บทที่ 7

1474 Words
เมื่อเห็นคาริสายังนิ่งเขาเลยทิ้งไพ่ใบสุดท้าย “ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนครีมแล้วนะครับ พรุ่งนี้ยังต้องออกเดินทางแต่เช้าอีก” นับแสนลุกขึ้นยืนทันทีที่พูดจบ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวสักก้าวก็มีมือเล็กๆ เอื้อมมาเหนี่ยวรั้งเอาไว้ซะก่อน “ไหนคุณแสนบอกอีกสองสามวันถึงจะกลับไม่ใช่หรือคะ” เธอผิดหรือที่กลัวจนไม่กล้าไขว่คว้าโอกาสที่เข้ามาในชีวิต และดูท่าแล้วโอกาสที่ว่าจะมาไวไปไวซะเหลือเกิน ! “ตอนแรกก็วางแผนไว้อย่างนั้นครับ แต่ดูท่าคงต้องเปลี่ยนแผน กลับไปรักษาแผลใจที่บ้าน” “นอกจากจะขี้น้อยใจแล้ว คุณแสนยังใจร้อนอีกนะคะ ครบสูตรจริงๆ” ด้วยความนึกหมั่นไส้ชายหนุ่มเล็กๆ คาริสาจึงจงใจกระตุกแขนเขาเบาๆ ให้นั่งลงตามเดิม “ครบสูตรอะไรครับ ?” “ครบสูตรผู้ชายเอาแต่ใจไงคะ” ยิ่งพูดเธอยิ่งหมั่นไส้จนเผลอย่นจมูกใส่ และคาริสาคงไม่รู้ว่าอาการเมื่อครู่ แถมยังอยู่กันสองต่อสองในที่ทางที่เป็นใจขนาดนี้ มันทำให้นับแสนอยากจะดึงเธอมาฟัดให้จมเขี้ยวนัก... คนมันอดอยากปากแห้งมานานก็อย่างนี้ ใช่ว่าหลังจากที่เลิกกับเนติกาไปเขาจะไม่ได้แตะเรื่องอย่างว่าอีกเลย เขามันก็ผู้ชายทั้งแท่ง มีเลือด มีเนื้อและมีความต้องการที่สูงกว่าปกติด้วยซ้ำ แต่เกือบจะสองปีให้หลังมานี้เขาก็เบื่อๆ ซะเฉยๆ ไม่ว่าใคร สวยหยาดฟ้ามาดินจากไหน แค่ครั้งสองครั้งเขาก็เอียน สู้อยู่คนเดียวไม่ได้ ไม่ต้องมีเสียงดังน่ารำคาญและเจอกับมารยาร้อยเล่มเกวียน... แต่ยายปีศาจคนนี้กลับทำได้ ทำให้ความรู้สึกกระหายของเขากลับคืนมา “ผมก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ไม่ได้ดีเลิศเลออย่างที่ใครหวัง” นี่ก็อีกอย่าง ที่เขาคิดว่าเธอเซ้นส์แรง ‘เอาแต่ใจ’ นั่นแหละนิยามของเขาเลย “ครีมก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องคบกับคนที่ดีเลิศเลอหรอกค่ะ คนเรามีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น ถ้าครีมจะคบใคร ครีมคงไม่เลือกมองแต่ด้านดี แต่ครีมจะต้องหาด้านเสียเอาไว้เยอะๆ เผื่อเอาไว้ตัดสินใจว่าในอนาคตเราจะยอมรับข้อเสียทุกๆ ข้อของเค้าได้มั้ย... ถ้าได้ ชีวิตคู่ก็ยืนยาว” ‘พูดซะดูดีมีหัวคิดเชียวนะ’ ไม่ว่าคาริสาจะทำอะไร นับแสนก็ยังคงมองว่านี่คือความร้ายกาจ มารยาสาไถยและเสแสร้งอยู่ร่ำไป “แล้วครีมรับข้อเสียของผมได้บ้างหรือยังครับ” คาริสายิ้มหวาน นับแสนผู้ปากหวานและรุกหนักคนเดิมกลับมาแล้ว “ถ้าครีมยังดึงดันไม่ยอมตัดสินใจ คุณแสนก็จะใจเสาะหนีกลับเหนือฟ้าใช่มั้ยคะ” “ผมพิสูจน์ให้ดูมั้ยล่ะครับว่าไอ้นับแสนคนนี้ยังห่างไกลจากคำว่าใจเสาะนัก !” พูดจากำกวมเสร็จ คนที่ไม่ได้ใจเสาะก็กระเถิบตัวเข้าไปใกล้ร่างบางอย่างกระชั้นชิด จนคาริสาต้องเขยิบหนีไปชิดพนักโซฟาไม้และหมดหนทางจะหนีไปไหนได้อีก สองแขนใหญ่คร่อมกักคนที่หดคอเหมือนตัวตุ่นเข้าไปทุกทีไว้ โน้มหน้าเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นแชมพูอ่อนๆ น่าคลุกวงในซะจริง “คะ... คุณแสนถอยออกไปนะคะ” “ถ้าผมไม่ถอยแล้วใครจะทำไม !” ไม่เพียงไม่ทำตาม แต่นับแสนยังก้มลงไปจนเกือบจะถึงริมฝีปากจิ้มลิ้มนั่นแล้ว “ถ้าไม่ถอย ครีม... ครีมไม่คบด้วยนะคะ” แน่นอนว่าเธอจะไม่ขู่เขาว่าจะร้องให้คนช่วย เพราะขืนเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ชาวบ้านแถบนี้รู้ ลุงกับป้าเธอต้องรู้แน่... และหลังจากนั้นคาริสาคนนี้คงหลังลายด้วยหวายแช่น้ำเกลือเป็นแน่ “นี่ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยครับ” เมื่อได้รับคำยืนยันเป็นการพยักหน้า เขาเลยก้มหน้าลงไปอีกนิด... สองมือน้อยๆ ยันอกแกร่งและแข็งอย่างกับหินผาเอาไว้ พร้อมเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง “คุณแสน... ” “ครับ” นับแสนเชยคางมนให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน “ขอชื่นใจหน่อยนะคนดี” “อื้อ... อุ๊บ !” ริมฝีปากร้อนที่นาบลงมากะทันหันทำให้คาริสาตกใจ แต่เพราะยังไร้ประสบการณ์เลยถูกชักจูงโดยง่าย แถมสัมผัสที่ได้รับยังหวานละมุน เอาอกเอาใจ... จูบที่เขาว่ากัน มันดีอย่างนี้นี่เอง คนที่ได้ความชื่นใจมาเพียงครึ่งปอดยอมผละห่างออกมานิดหน่อย แล้วเอื้อนเอ่ยชิดริมฝีปากบางที่เขาบดขยี้จนฉ่ำวาวไปเมื่อครู่ “เผยอปากหน่อยสิ” เขาออกคำสั่ง แต่สุ้มเสียงที่เปล่งออกไป ครางเหมือนคนละเมอ “คุณแสน...” แต่คนที่ตอบรับดูจะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยิ่งกว่า อย่าว่าแต่เขาสั่งอะไรเลย แม้ควรจะห้ามตามวิถีกุลสตรีที่ถูกสั่งสอนมา คาริสายังพูดไม่ออกสักคำ “ให้อ้าปาก ไม่ได้ให้พูด !” เมื่อแม่คนหูไม่ดียังเงอะงะ นับแสนเลยเป็นคนจัดการขบริมฝีปากล่างหอมลิปกลอสรสผลไม้แรงๆ เท่านั้นปากน้อยๆ ที่เคยช่างจ้อก็เปิดทางให้เขารุกล้ำเข้าไปอย่างง่ายดาย “อื้อ...” ใกล้แล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้นคาริสาคนนี้จะเป็นลมแล้ว เขาช่างเก่งกาจและเจ้าเล่ห์อะไรอย่างนี้ เธอเองก็บ้าเสียนี่กระไร นั่งนิ่งให้เขาจูบเอาจูบเอา แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อจู่ๆ เธอก็ไม่มีแรง กระดูกกระเดี้ยวทุกส่วนในร่างกายเหมือนอันตรธานวับหายกลายเป็นผุยผง มือสากระคายจากการกรำงานหนักค่อยๆ ทำหน้าที่ของมันด้วยการไต่วน ลูบไล้ และสอดเข้าไปภายในเสื้อนอนเนื้อนุ่มสัมผัสแผ่นหลังบอบบาง นวลเนียนละเอียดมือจนนับแสนอดตื่นเต้นกับสัมผัสแปลกใหม่นี้ไม่ได้ ใจที่กำลังลิงโลดกับสัมผัสสวาทนี้อยากเคลื่อนมาข้างหน้าเหลือเกิน แม้กะขนาดจากสายตาจะไม่ได้ดึงดูดสักเท่าไร ตัวเล็กๆ บางๆ แบบนี้อย่างมากก็คงไม่เกินคัพบี แต่ก็ไม่รู้ทำไมมือไม้เขาถึงกับสั่นไปหมด จนแทบจะระงับความสั่นเอาไว้ไม่ไหว และพอเลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ นับแสนก็แตะเข้ากับตะขอบางอย่าง ใจเขาอยากจะปลดปล่อยมันใจแทบขาด แต่ยังก่อน ! เขาต้องจำใจถอนจูบ และถอนมือออก พอกลับมาเป็นอิสระและตัวของตัวเองอีกครั้ง สติที่กระเจิดกระเจิงก่อนหน้าก็กลับมาครบถ้วน ร่างบอบบางชันเข่าขึ้นกระชับตัวและยังไม่หายจากอาการสั่นไหว หน้าแดงก่ำ ปากที่บวมเจ่อยังสั่นระริก... แล้วน้ำตาเม็ดโตก็เกลือกกลิ้งลงมาอย่างรวดเร็ว “ครีม...” นับแสนต้องยอมรับว่าตกใจในวินาทีแรกที่เห็นปฏิกิริยาคนที่เคลิบเคลิ้มไปกับเขาเมื่อครู่เปลี่ยนไป... แต่จะเป็นไปได้ยังไง ถ้าเมื่อครู่เขาเดินหน้าต่อ คาริสาก็คงจะนอนแบให้เขาไปแล้ว ท่าทางจะมารยาอีกเช่นเคย อ้อมกอดแข็งแรงโอบคนตัวสั่นไว้นิ่งๆ ปล่อยให้น้ำตาที่ยังไหลลงมาไม่หยุดไหลซึมอยู่ที่เสื้อเชิ้ตสีเทาของตัวเอง โดยที่ต่างคนต่างเงียบไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย... “คุณแสนปล่อยครีมก่อนนะคะ” เมื่อรู้ตัวว่าเผลอขี้แยอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายตัวใหญ่อยู่นาน คาริสาก็ชักรู้สึกกระดากอาย... อายที่ยอมให้เขาจูบเอง แถมไม่ได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย แต่กลับร้องไห้เป็นเผาเต่าอย่างกับถูกเขาปล้ำไปแล้ว “ผมขอโทษ ผมผิดเองที่ไม่รู้จักหักห้ามใจเอาไว้บ้าง ผม...” นับแสนหยุดเพียงเท่านั้นเพราะไม่สามารถพูดต่อได้ เมื่อมีนิ้วเรียวเล็กแต่อุ่นและนุ่มจนน่าจับมาดูดเลีย เลื่อนมาปิดปากเขาไว้ “ไม่ต้องค่ะ ครีมไม่ได้โกรธคุณแสน” นับแสนเลยไล้ปลายนิ้วไปป้ายปาดคราบน้ำตาบนใบหน้าใสกระจ่างนั้นบ้าง เพื่อไม่ให้น้อยหน้ากัน “แต่ครีมร้องไห้ขนาดนั้น ไม่ได้เสียใจที่ผม เอ่อ... จูบเหรอครับ” ที่เขาว่าผู้หญิงเข้าใจยากคงจะจริง ก็เห็นอยู่ว่าเจ้าหล่อนตัวสั่นงันงกเหมือนกลัวเขาเสียเต็มประดา แต่กลับมาบอกว่าไม่ได้โกรธเขา ... หรือว่าไม่พอใจที่เขาหยุด !
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD