บทที่ 4 ปากดีนัก!

2163 Words
บทที่ 4 ปากดีนัก!  “ ปากดีแบบนี้ ตรงนั้นจะยังดีอยู่หรือเน่าเฟะไปแล้วนะ ชักอยากจะลิ้มลองให้พูดไม่ออกซะแล้วสิ! ” สายตาเขากลับมองแทะโลม มองตรงไปช่วงล่างของฉัน “ ปล่อย! ” รู้สึกว่าคำพูดคำจาของเขามันจะเกินไป “ ถ้าอยากให้ผมปล่อย คุณก็ไปนั่งซะ! ” ดูท่าว่าจะรอดยาก จำใจเดินกลับไปนั่งที่เดิม @บ้านฐิติวัฒน์ ถึงบ้านหนึ่งทุ่ม คิดดูออกจากร้านชุดบ่ายโมง แต่เขาพาไปหาซื้อแหวน ต่อด้วยแวะไปทานอาหารที่ภัตตาคาร เข้าบริษัทเขา เพื่อไปเซ็นเอกสารอะไรไม่รู้ จนถึงเย็นก็พาฉันไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ แล้วตัวเขาเองกลับเอารองเท้าและกระเป๋าที่ซื้อมา ไปแจกแม่ยก ที่ออกกำลังกายกันอยู่ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเป็นขวัญใจผู้สูงอายุ และสุดท้ายก็มาส่งฉัน หัวถึงหมอนก็หลับทันที ไม่ไหว เหนื่อยเป็นบ้า เหนื่อยที่ต้องนั่งรถ และต้องนั่งรอ หนึ่งอาทิตย์ต่อมา… และแล้วก็ถึงวันแต่งงานของฉัน มันไม่มีอะไรหวือหวามากมายเลย จัดแบบธรรมดา พิธีเช้าก็เหมือนทั่วๆ ไป คิดว่ายังใส่ชุดไม่คุ้มราคาเลย ตั้งห้าหมื่นแหนะ ที่มันแปลกคือคนที่มาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวกลับไม่ใช่พ่อแม่ แต่เป็นคนที่ถือหุ้นร่วมกัน เขาจงใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกสินะ เขาคงคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้เหมือนเล่นขายของละมั้ง ตกบ่าย... ฉันกับเขาเปลี่ยนชุด เป็นชุดสบาย และได้ให้คนใช้ไปส่งชุดคืนแล้ว ดีนะที่เมื่อวานยืมเงินยัยวันมาก่อน มันเลยไม่โดนเขาดูถูกในเรื่องค่าชุด “ คุณลีอาคะ คุณท่านเรียกให้เข้าพบค่ะ ” ฉันที่กำลังจัดกระเป๋าเตรียมไปอยู่กับสามีที่แต่งงานกันหมาดๆ ชะงักมือทันที มีอะไรอีกนะ “ แล้วเรียกคุณเจไดด้วยไหม ” ฉันถามพี่แจ๋วกลับ “ คุณเจไดกลับบ้านไปแล้วค่ะ แต่ยังมีคนขับรถที่รอคุณลีอาอยู่นะคะ ” เอิ่ม… มีอย่างที่ไหนนะ เพิ่งแต่งงานกันแท้ๆ ไปไม่รอกันเลย และเขาคนนั้นก็ไม่เชื่อเรื่องคำโบราณที่สานต่อกันมา ว่าให้ อยู่บ้านให้ครบสามวันก่อนหลังแต่งแล้วจากนั้นจะไปต่อที่ไหนก็ได้ “ ค่ะ เดี๋ยวฉันตามไปนะพี่ ” ว่าแต่แม่ไปไหนนะ หรืออยู่ที่เรือนใหญ่ ‘ ก๊อกๆ ก๊อกๆ ’ มือเรียวเคาะประตูห้อง “ เข้ามาได้ ” เสียงในห้องเอ่ยอนุญาต ร่างบางไม่รอข้าเปิดเข้าไป ในห้องมีกันอยู่สามคน แม่ฉัน คุณพ่อ คุณศรีจันทร์ “ นั่งสิลูก ” ฉันนั่งลงใกล้แม่ตัวเอง ซึ่งนั่งตรงข้ามกับคุณพ่อและคุณศรีจันทร์ “ ต่อไปนี้ ลูกไปอยู่ที่โน่น ทำตัวดีๆ นะ ” แม่พูดขึ้น “ ค่ะ ” “ ไม่ต้องพูดเยอะหรอก ฉันรู้ว่าลูกสาวฉันคนนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ” ดูคุณพ่อจะตั้งความหวังไว้สูงนะ “ … ” ไม่ได้พูดแต่ส่งยิ้มบางๆ ไปให้ “ อีกสักพักทนายของพ่อจะมา รอก่อนนะ ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัยแต่ไม่ได้ถาม จนทนายมาก็รู้ว่าเรื่องพินัยกรรมตามที่ท่านได้พูดไว้ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่เป็นของคุณพ่อ จะแบ่งครึ่งคนละครึ่ง ให้แม่ฉันและคุณศรีจันทร์ แต่ในสถานะที่คุณศรีจันทร์คือเมียหลวงและมีลูกชายอีกคนอายุ19ปีด้วย จึงได้บ้านหลังนี้ พร้อมที่ดินตรงนี้ไปด้วย หากคุณพ่อเสียชีวิต แม่ฉันต้องย้ายออกในทันที เลโอน้องชายคนเล็กที่เกิดจากเมียหลวงกำลังเรียนอยู่เมืองนอกเมืองนา ฉันไม่ค่อยสนิทกับน้องคนเล็กหรอก และเด็กนั้นก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจากเสร็จเรื่องนั้น ทนายก็ขอตัวกลับ และคุณพ่อก็เซ็นอะไรไม่รู้ ก่อนเอามายื่นให้ฉันกับแม่คนละใบ “ นี่คือเช็คเงินสด ฉันให้เธอสี่ล้านนะมยุรีย์ ส่วนลูกสาวพ่อให้ไปหกล้าน ไว้ตั้งตัวนะลูก ” นี่คงเป็นเงินค่าสินสอดสินะ ค่าตัวฉันแพงหูฉี่เลย ไม่คิดว่าตัวเองจะมีค่ามหาศาลขนาดนี้ตั้งยี่สิบล้านแหนะ แต่ก็เป็นไปตามที่เคยพูดกันไว้ เงินที่เหลืออีกสิบล้านก็คงเอาไปจุนเจือกิจการของบ้านแหละ ได้แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้ว เกิดมากเพิ่งเคยได้จับเงินล้านก็ครั้งนี้แหละ ตอนแรกก็คิดว่าไปตัวเปล่า แต่พอมีเงินมันก็ใจชื่นมานิด ต่อไปฉันคงไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังแล้ว แม่มีเงินเก็บและหุ้นส่วนครึ่งหนึ่งของกิจการของบ้านด้วย ดีนะที่คุณพ่อเป็นคนรักษาสัจจะ นี่ถ้าเกิดคุณพ่อเสียกระทันหัน ถ้ายังไม่มีพินัยกรรมเชื่อเถอะ ร้อยทั้งร้อยคุณศรีจันทร์ไม่มีทางให้เราสองคนแม่ลูกแน่ๆ เอาไว้ว่างๆ ฉันคงต้องพาแม่ไปหาที่ดินสักแปลงสร้างบ้านเป็นของตัวเองแล้วแหละ เผื่อไว้ในอนาคต “ ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ ” ฉันพนมมือไหว้ “ นี่…แกเรียกว่าอะไรนะ ฉันเคยบอกไปแล้วว่าไง ให้เรียกคุณท่านไม่ใช่เหรอ? ” “ คุณหญิง ผมให้ลีอาเรียกเองแหละ ยังไงเธอก็เป็นลูกสาวผมคนหนึ่งนะ ” “ คุณพี่ ก็เราสัญญากันแล้วไงคะ ฮึก ” คุณศรีจันทร์กำมือแน่น ชายตามองเราสองคนแม่ลูกด้วยสายตาโกรธ “ พอเถอะ เรื่องสัญญาอะไรนั้นก็ลืมไปเถอะ! ว่าแต่ลูกจะไปอยู่บ้านคุณเจไดเมื่อไหร่เหรอ? ” ประโยคหลังหันมาถามฉัน “ วันนี้ค่ะ ” “ อ้าว คิดว่าจะอยู่ต่ออีกสามวันแล้วค่อยไป ” แม่ฉันพูดขึ้น “ คุณเจไดน่าจะมีงานแหละ คงไม่สะดวก ” คุณพ่อดูจะเกรงใจเขานะ “ อ๋อ…ค่ะ ” แม่พยักหน้าเข้าใจ จับมือฉันไปลูบเบาๆ สงสารแม่นะ คงจะไม่อยากให้ฉันไปสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เล็กจนโตฉันก็ไม่เคยไปอยู่ไหนโดยที่ไม่มีแม่เลยนะ ปกติตัวติดกันตลอดด้วย “ เอาน่า ยังไงลูกต้องไปอยู่กับสามี แล้วมันก็ไม่ไกลจากบ้านเรา ถ้าว่างก็ไปหาลูกสิ ” คุณพ่อหันมาพูดกับแม่ฉัน “ ค่ะ ” “ แล้วอีกอย่าง ผมจะให้แจ๋วไปอยู่เรือนเล็กเป็นเพื่อนคุณด้วยนะ ” “ ค่ะ ” แม่ตอบรับ “ คุณพี่!! ไม่นะคะ อยากได้คนใช้ก็ต้องไปหาเอาเอง ไม่ใช่มาเอาคนของเรือนใหญ่ไป ” “ คุณหญิงพอเถอะ! ผมเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง กว่าจะหาคนที่คุ้นเคยกันก็ต้องใช้เวลานานนะ อีกอย่างแจ๋วเข้าออกเรือนเล็กอย่างคุ้นชินแล้ว ให้แจ๋วไปเถอะ ” “ ถามยัยแจ๋วแล้วเหรอ? บางทีรายนั้นอาจจะไม่อยากไปก็ได้ อยู่เรือนใหญ่มันสบายกว่าตั้งเยอะ ” คุณศรีจันทร์พูดพร้อมยักไหล่แบบเหนือกว่า “ ผมถามแล้ว แจ๋วก็ตอบตกลงแล้วด้วย แต่หน้าที่ให้เงินเดือนแจ๋ว มยุรีย์เธอจัดการด้วยนะ ” ประโยคหลังคุณพ่อหันมาพูดกับแม่ “ ค่ะ ” “ งั้นก็แยกย้ายกันไปได้แล้ว ” “ ค่ะ งั้นหนูไปก่อนนะคะ คุณพ่อ คุณหญิง ไว้ถ้าว่างหนูจะกลับมาเยี่ยมนะคะ ” “ ไปแล้วก็ไปลับเถอะ! ” “ คุณหญิง!...ทำไมพูดจาไม่เป็นมงคลเลย ” คุณพ่อปรามภรรยาหลวงทันที “ คุณพี่เข้าข้างพวกมันอีกแล้วนะ คุณพี่ไม่รู้เหรอว่าฉันเสียใจแค่ไหนที่ต้องสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักไป แล้วนี่คุณพี่ยังจะไปอยู่ข้างพวกมันอีก สองคนนี้เป็นคนฆ่าลูกสาวเรานะคะ ” คุณศรีจันทร์พูดอย่างโมโห แต่น้ำเสียงปะปนมาด้วยความสั่นเล็กน้อยเมื่อพูดถึงบุตรสาวที่จากไป “ ถ้าพวกเขาฆ่าคงไม่ได้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้หรอก หลักฐานก็มีแล้วนิ ยังสาวไม่ถึงตัวลีอากับมยุรีย์เลย ผมว่าคุณควรปลงได้แล้ว เอาเวลาไปใส่ใจคนที่มีชีวิตอยู่เถอะ ” คุณพ่อพูดด้วยน้ำเสียงขรึม “ งั้นฉันกับลูกขอตัวนะคะ ” ในที่สุดแม่ก็พูดขึ้น “ อืม... ไปเถอะ ” คุณพ่อพยักหน้า เราสองคนแม่ลูกเดินออกมาจากห้องนั้น แล้วถอนหายใจดังพรืด อย่างโล่งอก พากันไปที่หน้าเรือนใหญ่ ที่ตอนนี้มีรถของคุณเจไดจอดรออยู่ “ มาหาแม่บ้างนะลูก โทรหาแม่ทุกวันได้ไหม แม่คงคิดถึงลูก ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เอามือฉันทั้งสองข้างไปกุมไว้ น้ำตาเริ่มคลอเบ้า “ หนูก็คงคิดถึงแม่ หนูรักแม่นะคะ แม่ต้องดูแลตัวเองดีๆนะคะ หนูจะมาหาแม่ทุกอาทิตย์เลย ดีไหมคะ? ” ฉันโผเข้ากอดคนเป็นแม่ กอดอย่างโหยหาความอบอุ่น ใจหายเหมือนกัน “ จ่ะ แม่ก็รักลูกนะ ไปอยู่ที่โน่นก็ทำตัวดีๆนะ อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของเราก็อย่าไปยุ่ง ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งทะเลาะกับสามี แม่อยากให้ลูกใจเย็นๆ อย่าวู่วาม แต่ปลีกตัวออกไปสงบอารมณ์แล้วค่อยไปพูดกันนะ ลูกก็อย่าไปยั่วโมโหคุณเจไดด้วยล่ะ ” “ ทราบแล้วนะแม่ หนูไปก่อนนะคะ ” “ จ่ะ โชคดีนะลูก ถึงแล้วอย่าลืมโทรหาแม่นะ ” “ ค่ะ บ๊ายย ” 14 : 00 น. ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าโรงแรมห้าดาว กำลังจะไปหาเพื่อน เพื่อค*****นแล้วจะแวะไปธนาคารด้วย ฉันแยกกับกับคนขับรถตั้งแต่รถเคลื่อนที่ออกจากบ้าน บอกไปว่ามีธุระด่วนจริงๆ เป็นเรื่องของผู้หญิงด้วย ตอนแรกพี่ทิตคนขับรถคุณเจไดไม่ยอมหรอกนะ แต่ฉันพยายามทำเสียงให้น่าสงสารสุดๆ ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด จริงๆ มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริง เรื่องจริงคือมาหาเพื่อนเอาเงินมาคืน เรื่องไม่จริงก็คือมาคุยกันเรื่องผู้หญิงๆ หรือทำนองว่ามาปรึกษาเรื่องการเข้าหออะไรนี้ พี่ทิตเลยจอดรถให้ลง แต่ความจริงอยากท่วงเวลาเขาด้วย รอให้ค่ำแล้วค่อยกลับไปก็ไม่สาย ก็อยากทิ้งไม่รอกันเองหนิ 19 : 00 น. “ ขอบใจแกมากนะ วันนี้ที่เลี้ยงข้าว เลี้ยงหนังรอบค่ำอะ ” วันคือเพื่อนสาวคนสนิทในตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอพูดขึ้นยิ้มๆ “ ถือว่าเป็นดอกเบี้ยไง งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว ” “ ได้ๆ กลับดีๆ นะ ถึงบ้านอย่าลืมโทรมาบอกด้วย ” วันพูดแล้วเดินแยกไป ส่วนฉันก็ไปกวักมือเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งบ้านสามี 19:30 น. “ อะไรนะ มึงบอกว่าอะไรไอ้ทิต ยัยนั่นแยกกับมึงตั้งแต่บ่ายสองแล้ว นี่จวนจะสองทุ่มแล้วนะ ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลย กูบอกไปแล้วหนิว่า ห้ามจอดระหว่างทาง ให้พามาจนถึงบ้านไง! ” “ เอ่อ…คุณลีอาบอกว่าจะไปปรึกษาเพื่อนเรื่องการเอาใจผัวครับ คือเธอบอกว่ากลัวจะทำให้นายเสียอารมณ์ในคืนเข้าหอ ก็เลยอยากไปถามประสบการณ์จากเพื่อนเอาครับ ” “ แล้วมึงก็เชื่อ! ” หลังจากแต่งงานในตอนพิธีเช้าจบ เขาก็แยกกลับมาไปเข้าบริษัท เพราะมีประชุมด่วนเรื่องสินค้า และแก้ปัญหาจนถึงทุ่มครึ่ง กลับถึงบ้านก็ไม่เจอว่าที่ภรรยา ทำเอาหงุดหงิดไปเลย ยัยนั่นคงไม่ชิ่งหนีหรอกใช่ไหม? “ ติ๊งหน่องๆ ติ๊งหน่องๆ ” เสียงออดดังหน้าบ้านทำให้เขาละสายตาจากไอ้ทิตหันไปทางประตูบ้านทันที “ เอ่อ…คุณเจไดกลับมาเมื่อไหร่คะ ” ป้าจวบคนเก่าคนแก่เป็นคนใช้ของบ้านหลังนี้มานาน วิ่งออกมาจากห้องครัว “ เพิ่งมาถึง ป้าไปเปิดประตูเถอะ ” ในใจภาวนาขอให้เป็นยัยนั่น บ้านหลังนี้ เขาแยกออกมาทำอีกหลังใกล้บ้านของพ่อแม่ เพราะอยากมีความส่วนตัว บ้านนี้เลยมีคนใช้แค่สองคน ก็คือ ไอ้ทิตซึ่งเป็นลูกชายของป้าจวบที่เป็นคนทำอาหารและทำงานบ้านทุกอย่าง บ้านเขามีห้องนอนสองห้องชั้นบน ห้องทำงานหนึ่ง ห้องครัวหนึ่ง ห้องรับแขกหนึ่ง ห้องน้ำสาม ชั้นล่างหนึ่งห้อง ชั้นบนที่อยู่ในห้องนอนสองห้อง ส่วนป้าจวบกับไอ้ทิตพักห้องชั้นล่าง ❤️__________❤️ นามปากกาธัญญวรินทร์ หนึ่งคอมเมนต์เท่ากับหนึ่งกำลังใจช่วยกดหัวใจหน่อยนะคะ หรือกดติดตามได้น่าา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD