ร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ หลังจากที่หญิงสาวกลับออกไปแล้ว ครู่หนึ่งเลขาฯ คนสนิทก็เดินเข้ามา
"ผมสั่งให้การ์ดเฝ้าหน้าห้องไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วครับ" โยเซฟรายงานอย่างแข็งขัน
"ดี...แล้วเรื่องที่ให้จัดการที่เมืองไทยถึงไหนแล้ว"
"ยังไม่มีความคืบหน้าเลยครับ ผ่านมาตั้งสิบสามปีแล้ว เจ้านายยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจอีกเหรอครับ"
มาเฟียหนุ่มกัดริมฝีปากตัวเองห้อเลือด หลับตาผ่อนลมหายใจก่อนจะส่ายหน้าแล้วส่งเสียงตำหนิ
"สั่งคนของนายให้เร่งทำงาน หากไม่เจอก็อย่าเสนอหน้ากลับมา ประเทศเล็กๆ เท่าฝ่ามือแค่ให้หาคนคนเดียวทำไมถึงจะหาไม่เจอ"
"ครับเจ้านาย" เลขาฯ รับคำอย่างหวาดๆ แม้ในใจอยากจะค้านแต่ไม่ได้อยู่ในฐานะจะพูดอะไรได้
ขณะเดียวกันเมลินก็เอาแต่เดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องนอน พลางใช้ความคิดว่าชีวิตของตัวเองตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร จากคนธรรมด๊า ธรรมดาที่เดินทางรอนแรมมาต่างประเทศคนเดียวเพื่อตามหามารดา กลับกลายเป็นคนที่ถูกตามไล่ล่าเอาชีวิตโดยไม่รู้สาเหตุ อยู่ๆ ก็มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยชีวิตและถูกพามาหลบภัยอยู่บนหอคอยงาช้าง
"เหอะ! นิยายน้ำเน่าชัดๆ" หญิงสาวเอ่ยคล้ายเยาะหยันก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่หลาลงบนเตียง ไม่นานนักก็ผล็อยหลับไป จึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ส่งเสียงกรีดร้องอยู่ในกระเป๋า
ลูก้า โรมาโน ตรวจสอบรายงานรายรับรายจ่ายประจำสัปดาห์เสร็จก็ปิดแล็ปท็อป จากนั้นก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายแล้วออกไปสูบบุหรี่ตรงระเบียงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์
ดวงตาสีน้ำทะเลมองลงไปเบื้องล่างที่มีผู้คนเดินคลาคล่ำเต็มท้องถนนราวกับมดตัวเล็กๆ เขาพ่นควันบุหรี่สีเทาออกมาก่อนจะทิ้งมันไปทั้งที่ดูดไม่ถึงครึ่งตัว ก่อนจะก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องทำงาน สวนทางกับเลขาฯ คนสนิทที่เพิ่งกลับเข้ามาพอดี
"ฉันจะขึ้นไปงีบสักหน่อย มีเรื่องด่วนค่อยโทร.ตามแล้วกัน"
"ครับ ผมเองก็ว่าจะมาเตือนพอดีว่าเจ้านายควรจะพักผ่อนสักหน่อย เพราะวันสองวันมานี้นอนไม่ค่อยเต็มอิ่มเท่าไหร่"
"ขอบใจนายมากเซฟ นายเองก็เหมือนกันหาเวลาพักผ่อนซะบ้าง"
"ผมน่ะไหวอยู่แล้ว เชิญเจ้านายเถอะครับ" โยเซฟรับคำแล้วหลีกทางให้เจ้านายก่อนจะเข้าไปในห้องทำงาน หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง
ร่างสูงตรงดิ่งไปยังเพนต์เฮาส์ พอเปิดประตูเข้าไปก็กวาดตามองหาคนที่อยู่ในห้องทันทีแต่พบเพียงความว่างเปล่า จึงสาวเท้าไปหยุดที่หน้าห้องนอนของหญิงสาวซึ่งประตูเปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย เขาจึงถือวิสาสะผลักเข้าไปเบาๆ
ลูก้าเดินเข้าไปหยุดข้างเตียง กวาดสายตามองร่างสมส่วนที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง นอกจากสีสันบนตัวเธอที่ล่อตาล่อใจเขาแล้ว แต่เพียงสบตาเธอครั้งแรกก็เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้ไม่อยากละสายตาไปจากเธอ ความรู้สึกแวบแรกเหมือนรู้จักและคุ้นเคยมานาน ทำให้นึกถึงใครคนนั้นเมื่อสิบสามปีก่อน
"ถ้าคุณเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นคงจะดี" เขาพึมพำพลางเขี่ยไรผมที่ปรกหน้าผากออกให้หญิงสาว ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกแรงโน้มถ่วงดึงให้ก้มหน้าลงไปใกล้
เมลินที่หลับไปนานรู้สึกตัวเมื่อถูกลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดหน้า พอลืมตาขึ้นก็เห็นดวงตาสีน้ำทะเลอยู่ใกล้ๆ
"กรี๊ด!" เธอร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับผลักใบหน้าของมาเฟียหนุ่มออก แล้วพลิกตัวหนีไปอยู่อีกฝั่งของเตียง
"คุณจะทำอะไรฉัน!" หญิงสาวถามอย่างหวาดหวั่น มือคว้าผ้าห่มมากอดไว้เป็นป้อมปราการกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาถึงตัวได้ ในใจก็คิดว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไปคงได้กลายเป็นเหยื่ออันโอชะของราชสีห์ตรงหน้าเป็นแน่
ลูก้าเห็นแววตาสั่นระริกเต็มไปด้วยความกลัวและหวาดระแวงก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ด้วยนึกไม่ถึงว่าเธอจะตื่นขึ้นมาเห็น
"คือผม..." ร่างสูงลุกขึ้นยืน เธอเห็นก็รีบลงจากเตียงเช่นกันแต่ยังกอดผ้าห่มไว้แน่น
"ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณเลย แค่เห็นแมลงเกาะอยู่บนแก้มคุณก็เลยจะเอาออกให้" มาเฟียหนุ่มแก้ตัวจนสีข้างถลอก
"คิดว่าฉันเป็นเด็กอมมือหรือไง!" เธอตวาดแล้วจะวิ่งออกไปจากห้อง แต่ก็ถูกเขายื่นมือมาคว้าแขนไว้ได้ทัน
"ปล่อยฉัน! อย่าเอามือสกปรกมาแตะต้องตัวฉัน!" เมลินดิ้นพยายามแกะมือที่แข็งปานคีมคีบเหล็กออกจากแขนแต่ไม่เป็นผล
"ฉันบอกให้ปล่อย!"
"ผมจะปล่อยหากคุณรับปากว่าจะไม่วิ่งหนีออกไปจากห้อง แต่ถึงแม้คุณพยายามจะหนียังไงก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก" เขาว่าพลางชูคีย์การ์ดที่ใช้เปิดประตูเพนต์เฮาส์ขึ้นมาให้เธอดู
"คุณต้องการอะไรกันแน่?" หญิงสาวเค้นเสียงถาม แววตาสั่นระริกด้วยความกลัว
ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องตอบสายตาของเธอ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ช่วยคุณ นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ผมต้องการ"
"ช่วยฉัน? แต่ที่เห็นมันไม่ใช่ เมื่อกี้ถ้าฉันไม่ตื่นซะก่อน ป่านนี้คุณก็คง..." เมลินพูดเพียงเท่านั้นน้ำตาก็ร่วงเผาะออกมา แต่เธอก็รีบใช้หลังมือปาดออก
"ถ้าผมจะทำอะไรคุณมันไม่ใช่เรื่องยากเลยเมลิน มันง่ายซะยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเสียอีกและคงไม่ต้องรอมาจนถึงตอนนี้หรอก" พูดจบเขาก็หมุนตัวกลับออกไปจากห้อง เธอจึงรีบวิ่งอ้อมเตียงไปล็อกประตูอย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น แล้วกลับมานั่งคิดหาวิธีจะออกไปจากกรงขังเคลือบทองคำให้ได้เร็วที่สุด
มาเฟียหนุ่มเข้ามาในห้องนอนตัวเองอย่างหัวเสีย แทนที่จะทำให้เธอไว้วางใจแต่เขากลับทำเสียแผนซะได้ นึกถึงดวงตาสวยมีแววตื่นกลัวก็ยิ่งโกรธตัวเองจนต้องบดกรามข่มอารมณ์ไว้
จากที่ตั้งใจว่าจะกลับมานอนเอาแรงเสียหน่อยก็กลายเป็นว่าข่มตาไม่ลง ลูก้าจึงลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่แล้วลงไปที่ห้องทำงาน
"อ้าว! นอนไม่หลับเหรอครับนาย" เลขาฯ คนสนิทเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มกลับลงมาที่ห้องทำงาน หลังจากบอกว่าจะไปนอนพักเอาแรงแต่พอดูนาฬิกายังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ
"นอนไม่หลับ" ผู้เป็นเจ้านายตอบเสียงห้วนพลางทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาว
"นอนไม่หลับ..." โยเซฟพึมพำกับตัวเอง ตั้งแต่ทำงานในตำแหน่งนี้มาเกือบสิบปี เขาไม่เคยเห็นผู้เป็นเจ้านายมีอาการเช่นนี้มาก่อน จนกระทั่งมีสาวน้อยปริศนาโผล่เข้ามา เพียงแค่ไม่กี่วันแต่กลับทำให้อะไรหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป แต่แล้วก็ถูกเสียงทุ้มๆ ขัดขึ้น
"คิดอะไรอยู่"
"เปล่าครับ! แต่อันที่จริงก็คิดนิดหน่อย เพราะว่าไม่เคยเห็นเจ้านายเป็นแบบนี้มาก่อน"
"เป็นแบบนี้? เป็นแบบไหน?" ร่างสูงที่นอนเหยียดตัวตามความยาวของโซฟาถึงกับผุดลุกขึ้นนั่งรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
"ก็...ที่ผ่านมาการนอนของเจ้านายก็เป็นปกติ แต่อยู่ๆ กลับบอกว่านอนไม่หลับ ทั้งที่วันสองวันที่ผ่านมาก็นอนไม่เต็มอิ่มสักเท่าไหร่ จากที่ไม่ค่อยยิ้มก็ยิ้มบ่อยขึ้น จากที่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนแต่กลับสนใจสาวน้อยคนนั้น โดยเฉพาะการที่ให้เธอขึ้นไปพักถึงบนเพนต์เฮาส์" เลขาฯ คนสนิทร่ายยาวจนลูก้าเองต้องหวนกลับมาทบทวนตัวเอง ว่าจริงดังคำบอกกล่าวนั้นหรือไม่
"ฉันเป็นแบบนั้นจริงเหรอ"
"จริงครับ ไอ้พวกข้างนอกยังคุยกันเลยครับว่าเจ้านายเปลี่ยนไป"
มาเฟียหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเบาๆ "บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันมีโอกาสจะได้เห็นความสวยงามของโลกใบนี้อีกครั้งละมั้ง"
แต่แล้วสีหน้าของเขาก็สลดลงเมื่อหลับตาลงทีไรก็เห็นแต่ใบหน้าและแววตาตื่นกลัวของคนที่อยู่บนเพนต์เฮาส์
"เซฟ...ฉันมีงานให้นายทำ"