‘เหงา’
คำคำนี้คงเป็นคำที่รีวิวชีวิตผู้ชายวัยสามสิบแปดแบบผมได้ดีที่สุด
ผมชื่อ ภัทรพล หรือชื่อเล่นคือ พล ปีนี้อายุสามสิบแปด อีกไม่กี่ปีก็จะขึ้นเลขสี่ แต่ชีวิตยังไร้ซึ่งคู่ครองจนแอบคิดเหมือนกันว่าน่าจะได้อยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต
มือหนาของผมเขี่ยหน้าจอสมาร์ตโฟนของตนเอง ภาพที่ปรากฏต่อหน้าจอคือภาพของเพื่อนรักอย่างพนาที่ถ่ายคู่กับคนรักรุ่นลูก ในภาพทั้งคู่ดูมีความสุข รักกันหวานซึ้งจนคนโสดแบบผมแอบอิจฉาในใจ
ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ประมาณปีหนึ่ง การอยู่เป็นโสดมันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเท่าไร เพราะยังมีเพื่อนที่ก็ดูแล้วน่าจะได้โสดไปจนแก่ด้วยกันแบบไอ้พนาอยู่ด้วย แต่อยู่ดีๆ ไอ้คนที่เหมือนจะโสดไปด้วยกันก็ดันมาชิ่งมีแฟนไปซะก่อน เล่นเอาความเหงาซัดเข้ามาที่ผมแบบไม่ทันตั้งตัวเลยแหละ
แล้วพนากับบิ๊กแฟนมันก็สวีตกันชนิดที่ว่าผมอยากจะกลับไปมีแฟนอีกครั้งเลย
ชีวิตผมเคยมีความรักแบบที่จริงจังทั้งหมดสองครั้ง ครั้งแรกเป็นผู้หญิงเราต้องเลิกกันไปเพราะเป็นความรักตอนมหา’ ลัย ตอนนั้นผมเรียนอยู่ที่เมืองนอก พอจบต้องกลับมาที่ประเทศไทย ก็ทำให้ระหว่างผมกับแฟนเก่าเกิดระยะห่างขึ้น สุดท้ายเราก็ไปกันไม่ได้ แล้วเลิกกันไปในที่สุด
ส่วนคนที่สอง ซึ่งถือเป็นความรักครั้งล่าสุดของผม เขาเป็นผู้ชาย เราแยกย้ายกันไปเพราะรสนิยมของเราทั้งสองคนไม่ตรงกัน เราเคยมีเซ็กซ์กันแค่ภายนอกเพราะทั้งผมและเขาชอบเป็นฝ่ายรุกทั้งคู่
สำหรับผมมันไม่ใช่ปัญหา เพราะผมรักเขา แล้วคิดว่าการทำกันแค่ภายนอกมันก็เพียงพอ แต่เขาต้องการมากกว่านั้น เราเคยพยายามกันอยู่หลายครั้ง ผมยอมถึงขั้นลองที่จะเป็นฝ่ายรับให้ แต่ก็พบว่าไม่ได้ชอบแบบนั้นและเจ็บเกินกว่าจะทำต่อได้
จากนั้นคนรักเก่าของผมก็แก้ปัญหาด้วยการหาคนที่สามมาเป็นตัวเชื่อมระหว่างเราสองคน แต่สำหรับผม อยากทำแค่กับคนที่รัก สุดท้ายเราก็ต้องแยกย้ายกันไป ส่วนผมก็พักใจมาเกือบห้าปีแล้ว
ส่วนตัวผมไม่ได้เป็นคนปิดโอกาสเรื่องความรัก แต่การจะหาใครสักคนที่รู้สึกชอบมันก็ยากเหลือเกิน บวกกับตัวผมเองก็ไม่ใช่คนมีสังคมเยอะ หรือไปเจอใครบ่อย แม้แต่ไอ้อินสตาแกรมที่กำลังไถเล่นฆ่าเวลาอยู่นี่ก็ยังไม่มีรูปตัวเองเลยด้วยซ้ำ ส่วนแอ็กเคานต์ที่มีรูปตัวเองก็เอาไว้สำหรับทำงาน ซึ่งมันก็ดูเป็นทางการซะเหลือเกิน
“คุณพลครับ” ระหว่างที่ผมกำลังนั่งเหม่อๆ นนท์ รุ่นน้องในบริษัทก็เดินมาเรียกผมที่โต๊ะทำงาน
“มีอะไรเหรอ แล้วนี่เลิกงานแล้วทำไมยังไม่กลับอีก”
“นนท์กำลังจะกลับครับ พอดีนนท์กะจะว่าจะไปร้านบิ๊กต่อ แล้วบิ๊กบอกให้ชวนคุณพลด้วย” นนท์ชูโทรศัพท์ที่มีแชตไลน์ระหว่างตัวเองกับบิ๊ก แฟนของไอ้พนาเพื่อนสนิทผม และยังเคยเป็นเด็กฝึกงานที่บริษัทนี้ให้ดูอีกด้วย
“เอาสิ คุณจะนั่งรถไปด้วยกันรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวนนท์ไปรถนนท์” นนท์สรุปแล้วเดินกลับไปเก็บของที่โต๊ะ ส่วนผมก็เก็บของของตนเองบ้าง
ผมใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการเดินทางมาที่บริษัทของไอ้พนา ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านบิ๊ก จริงๆ เราก็ไม่ได้อยู่ห่างกันมาก แต่เวลานี้รถค่อนข้างติด พอมาถึงร้านก็พบว่าไอ้เพื่อนรักของผมมันนั่งอยู่ก่อนแล้ว ปกติเคยคิดจะออกจากห้องทำงานที่ไหน แต่ตั้งแต่ทำร้านให้เมียที่หน้าบริษัทตัวเองนี่ห้องก็คงไม่จำเป็นแล้วมั้ง
นี่แหละนะคนมีความรัก
“ไง”
“มาทำไม” นี่คือคำทักทายจากเพื่อนรักของผม
“มาหาอะไรกิน”
“ทำไมไม่ไปกินที่อื่น ต้องมาถึงนี่เพื่อมากินฝีมือเมียกู”
“ฮ่าๆๆๆๆ” ผมได้ยินคำพูดของไอ้คุณพ่อลูกหนึ่งแล้วก็หลุดขำออกมา ไอ้นี่มันน่าจะหวงเมียเอาการ แล้วผมก็ดันชอบกวนประสาทมันด้วยสิ ผมน่ะไม่ได้คิดอะไรกับบิ๊กไปกว่าเอ็นดูในฐานะรุ่นน้องคนหนึ่งหรอก แต่พอเห็นไอ้พนามันขู่ฟ่อๆ แบบนี้แล้วก็ตลกจนอยากแกล้งต่อ
“ขำอะไร เดี๋ยวเถอะนะมึง”
“หวงจังนะ นี่เพื่อนไง”
“มึงก็กวนจังนะ ไปหาเมียเป็นตัวเป็นตนได้แล้วไป จะได้เลิกมากวนตีนคนอื่น”
“หาง่ายมากมั้ง” ผมนั่งลงข้างมันแล้วทิ้งตัวเองเอนไปกับเก้าอี้แบบหมดมาดลูกชายเจ้าของบริษัทระดับท็อป ตอนนี้ผมอยากเป็นแค่ไอ้พลคนเหงาแค่นั้น ไม่อยากจะต้องสวมมาดอะไรทั้งสิ้นแล้ว
“ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นปะ”
“แล้วมึงหามากี่ปีกว่าจะเจอบิ๊ก” ผมยิงคำถามกลับ พอผมพูดไปแบบนั้นพนามันก็พูดต่อไม่ถูก ไอ้ครั้นจะหาแค่ใครสักคนมาแก้เหงามันก็ไม่ได้ยากจริงๆ นั่นแหละ แต่อายุแบบผมถ้าจะมีใครสักคนมันก็ควรจะจริงจังได้แล้ว ซึ่งใครสักคนที่เราจะจริงจังด้วยนี่สิ หาโคตรยาก
“ไปต่อไม่ถูกเลยกู”
“ฮ่าๆๆๆ เอาจริงกูไม่คิดเรื่องคนรักแล้วแหละ สงสัยชาตินี้จะได้อยู่เป็นโสด” ผมบอกออกไปแบบชิลๆ ถึงจะยอมรับว่าเหงาและรู้สึกอยากมีคนรักจริงๆ แค่ไหน แต่ผมก็แอบปลงในใจแล้วแหละ บางทีผมอาจจะเกิดมาเพื่อโสดแล้วตายไปแบบเหงาๆ ก็ได้นะ
“ดึงดราม่าเฉย มาๆ กินเค้กแก้เซ็งดีกว่า” เค้กที่พนามันน่าจะสั่งไว้ถูกยกมาเสิร์ฟ ผมนั่งมองไอ้เพื่อนที่ปกติไม่กินของหวาน แต่กำลังตักเค้กกินเพราะเป็นฝีมือเมียแล้วก็ได้แต่นึกแซวในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป โลกของคนมีความรักนี่มันสดใสดีเหลือเกิน
ผมขลุกอยู่ที่ร้านบิ๊กจนกระทั่งปิดร้าน โดยมีพนาอยู่เป็นเพื่อน พอตกเย็นวาโยลูกของพนาก็เข้ามาช่วยงานบิ๊กด้วย ส่วนนนท์ที่เป็นคนชวนผมมาก็เอาแต่ตัวติดอยู่กับบิ๊ก สองคนนั้นน่าจะสนิทกันมากเพราะนนท์เคยเป็นพี่เลี้ยงให้บิ๊กตอนฝึกงาน
จากมุมมองของผม บิ๊กกับนนท์ดูจะเป็นคนละขั้วกันเลย บิ๊กเป็นเด็กที่ตอนอยู่ที่ทำงานไม่ได้พูดมาก แต่ดูรู้ว่าแสบใช่เล่น ในขณะที่นนท์ดูเป็นคนเรียบร้อย พูดเพราะ ขยันทำงาน ผมไม่คิดว่าคนที่ดูเรียบร้อยมากๆ แบบนนท์จะเข้ากับบิ๊กได้ดีขนาดนี้
ดื้อตึง
เสียงแจ้งเตือนจากอินสตาแกรมดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังจะสตาร์ตรถ มือหนาคว้าโทรศัพท์มาดู พบว่ามีข้อความเข้าจากบิ๊ก
บิ๊ก : พี่พลเหงาเหรอออออออ
บิ๊ก : ลองเล่นแอปฯ Close Friend ดูดิ
บิ๊ก : แก้เหงา
ผมอ่านข้อความของบิ๊กแล้วก็ได้แต่รู้สึกเอ็นดูในใจ เห็นไหมว่าแฟนของเพื่อนผมมันแสบใช่เล่น นี่พนามันคงจะไปบอกบิ๊กว่าผมเหงานั่นแหละ เจ้าตัวถึงได้มาแนะนำอะไรแบบนี้ให้ผม
พล : จะฟ้องพนานะว่าเรารู้แอปฯ อะไรแบบนี้
บิ๊ก : อุ่ย
ผมกลับมาถึงคอนโดฯ แล้วก็จัดการทำกิจวัตรของตนเองให้เสร็จ ชีวิตผมนอกจากไม่มีคนรักให้สดชื่นหัวใจแล้ว ผมยังสร้างความเหงาให้ตัวเองมากขึ้นด้วยการออกมาอยู่คอนโดฯ คนเดียว เพราะเหนื่อยที่จะต้องมีปากมีเสียงกับคนที่บ้าน
ความสัมพันธ์ของผมกับครอบครัวไม่ได้ดีเท่าไร พ่อสนใจแต่บริษัท ส่วนแม่ก็สนใจแต่ออกงานสังคม ส่วนผม ก็เป็นลูกชายที่ไม่ค่อยจะได้รับความอบอุ่น สิ่งที่ท่านมีให้ผมก็มีแค่ความคาดหวัง ว่าผมจะเป็นแบบนั้น ต้องทำแบบนี้
เป็นชีวิตที่เหมือนจะน่าอิจฉา แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลยสักนิด
ผมนั่งดูซีรีส์ในเน็ตฟลิกซ์จนถึงดึกแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ก่อนจะเดินกลับขึ้นเตียง ระหว่างนั้นสมองก็ดันนึกถึงไอ้แอปฯ ชื่อไม่คุ้นที่บิ๊กบอกมา ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือแอปฯ อะไร แล้วมันจะแก้เหงาให้ผมได้ยังไง และด้วยความอยากรู้ ผมเลยกดโหลดมันตามคำแนะนำของบิ๊ก
ใช้เวลาไม่นานแอปฯ ก็ทำการติดตั้งเสร็จ ผมอ่านข้อมูลเกี่ยวกับแอปฯ จากที่เข้าใจมันก็เหมือนแอปฯ นัดเดตทั่วๆ ไป ซึ่งว่ากันตามตรงคือผมก็เคยเล่น แต่แค่รู้สึกไม่อิน ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าคนเราจะสามารถปัดๆ รูปแล้วเริ่มคุยกับใครง่ายๆ ได้ยังไง
พอเห็นแบบนั้นผมก็รู้สึกลังเลที่จะเปิดเข้าใช้งานแอปฯ อยู่ไม่น้อย แต่พอคิดว่าเอาวะ ไหนๆ ช่วงนี้เบื่อๆ ลองดูก็ไม่เสียหาย
ผมกดเข้าไปในตัวแอปฯ มีการให้ลงทะเบียนเหมือนแอปฯ ทั่วๆ ไป ผมเองก็จัดการลงทะเบียน ส่วนที่เป็นให้ใส่รูป ผมก็ตัดสินใจเอารูปตัวเองขึ้นแล้วครอปให้เห็นแค่คอลงมาถึงกล้ามแขนด้านซ้าย แอปฯ นี้ต่างจากแอปฯ หาคู่อื่นๆ ที่ผมเคยเห็นตรงที่มันสามารถใส่รูปที่ไม่เห็นหน้าก็ได้ แบบนี้ก็น่าคิดเหมือนกันนะว่าจะเกิดการหลอกลวงกันได้
พอสมัครเสร็จ ผมก็เริ่มเล่นตามคำแนะนำ มันไม่ต่างจากแอปฯ หาคู่อย่างที่ผมบอกจริงๆ มีให้ดูรูปแล้วก็ปัดๆ บางคนเป็นรูปเห็นหน้าบ้าง บางคนไม่เห็นบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ได้กดเลือกใครสักคน
“เฮ้อ” ผมนั่งปัดๆ ไอ้เจ้าแอปฯ นี้มาเกือบชั่วโมง ก็พบว่าควรจะพอสักที แต่ระหว่างที่ผมกำลังจะกดลบแอปฯ ผมดันปัดไปเจอแอ็กเคานต์หนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Little Bunny และสิ่งที่สะดุดตาผมที่สุด คงจะเป็นรูปโปรไฟล์ของเจ้าตัว
รอยสักรูปกระต่ายบนเอวบางที่ขาวนวลเนียนจนผมต้องหันไปมองเพศของเจ้าของแอ็กว่าใช่ผู้ชายจริงรึเปล่า หรือจะแต่งรูป ทำไมภาพมันสวยแบบเกินจริงขนาดนั้น
ทั้งรอยสักและเอวบางเหมือนสะกดใจผมไว้จนไม่กล้าปัดไปทางไหน แล้วใจผมมันก็ดันไม่รู้จักพอ ดันรู้สึกอยากเห็นภาพนั้นใกล้มากขึ้น เลยพยายามจะซูมเข้าดู แต่ผมคงจะลืมไปว่ามันซูมไม่ได้ พอผมแตะหน้าจอรัวๆ มันก็กลายเป็นกดถูกใจอีกฝ่ายแทน
“เวร” จากที่คิดว่าคงจะไม่กดถูกใจใคร แล้วจะกดลบๆ แอ็กเคานต์ทิ้งไปซะ แต่มือผมมันดันลั่นซะงั้น แล้วพอมือลั่นแล้วผมก็ไม่อยู่เฉยๆ กดเข้าดูโปรไฟล์ของอีกฝ่ายทันที
คุณ Little Bunny ได้ดอกไม้ค่อนข้างเยอะ ดูแล้วน่าจะเป็นตัวท็อปไม่เบา ก็ไม่แปลกหรอก ขนาดผมยังเผลอมือลั่นเลย พอเลื่อนๆ ดูรูปของอีกฝ่าย ก็พบรูปเอวบางกับรอยสักรูปกระต่ายในอีกหลายมุม หลายท่า ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ารูปพวกนั้นมันทำให้ผมรู้สึกเคลิ้มอยู่ไม่น้อย
ตื่อดึง
แต่ที่น่าตกใจไปกว่าความมือลั่นของผม คือผมดันได้รับแจ้งเตือนจากแอปฯ มาว่าคุณ Little Bunny ก็กดถูกใจให้ผมเหมือนกัน และยังไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว ก็มีข้อความจากอีกฝ่ายเด้งขึ้นมา
Little Bunny : สวัสดีครับ Mister P