคะ” “ใช่จ้ะ แค่นี้แหละ รับรองว่าหนูได้ผัวเป็นหมออย่างแน่นอน ยายเอาฟันยายรับประกันเลยล่ะ” นิวารินนิ่วหน้าเล็กน้อย และจ้องมองฟันของคุณยายตรงหน้า ก่อนจะยิ้มหน้าเจื่อนๆ “แต่ฟันคุณยายเหลือแค่ตอแล้วนะคะ” “เอาน่า ถึงจะเหลือแต่ตอ แต่น้ำมันพรายของยายก็ขลังจริงอะไรจริงแน่นอนจ้ะ” เอาวะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่นา นิวารินคิดในใจก่อนจะกล่าวขอบคุณหญิงชราตรงหน้า “ขอบคุณคุณยายมากค่ะ งั้นหนูต้องบูชาค่าน้ำมันพรายเท่าไรคะ” หล่อนถามออกไปเพราะไม่รู้จริงๆ “ตามหนูสะดวกเลยจ้ะ ยายไม่บังคับ แต่ถ้าอนาคตหนูได้ผัวเป็นหมอแล้ว หากยายเจ็บป่วยต้องบอกให้ผัวหนูรักษายายฟรีนะ” หญิงสาวยิ้มขบขัน ก่อนจะแซวคุณยายออกมา “คุณยายนี่มีอารมณ์ขันน่ารักเชียวนะคะ” แล้วหล่อนก็หยิบเงินจำนวนห้าร้อยบาทใส่ไปในพานสีเงินที่อยู่ไม่ไกลนัก “สวยมักนก ตลกมักได้ จำคำยายเอาไว้ก็แล้วกันหนู” “คะ?” แล้วยายก็ยิ้มโชว์ฟันที่เหลือแต่ตอให้กับหล่อน อีกครั้ง จากนั้นก็ตัดบท “หนูกลับไปได้แล้วล่ะ นี่ก็ใกล้มืดแล้ว เดี๋ยวมองไม่เห็นทางกันพอดี” “เอ่อ... หนูลืมไปเลยว่ามืดแล้ว งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะคุณยาย” หล่อนยกมือไหว้ และก็ไม่ลืมหันไปกราบโต๊ะหมู่บูชาที่อยู่ด้านหลังของคุณยายหมอดู คุณยายผมขาวฉีกยิ้มให้กับหล่อน และก็เดินออกมาส่งหล่อนที่หน้าประตูบ้าน “กลับดีๆ ล่ะ และขอให้หนูโชคดีได้ผัวเป็นหมออย่างที่ตั้งใจไว้นะ” “ขอบคุณค่ะคุณยาย หนูไปล่ะค่ะ” นิวารินเดินออกไปไกลแล้ว คุณยายที่ผลุบหน้ากลับเข้าไปในบ้าน พร้อมกับดึงประตูห้องบ้านปิดลงทันที ใครบางคนก้าวออกมาจากทางห้องน้ำ และก็ปรากฏตัวขึ้น “ทำไมยายคุยนานนัก ฉันแทบเป็นลมตายอยู่ในห้องน้ำแล้วเนี่ย” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็คือมารดาของนิวารินนั่นเอง “ก็ลูกสาวเอ็งพูดมาก ถามไม่หยุดเลยนี่นา นี่ข้ากลัวถูกจับได้มากเลยเนี่ย” นันทิดาถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือของหญิงชรา “ฉันขอบใจยายมากนะที่ยอมช่วยฉัน เล่นเป็นแม่หมอดูหลอกลูกสาวให้น่ะ” “ไม่เป็นไรหรอก เอ็งจ่ายค่าจ้างให้ข้านี่นา ว่าแต่ทำไมถึงไม่ให้นังหนูนั่นไปหาหมอดูจริงๆ ล่ะ มาจ้างข้าทำไม” คนเป็นแม่หน้าเครียดลงก่อนจะบอกเหตุผลออกมา “ฉันกลัวลูกจะถูกหมอดูหลอกน่ะ แล้วอีกอย่างน้ำมันพรายอะไรเนี่ยมันก็มีจริงที่ไหนล่ะ” “ใช่ อีกเดี๋ยวลูกสาวเอ็งก็จะรู้ว่าน้ำมันพรายที่ได้ไปจากข้ามันก็แค่น้ำมันดอกไม้เท่านั้น แล้วลูกเอ็งก็จะผิดหวัง” “นิวมันจะได้รู้ว่า ต่อให้มีน้ำมันพราย มันก็ไม่มีทางได้หัวใจคุณหมออาร์มมาครอบครองหรอก ฉันอยากให้ลูกเจียมตัว และตัดใจเสียที” นันทิดาทำทุกอย่างลงไปเพราะต้องการให้ลูกสาวตัดใจจากวชิรวิชญ์ “ข้าเข้าใจเอ็ง ว่าเอ็งคิดอะไรอยู่ เอาเป็นว่าข้าลดค่าจ้างให้เอ็งเหลือสามร้อยก็พอ แต่เอ็งต้องรีบมาขนไอ้โต๊ะหมู่กับรูปปั้นพวกนี้ออกไปจากบ้านข้าภายในคืนนี้นะ ข้าหลอนว่ะ” นันทิดายิ้มเจื่อนๆ แต่ก็ผงกศีรษะตอบรับ “ได้จ้ะยาย เดี๋ยวฉันจะขนไปทิ้งให้หมดเลย ยังไงขอบคุณยายมากนะ ขอบคุณจริงๆ” “เออ ไม่เป็นไรหรอก” นันทิดาฝืนยิ้มให้กับหญิงชราตรงหน้า ในใจยังคงเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD