บทที่ 00
คำขอร้องของผู้ชายตาดำๆ [1]
“พร้อมออกเดินทางหรือยังครับน้องขวัญ”
“อ้าว ไหนยัยหยีมันบอกขวัญว่าสี่โมงไม่ใช่เหรอคะ หรือว่าขวัญจำเวลาผิด”
‘พาขวัญ’ ถามพลางดีดตัวเองขึ้นจากเก้าอี้ เร่งมือมือเก็บเอกสารบนโต๊ะทำงานทันที
วันนี้เธอต้องออกไปตรวจงานกับ ‘ศรุตม์’ แทน ‘ยาหยี’ ผู้ช่วยของเขาที่ลาป่วย แม้เจ้าตัวจะบอกว่าแค่มีน้ำมูกนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เพราะคำสั่งเด็ดขาดของ ‘ศรัณย์’ ที่เป็นทั้งเจ้านายและสามีของเธอ ทำให้เธอต้องยื่นใบลาอย่างไม่มีทางเลือก
“ไม่ผิดหรอกครับ”
“อ้าว แต่นี่เพิ่งจะบ่ายสองโมงเองนะคะ”
“พาขวัญ”
“คะคุณศรัณย์” พาขวัญขานรับโดยอัตโนมัติ ยืดลำตัวขึ้นตรงดิกเมื่อเห็นว่า ‘ศรัณย์’ ตั้งใจเดินออกมาเรียกเธอ สายตาของเขาทำให้ยืนเกร็งจนเกือบลืมหายใจ สีหน้าของเขาดูบึ้งตึงเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดี
“นายมาทำอะไรแถวนี้ชีตาร์” ไม่ทันได้บอกหรือสั่งอะไรกับเธอเขาก็หันไปถามศรุตม์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ผมมารับน้องขวัญครับ” ศรุตม์อมยิ้มมุมปาก เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของศรุตม์แบบนี้จนรู้สึกชินตา ตรงกันข้ามกับพาขวัญที่แม้จะถูกย้ายมาเป็นผู้ช่วยของศรัณย์ได้หลายเดือนแล้ว แต่เธอกลับไม่เคยรู้สึกคุ้นชินกับความเจ้าระเบียบของเขาสักที
“อุ้ย” เพียงแค่เขาหันกลับไปมองนิ่งๆ ก็ทำให้เธอยิ้มแห้ง “ยัยหยีมันบอกขวัญว่ามันแจ้งคุณศรัณย์เรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอคะ” เอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะหากเธอต้องออกไปกับศรุตม์ตอนนี้ ซึ่งยังไม่ถึงเวลานัด หนำซ้ำยังเร็วไปตั้งเกือบสองชั่วโมงนั่นหมายความว่าเธอกำลังจะละทิ้งหน้าที่หลักของตัวเองซึ่งก็คือการเป็นผู้ช่วยของเขา
“บอกไว้ว่าสี่โมงเย็นน่ะ”
“ครับ แต่ผมต้องแวะไปจัดการธุระอื่นก่อนนิดหน่อย ก็เลยจะขอพาน้องขวัญไปก่อนเวลา”
ได้ยินแล้วพาขวัญถึงกับต้องกลั้นหายใจ นี่ถ้าหากไม่ใช่เพราะยาหยีย้ำนักย้ำหนากับเธอว่าขออนุญาตศรัณย์เอาไว้ให้แล้ว เธอคงต้องยืนจิตตกเป็นกังวลลุ้นว่าจะถูกศรัณย์ไล่ออกไหมแน่ๆ
“แต่ถ้าพี่จะให้น้องขวัญอยู่ช่วยงานพี่ก็ได้นะครับ ผมไปคนเดียวได้ สบายอยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไร พาขวัญ”
“คะคุณศรัณย์”
“พรุ่งนี้เช้าส่งใบเสนอราคางานล่าสุดที่สั่งแก้ให้ฉันดูอีกรอบด้วยก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ” พาขวัญรับคำสั่งอย่างกระตือรือร้น ยืนเกร็งจนขาจะเป็นตะคริว รอจนได้ยินเสียงประตูห้องทำงานของเขาปิดลง เธอถึงได้กล้าถอนหายใจ
“เกือบไปแล้วไหมคะคุณศรุตม์”
“กลัวอะไรกันล่ะครับ พี่พูม่าเขาไม่ใช่ยักษ์ใช่มารสักหน่อย อีกอย่างน้องขวัญก็เป็นเพื่อนสนิทกับน้องยาหยี มีน้องยาหยีเป็นแบ็คอัพให้ทั้งคนแบบนี้ยิ่งไม่มีอะไรต้องกลัวใหญ่เลย” ศรุตม์บอกยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับพาขวัญที่เก็บของเสร็จตั้งแต่เห็นหน้าศรัณย์เมื่อครู่แล้ว
“เรื่องนั้นว่าได้เสียที่ไหนกันคะ ยัยหยีมันเป็นภรรยาคุณศรัณย์ แต่ขวัญเป็นแค่ลูกจ้างนะคะ” พาขวัญย้ำด้วยน้ำเสียงแอบบ่น ก่อนจะเปิดประตูรถของศรัณย์แล้วก้าวขึ้นรถของเขาด้วยความเคยชิน
“ว่าแต่คุณศรุตม์จะไปทำธุระที่ไหนก่อนเหรอคะ แล้วให้ขวัญมาด้วยแบบนี้จะดีเหรอ” พาขวัญถามขึ้นระหว่างทางเพราะเกรงว่าธุระของเขาจะเป็นเรื่องส่วนตัว
แม้ว่าศรุตม์จะวางตัวเป็นกันเองกับเธอมาตลอด แต่เธอเข้าใจว่านั่นเป็นเพราะเธอเป็นเพื่อนของยาหยี ซึ่งเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของเขา
“ดีสิครับ พี่ตั้งใจพาน้องขวัญมาเพราะเรื่องนี้เลย”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ช่วยพี่เลือกของขวัญให้แป้งครับ” ศรุตม์บอกด้วยสีหน้าสดใสอารมณ์ดี เขายิ้มกว้างแบบนี้เสมอเมื่อพูดถึง ‘ปั้นแป้ง’ เพื่อนสาวคนสนิทที่เขาไม่เคยคิดว่าเธอเป็นเพียงแค่เพื่อนมาแต่ไหนแต่ไร
“อ้อ แบบนี้นี่เอง”
เห็นแววตาที่มีประกายของความรักเอ่อล้นออกมาอย่างนั้นแล้วพาขวัญก็อดจะแซวไม่ได้
หากพูดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างศรุตม์กับปั้นแป้ง เธอก็แอบรู้มานานแล้วว่าปั้นแป้งคือผู้หญิงที่เขาตามจีบมาตั้งแต่สมัยเรียน เหตุผลก็เพราะเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของปั้นแป้ง เพียงแต่ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้คิดจะสนใจและไม่เคยคิดที่จะพูดถึงเรื่องนี้เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของทั้งคู่ และไม่เคยแม้แต่จะใช้ความเป็นลูกพี่ลูกน้องของปั้นแป้งมาหาผลประโยชน์ให้ตัวเองเลยสักครั้ง ส่วนเรื่องความสนิทสนมระหว่างเธอกับเขาก็เพิ่งจะมาเกิดขึ้น หลังจากที่ยาหยีตกลงคบกับศรัณย์แล้วด้วยซ้ำ
“น้องขวัญช่วยพี่หน่อยนะครับ”
“ได้สิคะ ว่าแต่เป็นของขวัญเนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะ วันเกิดพี่แป้งก็เลยมาตั้งหลายเดือนแล้วนี่นา” พาขวัญรีบถามเมื่อนึกขึ้นมาได้
“ไม่ใช่ของขวัญวันเกิดหรอกครับ แต่เป็นของขวัญเนื่องในโอกาสพิเศษอื่น เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราแวะหาอะไรกินกันก่อนแล้วพี่จะเล่าให้ฟัง”
รอยยิ้มของศรุตม์พลอยทำให้พาขวัญรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย บ่อยครั้งที่เขาทำให้เรื่องง่ายๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรให้กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมา
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ”
“ครับ อ้อ แล้วก็พี่มีเรื่องอยากจะขอน้องขวัญเรื่องหนึ่งด้วยนะครับ”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“เลิกเรียกพี่ว่าคุณศรุตม์สักทีได้ไหมครับ เรียกพี่ตาร์แบบที่น้องยาหยีเรียกก็พอ เรียกคุณแล้วพี่รู้สึกว่าตัวเองแก่”
คำขอของเขาทำให้เธออมยิ้มจนแก้มตุ่ย
“ไม่ได้หรอกค่ะ ขวัญกับยัยหยีคนละคนกัน ยัยหยีมันเป็นแฟนของคุณศรัณย์ แต่ขวัญเป็นแค่พนักงานในบริษัท”
“ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ พี่เองก็ทำงานรับเงินเดือนเหมือนกัน คุณประมุขเขายังไม่เซ็นยกบริษัทให้พี่สักหน่อย จะตัดหางปล่อยวัดพี่วันไหนก็ยังไม่รู้เลย” ศรุตม์กล่าวอ้าง
“ก็ไม่เหมือนกันอยู่ดีนั่นแหละค่ะ”
“เฮ้อ น้องขวัญนี่ดื้อกว่าน้องยาหยีอีกนะครับ”
“อ้าว”
“ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าแล้วแต่น้องขวัญสะดวกก็แล้วกัน แต่ถ้าเป็นไปได้พี่ก็อยากให้เรียกพี่มากกว่า” ศรุตม์ตัดบท เขาไม่อยากเสียเวลาเถียงกับเธอ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากขอ แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จเลยสักครั้ง
ไม่นานศรุตม์ก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก ทั้งสองคนแยกกันลงจากรถแล้วพากันเดินเข้าร้านตามปกติ พูดคุยกันมาตลอดทางเพราะต่างคนต่างคุยเก่งด้วยกันทั้งคู่
“สั่งเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
“กลัวขวัญไม่ช่วยเลือกของขวัญให้พี่แป้งเหรอคะ”
“รู้ทัน” ศรุตม์ว่ายิ้มๆ ก่อนจะเปิดเมนูเพื่อสั่งอาหาร
“ขวัญ”
แต่จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่เดินมาทักทายพาขวัญ
“อ้าว สวัสดีค่ะพี่หนึ่ง” สองตาของพาขวัญเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อได้พบกับเขา “กลับมาตั้งแต่เมื่อไรคะ”
“สองสามวันแล้วน่ะ”
‘เป็นหนึ่ง’ ตอบยิ้มๆ พลางเหลือบมองไปทางศรุตม์แล้วยิ้มให้เขาด้วยอีกคน
“นี่คุณศรุตม์ค่ะ เขาเป็นเจ้านายขวัญ คุณศรุตม์คะ นี่พี่เป็นหนึ่ง รุ่นพี่ขวัญเองค่ะ” พาขวัญรีบแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันพอเป็นพิธี สถานการณ์ทุกอย่างดูเป็นปกติดีกระทั่งใครอีกคนเดินเข้ามา
“อ้าว ยัยขวัญ”
“สวัสดีค่ะพี่แป้ง”
ชื่อที่ได้ยินเพียงครั้งเดียวทำให้ความสนใจของศรุตม์ที่เดิมทีอยู่ที่เมนูอาหารในมือ เพราะไม่ได้อยากจะเสียมารยาทสนใจหรือสอดรู้เรื่องของพาขวัญกับเป็นหนึ่งถูกดึงกลับมาที่ปั้นแป้งทันที
“มากับใคร” สบตาเธอแล้วเอ่ยปากถามอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันมากับหนึ่ง” ปั้นแป้งเองก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาเหมือนกัน รอยยิ้มของเธอทำให้สายตาของศรุตม์มองกลับไปที่เป็นหนึ่งอีกครั้ง แต่เป็นการมองด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากในตอนแรกที่พาขวัญแนะนำให้รู้จักอย่างชัดเจน
“มาทำงานเหรอขวัญ”
“ค่ะ กำลังจะไปตรวจงานข้างนอกน่ะค่ะ พอดียัยหยีมันลาป่วย ขวัญก็เลยมาแทน”
“อืม งั้นพี่กับหนึ่งไปก่อนแล้วกัน ไม่กวนดีกว่า ไปนะไอ้ตาร์ ไว้เจอกัน” ปั้นแป้งบอกลายิ้มๆ แล้วเดินออกไปพร้อมกับเป็นหนึ่งทันที
เหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นทำให้พาขวัญรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ปั้นหน้าลำบากเพราะมองออกว่าอารมณ์ของศรุตม์ในตอนนี้ไม่ได้สดชื่นเบิกบานแบบในทีแรกที่เดินเข้ามาอีกแล้ว รอจนปั้นแป้งและเป็นหนึ่งเดินพ้นออกไปจากประตูร้าน เขาก็ยังไม่พูดอะไรอีกเลยแม้แต่คำเดียว สายตายังคงมองตามปั้นแป้งไปเรื่อยๆ กระทั่งลับสายตา
“คุณศรุตม์คะ”
“น้องขวัญสั่งอาหารก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวพี่กลับมา”
“เดี๋ยวค่ะ”