หลังจากที่ฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้วน้องข้าวสวยก็จับไข้ทันที รนิดาจึงต้องรับบทหนักในการดูแลสาวน้อยอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่าพอไม่สบายสาวน้อยก็อ้อนหนักกว่าเดิมหลายเท่าตัว เธอแทบจะขยับออกห่างไม่ได้เลย ตอนนี้เลยต้องมานั่งทานข้าวต้มร้อนๆอยู่ข้างเตียงของสาวน้อย
“ลูกสาวผมหลับแล้วคุณไปพักบ้างเถอะครับ” เขารู้สึกขอบคุณรนิดามากๆที่ดูแลลูกสาวของเขาอย่างดีมาตลอดเวลาที่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน
“ไม่เป็นไรค่ะฉันกลัวแกรู้สึกตัวตื่นแล้วไม่เจอฉันจะเป็นเรื่องเอา รู้ไหมคะว่าเด็กป่วยน่ะเอาใจยากแค่ไหน” เธอรู้ดีว่าเวลาป่วยน่ะใครๆก็อยากให้คนรอบข้างเอาใจ
“งั้นก็ตามใจครับ ผมจะขอนั่งอยู่ตรงนี้เงียบๆ”
“ค่ะ” จากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก หญิงสาวก้มหน้าก้มตาทานอาหารแสนอร่อยตรงหน้า ระหว่างที่เธอกำลังรับประทานนั้นชายหนุ่มก็แอบมองเธอเป็นระยะจนหญิงสาวทานอาหารหมดเกลี้ยง
“อะ เอ่อ วันนี้คุณไม่ไปทำงานหรอคะ” เธอถามออกไปเสียงเบาเพราะกลัวจะไปรบกวนการนอนหลับของน้องข้าวสวย
“ลูกสาวผมป่วยขนาดนี้ผมไม่กล้าห่างแกไปไหนเหมือนกันครับ ผมจะไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”
“คุณหมอที่โรงพยาบาลบอกว่าเป็นธรรมดาค่ะที่มีไข้ นี่ฉันก็เช็ดตัวไปสองรอบแล้วไข้ถึงได้ลดลง”
“ขอบคุณมากๆครับ ผมเป็นหมอแท้ๆแต่ต้องรบกวนคุณให้ดูแลอย่างใกล้ชิด”
“ไม่ต้องขอบคุณบ่อยๆหรอกนะคะมันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ฉันอยากรู้จังเลยค่ะว่าคุณแยกร่างอย่างไงคะมีงานที่ต้องรับผิดชอบล้นมือแบบนี้น่ะ” เธอทึ่งในความสามารถของชายหนุ่มจริงๆ เขาทำเหมือนตัวเองเป็นหุ่นยนต์อย่างไงอย่างงั้น
“ไม่รู้สิครับ ผมเองก็เริ่มไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำแบบนี้ไปได้ถึงเมื่อไร คุณแม่ท่านก็เคยบอกหลายครั้งว่าผมควรตัดสินใจได้แล้วว่างานไหนสำคัญกว่ากัน” เขาตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ นึกย้อนไปถึงอดีต ในตอนนั้นแม้ว่าครอบครัวจะไม่ได้คัดค้านเรื่องการเลือกสายเรียนแต่พวกท่านก็กำชับว่าสุดท้ายแล้วเขานั้นมีหน้าที่กลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว
“หมายถึงว่าต้องเลือกระหว่างการเป็นหมอกับนักธุรกิจน่ะหรอคะ” หญิงสาวถามกลับตาโต เธอเขาใจเขาแล้วล่ะว่ามันลำบากใจขนาดไหนที่ต้องเลือก
“ใช่ครับ อย่างน้อยผมก็ได้ทำตามความฝันสำเร็จ”
“สุดยอดเลยค่ะ เชื่อไหมคะฉันน่ะไม่มีความฝันอะไรเลย คะแนนถึงก็เข้าไปเรียนเลยจบมาก็เป็นลูกจ้างเขา”
“พูดยากนะครับเรื่องความฝันเนี่ย แต่อย่างน้อยมันก็เป็นเหมือนแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปครับ แน่นอนว่าตัวเลือกที่สองผมทิ้งไม่ได้เพราะมันคือทุกสิ่งทุกอย่างของครอบครัว”
“อย่างนี้ก็เท่ากับเป็นการบังคับไปในตัวเลยน่ะสิคะ”
“ใช่ครับ ผมเองก็หนักใจเหมือนกัน”
“ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ ขอให้คุณมีความสุขกับการเป็นนักธุรกิจนะคะ แบบว่าพยายามทำให้ทุกวันมันมีความสุขน่ะค่ะ แหะๆ”
“ฮ่าๆ คุณเลือกให้ผมแล้ว”
“ค่ะ เพราะคุณปฎิเสธไม่ได้ น่าเสียดายนะคะที่จะขาดคุณหมอเก่งๆไปหนึ่งคน”
“ครับ”
“อื่อ น้านิล”
“ตื่นแล้วหรอคะ น้านิลอยู่นี่ลูก” เธอขยับเข้าไปใกล้ทันที
“น้านิล”
“ว่าไงคะปวดหัวไหมคะ”
“ไม่ปวดแล้วค่ะ คุณพ่อขา”
“ว่าไงลูก”
“ขยับมาหน่อยค่ะ มาใกล้ๆน้องข้าวสวยหน่อย”
“ได้สิครับ” เขาขยับเข้าไปใกล้สองสาวทันที หนูน้อยอยากอยู่ใกล้ๆคนเป็นพ่อกับน้านิลคนสวยของตน
“คุณพ่อขาอยากไปเที่ยว”
“เอาไว้หนูหายดีแล้วพ่อจะพาไปเที่ยวดีไหมคะ”
“ดีค่ะ ให้น้านิลไปด้วยนะคะ”
“ให้คุณย่าไปด้วยได้ไหมครับ”
“ไม่เอาค่ะอยากไปกับคุณพ่อแล้วก็น้านิล”
“ก็ได้ครับ ถ้าหายดีแล้วพ่อจะพาไปเที่ยวครับ”
“เย้ๆ”
“หลานเป็นไงบ้างลูก”
“ดีขึ้นแล้วล่ะครับแม่”
“เมื่อวานแม่สงสารหลานมากเลยตอนโดนฉีดยา”
“แกยังเด็กน่ะครับเป็นธรรมดาที่จะเจ็บแล้วก็กลัว”
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะแม่ก็ยังสงสารแกอยู่ดี นี่ลูกแม่จะต้องกลับไปหาคุณพ่อแล้วนะลูก”
“ไปเถอะครับคุณแม่ไม่ต้องห่วงทางนี้ครับ”
“อย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลานอีกนะลูก”
“ครับ ผมจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแน่ๆ”
“อย่างนั้นแม่ก็ค่อยเบาใจหน่อย”
“แม่ครับ”
“ว่าไงลูก”
“ผมเลือกได้แล้วนะครับ”
“...”
“ผมจะสานต่อธุรกิจของที่บ้านครับ”
“จริงนะลูก แม่ดีใจจัง แม่ไม่อยากให้ลูกต้องเหนื่อยคูณสองลูกรับรู้ความหวังดีของแม่ไหมลูก”
“ผมรู้ครับแม่”
“ดีๆ ดีมาก แม่สบายใจมากแม่ขอไปเก็บของก่อนนะลูก”
“ครับ”
“ย่ากลับไปหาคุณปู่ก่อนนะลูก เอาไว้ย่าจะมาหาหนูอีกนะคะ”
“คุณย่าไม่อยู่กับข้าวสวยแล้วหรอคะ”
“เดี๋ยวย่าจะมาหาใหม่นะคะ ไม่งอแงนะลูก”
“ค่ะ”
“ย่าคิดถึงข้าวสวยทุกวันรู้ไหมคะ ถ้าย่าไปถึงแล้วจะโทรหานะคะ”
“ค่ะ”
“เก่งมากค่ะ ครั้งหน้าย่ากลับมาย่าจะซื้อของเล่นที่หนูชอบมาให้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” คุณย่าเดินทางไปต่างประเทศแล้ว ตอนนี้ในบ้านจึงเหลือเพียงแค่อังวราคนเดียวเท่านั้นที่วางอำนาจกับรนิดา