ตอนที่ 1 โชคชะตาพาให้พบเจอ
เช้าวันนี้รนิดาตื่นขึ้นมาใส่บาตรตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เธอเป็นคนธรรมะธัมโมชอบทำบุญและเชื่อเรื่องลี้ลับต่างๆ รวมถึงชอบอ่านหรือดูหนังผียามว่างหลังจากเลิกงาน ตอนเด็กๆคนเป็นแม่เคยบอกว่าเธอมีสัมผัสพิเศษแต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังสัมผัสอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง มันคงยังไม่ถึงเวลาล่ะมั้ง หลังเลิกงานรนิดาก็เดินทางกลับบ้านทันทีไม่ได้แวะที่ไหนก่อน วันนี้อากาศค่อนข้างครึ้มเธอกลัวว่าฝนจะตกแถมเธอยังตากผ้าเอาไว้เสียด้วยหากชักช้าเสื้อผ้าที่อุตส่าห์ซักคงเปียกปอนแน่ๆ เธอจึงต้องรีบกลับบ้านทันที ชีวิตที่ต้องดิ้นรนทำให้เธอไม่เคยได้มีความสุขแบบจริงๆสักที ระหว่างทางกลับบ้านรนิดาเจอกับหนูน้อยคนหนึ่งกำลังยืนร้องไห้ บริเวณรอบๆไม่มีใครเลยดูน่าสงสารจับใจ เธอจึงเดินเข้าไปถามไถ่ว่าหนูน้อยคนนี้มายืนตรงนี้ได้อย่างไรแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ หนูน้อยไม่ตอบกลับอะไรเธอสักคนเอาแต่ร้องไห้โฮ เธอตัดสินใจก้มลงไปอุ้มหนูน้อยมาไว้ในอ้อมกอด พอได้อยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวหนูน้อยก็เงียบเสียงลงและซบใบหน้าไปกับอกอุ่นของเธอ เธอตบที่หลังเบาๆเป็นการปลอบขวัญไม่นานหนูน้อยก็หลับไป ในเมื่อแถวนี้ไม่มีใครอยู่เลยเธอเลยต้องพาหนูน้อยคนนี้กลับบ้านไปด้วยกัน บ้านของเธออยู่ห่างจากจุดที่เจอหนูน้อยประมาณ 200 เมตร เมื่อมาถึงบ้านเธอก็ค่อยๆวางหนูน้อยลงบนเตียงขนาดเล็กของเธอ เมื่อรู้สึกสบายตัวขึ้นหนูน้อยก็หลับสนิทนอนหลับตาพริ้ม เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดีจะส่งคืนก็กลัวจะโดนหลอกเพราะไม่รู้ว่าคือพ่อและแม่ของเด็กจริงหรือไม่ หากเป็นพวกต้มตุ๋นเธอคงจะบาปหนักกว่าเก่า สุดท้ายจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงหนูน้อยคนนี้เอง
“ตื่นแล้วหรอคะ” เธอถามออกไปน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณน้าเป็นใครคะ” สาวน้อยถามออกไปเสียงเบา
“น้าเจอหนูกำลังร้องไห้ พออุ้มหนูปุ๊บหนูก็หลับใส่น้าเลยค่ะ น้าเลยพาหนูมาที่บ้านน้าก่อน
“คุณน้าอยู่คนเดียวหรอคะ สาวน้อยมองไปรอบๆแล้วไม่เจอใคร
“ใช่ค่ะน้าอยู่คนเดียวแล้วหนูละคะอยู่บ้านกับใครบ้าง อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ใช่หรือเปล่าคะคนเก่ง”
“อยู่กับคุณพ่อ อยู่กับ…”
“กับใครคะ”
“แม่มดค่ะ”
“แม่มดหรอคะ” เธอถามกลับด้วยความแปลกใจไม่น้อย ใครกันที่หนูน้อยต้องการจะสื่อถึง
“แล้วคุณแม่ของหนูละคะ
“คุณแม่อยู่บนฟ้าคะ” คำตอบของหนูน้อยทำให้เธอพอจะประติประต่อเรื่องราวต่างๆได้
“น้าเสียใจด้วยนะคะเรื่องคุณแม่ของหนู” หนูน้อยพยักหน้าหงึกๆ
“ว่าแต่เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยนะคะ น้าชื่อรนิดาหรือเรียกน้าว่านิลก็ได้ค่ะ น้านิล”
“นะ หนูชื่อข้าวสวยค่ะ” สาวน้อยตอบกลับเสียงเบา
“ชื่อน่ารักจังเลยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“น้านิล” สาวน้อยยิ้มน้อยๆออกมา หญิงสาวรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากแน่นอนว่าเธอชอบตอนน้องข้าวสวยยิ้มออกมามากกว่าตอนร้องไห้งอแง
“มาให้น้ากอดหน่อยเร็ว” ตอนแรกข้าวสวยมีท่าทีกล้าๆกลัวๆแต่สุดท้ายหนูน้อยก็ขยับเข้าไปหารนิดาแต่โดยดี
“หนูไปโดนอะไรมาลูก” เธอเปิดเสื้อของหนูน้อยขึ้นก็เห็นรอยแดงชัดเจน
“ตีๆค่ะ ถ้าข้าวสวยกรี๊ดๆข้าวสวยจะโดนตี”
“โถว่ๆ น่าสงสารจริงๆเลยลูก” เด็กตัวแค่นี้ทำไมยังกล้าทำรุนแรงขนาดนี้ก็ไม่รู้
“คุณพ่อของหนูรู้ไหมลูก”
“ไม่รู้ค่ะ”
“เฮ้อ น้าไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย” ลักษณะการแต่งตัวของหนูน้อยก็ทำให้รู้ว่าครอบครัวของเธอไม่ธรรมดาแน่นอน เสื้อผ้าแพงๆแบบนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ซื้อมาใส่ได้ แต่มันแปลกตรงที่ทำไมคนเป็นพ่อถึงไม่ได้รับรู้ปัญหาของลูกสาวเลย เธออยากจะเห็นหน้าคนที่ทำร้ายน้องข้าวสวยจริงๆจะตบให้สักฉาดแน่นอน แม้เธอจะเป็นคนอื่นแต่ก็รู้สึกโกรธแทนไม่น้อยเลย
ข่าวการหายตัวไปของน้องข้าวสวยทำให้อธิปหนุ่มใหญ่วัยสามสิบปลายๆรู้สึกเป็นกังวลใจตลอดเวลาตั้งแต่รู้เรื่อง เย็นวันนั้นเขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันเพราะตั้งใจจะมาใช้เวลาอยู่กับลูกสาวตัวน้อย แต่เขากับได้ยินข่าวร้ายว่าหนูน้อยได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ชายหนุ่มให้ลูกน้องออกระดมช่วยกันตามหาแต่ก็ยังไม่พบ สุดท้ายจึงได้มีการว่าจ้างนักสืบเพิ่มเติมก่อนที่จะแจ้งความกับตำรวจ แต่ข้อมูลที่มีให้ตำรวจไม่เพียงพอที่จะตามหาเลยเพราะแกยังเล็กไม่มีที่ที่ชอบไปเพราะแกยังไปไหนเองไม่ได้
“น้องข้าวสวยล่ะครับแม่นม”
“คะ คุณหนูข้าวสวย…”
“ข้าวสวยทำไมครับ”
“คุณหนูข้าวสวยหายตัวไปค่ะ ป้าหาทั่วแล้วหาไม่เจอเลยค่ะ”
“อะไรนะ เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน เด็กตัวนิดเดียวทำไมปล่อยให้คาดสายตาล่ะ ไปตามอังวรามาให้ผมเดี๋ยวนี้” ชายถามกลับเสียงเข้ม
“ค่ะๆ”
“ทำไมคุณถึงได้ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ครับ คุณแม่ท่านให้คุณมาดูแลหนูข้าวสวยโดยเฉพาะ” อังวราหน้าเสียที่ถูกตำหนิ
“อังไม่ได้ตั้งใจนะคะคุณอธิป อังเผลอแปบเดียวน้องข้าวสวยก็หายไปแล้ว”
“เป็นเพราะว่าคุณประมาทไงยังไม่รู้ตัวอีกหรอ ถ้าเกิดคุณแม่ท่านทราบจะต้องเป็นเรื่องแน่ๆ” อังวราหน้าเสียยิ่งกว่าเดิมเธอลืมคิดถึงเรื่องคุณท่านไปเสียสนิท
“อังจะตามหาหนูข้าวสวยจนเจอแน่นอนค่ะ”
“ผมจะรอดูล่ะกัน ไม่อย่างนั้นคุณนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ”
“อังรับปากแล้วอังต้องทำได้แน่นอนค่ะ” หญิงสาวขยับเข้าไปใกล้ลูบแขนของชายหนุ่มเบาๆแต่ว่าเขาขยับออกห่างแล้วเดินออกไปจากบ้านทันที
“ถ้าเกิดความจริงเปิดเผยเราจะทำยังไงดีละคะคุณอัง” สาวใช้ที่เป็นคนของเธอถามกลับด้วยความกลัว
“อธิปเขาจะไม่มีวันเจอยัยเด็กนั่นแน่ฉันมั่นใจ”
“แต่อิฉันก็ยังกลัวอยู่ดีค่ะ”
“แกแค่อยู่เงียบๆไปก็พอนังอิ่ม”
“ก็ได้ค่ะ” อิ่มได้แต่ยอมจำนนรู้สึกผิดแต่ก็กลัวความผิดที่ตนทำลงไปมากกว่า เธอทำได้แค่ทำตามที่อังวราสั่งเท่านั้นเพื่อความอยู่รอด
ผ่านไปหลายวันแล้วยังไม่มีข่าวคราวของลูกสาวเขาเลย เขาพยายามคิดจนปวดหัวว่าลูกสาวตอนนี้กำลังอยู่ที่ไหน อยู่กับใครและกำลังทำอะไรอยู่ หนูน้อยเป็นคนพูดน้อยไม่ค่อยสดใสร่าเริงอยากจะเล่นแค่กับผู้เป็นพ่ออย่างเดียวจนคุณย่าที่เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ลูกชายจะมีสาวคนใหม่มาดูแลหัวใจและดูแลหลานสาวตัวน้อยด้วย ท่านจึงอยากให้ลูกชายหมั้นกับลูกของเพื่อน และคนที่โชคดีคนนั้นคืออังวรา หญิงสาวที่แสนจะเพียบพร้อมทั้งการศึกษาและรูปลักษณ์ภายนอก ปัจจุบันอังวราอายุ 32 ปีแล้วยังไม่ได้แต่งงานลึกๆแล้วเธอไม่ชอบเด็กเอาเสียเลยแต่แกล้งปั้นหน้าว่ารักเด็กจนคุณท่านพึงพอใจที่จะให้มาดูแลหนูข้าวสวยหลานตัวน้อยสุดที่รักของตนแทนเพราะตนเองส่วนใหญ่แล้วใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศกับผู้เป็นสามี
“สวัสดีครับคุณป้า”
“ตาอธิปนี่ยิ่งโตยิ่งหล่อนะเนี่ย นี่หลานของป้าจ้ะชื่ออังวรา”
“อังวราค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่อธิป”
“ครับ”
“อย่าเย็นชากับอังเลยนะคะพี่อธิป อังรู้ว่าเราสองคนยังไม่ได้รักกันแต่อังเชื่อว่าอนาคตมันต้องดีกว่านี้แน่นอน”
“ผมหวังแค่คุณอังดูแลลูกสาวของผมอย่างดีก็พอใจแล้วครับ” ชายหนุ่มทราบเรื่องทุกอย่างจากผู้เป็นแม่แล้ววันนี้เลยทำได้แต่ยอมจำนน เขาไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับผู้หญิงตรงหน้าคนนี้เลยสักนิด
“เรื่องนั้นมันเป็นหน้าที่ของอัง อังจะทำให้ดีที่สุดเลยค่ะ”อังวรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับชายหนุ่ม เขาเป็นเสือหนุ่มเก็บตัวแค่ไหนสาวๆในวงการไฮโซต่างรู้ดี และพวกนางต่างอิจฉาอังวราที่ได้มีโอกาสครอบครองหนุ่มหล่อพ่วงด้วยทรัพย์สินมหาศาลใช้ยังไงก็ไม่หมดหรอก เธอจะซื้อเครื่องเพชร เสื้อผ้ากระเป๋าสักกี่ใบก็คงไม่สะเทือนหรอก
“ขอบคุณครับ”
“อังจะย้ายเข้าไปอยู่ด้วยสัปดาห์หน้านะคะ” เธอบอกเขาออกไปน้ำเสียงราบเรียบแต่ความเป็นจริงอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ
“ครับ ผมขอตัวก่อนครับ”
“ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของหลานแล้วนะ”
“ค่ะคุณป้า” อังวราตอบกลับทันทีด้วยความมั่นใจ เธอสวยเซ็กซี่ขนาดนี้ถ้าเขาเป็นผู้ชายก็ต้องหวั่นไหวบ้างนั่นแหละ
“ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปป้าคงช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะ” คนเป็นป้าเอ่ยเน้นย้ำ
“ค่ะ”
เริ่มแรกอธิปไม่ค่อยพอใจนักที่คนเป็นแม่พยายามหาผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ภรรยาผู้ล่วงลับของตน แต่เขาก็พยายามทำความเข้าใจว่าคนเป็นแม่นั้นหวังดี เขาจึงทำใจยอมรับอังวราเข้ามาอยู่ในบ้านได้สามเดือนกว่าแล้ว ระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวเลยเพราะเอาเวลาที่มีไปทุ่มเทกับงานเสียมากกว่า ลูกสาวร่ำร้องอยากจะให้เขาพาไปเที่ยวแต่ก็ยังไม่ได้พาไปมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ตอนนี้เขากำลังปรึกษากับลูกน้องว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไรดี
“เราจะต้องตามหาคุณหนูข้าวสวยให้เจอก่อนที่คุณท่านจะเดินทางกลับมาครับ” มาคัสลูกน้องคนสนิทเอ่ยบอกกับผู้เป็นนาย
“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว แต่ฉันคิดจนสมองจะระเบิดแล้วก็ยังไม่รู้ว่าลูกสาวของฉันอยู่ที่ไหน” ยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไรต่อเสียงโทรศัพท์เครื่องหรูก็ดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่คือมารดาของเขานั่นเอง
“สวัสดีครับแม่”
“ยังคุยงานอยู่เลยใช่ไหมลูก ทำไมไม่ไปพาหนูข้าวสวยเข้านอนบ้างล่ะลูก”
“หลานสาวของคุณแม่นอนดึกไม่ได้หรอกนะครับผมไม่อยากให้ลูกต้องมารอ ผมว่าให้แม่นมกับอังเขาพาเข้านอนก็พอแล้วครับ”
“ฮึ ระวังเถอะท่าวันไหนลูกไม่ได้อยู่ด้วยแล้วจะเสียใจ”
“แม่หมายความว่ายังไงครับ”
“แม่ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอย่าถือสาแม่เลย แม่ต้องเดินทางแล้วแค่นี้ก่อนนะลูก บ๊ายบายจ้ะ ฝากฝันดีน้องข้าวสวยด้วยนะ”
“ครับ” ท่านพูดมาขนาดนี้เขารู้สึกผิดมากๆ
ด้านน้องข้าวสวยตอนนี้กำลังปรับตัวเข้าหารนิดาและทุกอย่างก็เป็นไปได้สวย สาวน้อยตื่นแต่เช้ามาดูหญิงสาวรดน้ำต้นไม้ที่บริเวณหน้าต่าง วันนี้เป็นวันเสาร์เธอไม่ต้องออกไปทำงานจึงมีเวลาอยู่กับสาวสวยทั้งวัน หนูน้อยรู้สึกว่าการอยู่กับรนิดานั้นมีความสุขกว่าตอนอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ๆหลังนั้นซะอีก สาวน้อยเลยไม่ได้พูดถึงคนเป็นพ่ออีกเลยเพราะคิดว่าบางทีคนเป็นพ่ออาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอหายไป
“หอมจังเลยค่ะ”
“มาทานข้าวไข่ข้นกันดีกว่าค่ะ”
“น่าทานจังเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“ทานเยอะๆนะคะหนูตัวนิดเดียวเอง”
“ค่ะ” น้องข้าวสวยก้มหน้าก้มตาทานเงียบๆจนหญิงสาวรู้สึกแปลกใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะทำไมไม่พูดอะไรเลย”
“ทานข้าวคุณย่าไม่ให้พูดค่ะเดี๋ยวจะสำลักแล้วก็ไม่สุภาพ” น้องข้าวสวยจำคำสอนของคนเป็นย่าได้อย่างดี
“อุ๊ย! โอเคจ้ะ” เธอเสียมารยาทสินะที่คุยไปกินไป สงสัยเธอนั่นแหละที่ต้องปรับตัวใหม่ หลังจากทานข้าวเช้าเรียบร้อยหนูน้อยก็มานั่งเล่นที่โซฟา
“วาดรูปกันไหมคะ”
“วาดไม่สวยค่ะ”
“วาดไม่สวยก็ฝึกได้ค่ะ”
“จริงหรอคะ” สาวน้อยถามกลับตาโต
“จริงสิคะ มาค่ะน้านิลสอนดีกว่า”
“ค่ะ”
“สวยมากเลยค่ะ”
“จริงหรอคะ”
“จริงค่ะ”
“น้านิลเก่ง”
“น้องข้าวสวยเก่งตั้งหากค่ะ น้องข้าวสวยวาดเองไม่ใช่หรอคะ” เธอบอกออกไปตามความเป็นจริง
“ใช่ค่ะ คิกๆ” เธอตั้งใจสอนสาวน้อยวาดตัวการ์ตูนง่ายๆก่อน พอทำตามได้น้องข้าวสวยก็ดีใจยกใหญ่จากนั้นก็ค่อยๆฝึกการวาดที่ยากขึ้นเรื่อยๆ สาวน้อยชอบการวาดรูปไปซะแล้ว ไม่ต้องให้ต้นทุนอะไรมากมีเพียงแค่กระดาษ ดินสอ ยางลบและความคิดสร้างสรรค์ก็พอแล้ว
“ใส่กรอบสวยๆได้ไหมคะ”
“ใส่กรอบน่าจะแพงเกินไปค่ะ น้านิลไม่มีเงินพอ แหะๆ”
“ก็ได้ค่ะติดตรงนี้เลยได้ไหมคะ”
“ได้สิคะ” หญิงสาวเดินไปหยิบเทปใส่มาติดภาพวาดของสาวสวยไว้ที่ผนัง
“คิกๆ” สาวน้อยหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นผลงานของตนได้โชว์เอาไว้
“วันนี้น้าต้องออกไปซื้อของข้างนอกนะคะ น้องข้าวสวยรออยู่ที่บ้านแปบนึงได้ไหมคะ”
“น้านิลจะไปซื้ออะไรคะ”
“ซื้อหลายอย่างเลยค่ะแล้วก็เสื้อผ้าของหนูด้วย”
“น้านิลใจดีจังเลยค่ะ” สาวน้อยเดินเข้าไปสวมกอดขาของหญิงสาวเอาไว้ เธอลูบหัวของน้องข้าวสวยเบาๆด้วยความเอ็นดู
“น้าไปแปบเดียวนะคะถ้าไม่ใช่น้าห้ามเปิดประตูรู้ไหมลูก”
“ค่ะ ไม่เปิดแน่นอนค่ะ”
“เก่งมากค่ะ รอไม่นานแน่นอนค่ะ”
“ค่ะ” สาวน้อยพยักหน้าเข้าใจ หญิงสาวใช้เวลาประมาณสี่สิบนาทีก็กลับมาถึงห้องพัก สาวน้อยพอรู้ว่าหญิงสาวกลับมาแล้วก็รีบไปเปิดประตูให้
“ร้องไห้ทำไมลูก”
“นะ น้านิลไปนาน ฮะ ฮึกๆ”
“โถว่ไม่ร้องนะคะ น้านิลซื้อของเยอะไงคะ ดูสิคะว่ามีแต่ของใคร”
“ขะ ของข้าวสวยค่ะ”
“งั้นไม่ร้องนะคะ ร้องไห้ไม่สวยนะคะคนเก่ง”
“มะ ไม่ร้อง” สาวน้อยพยายามหยุดร้องแต่มันยากเหลือเกิน เธอวางของที่ซื้อมาลงบนพื้นแล้วอุ้มสาวน้อยโยกไปมาเบาๆแทน
“ทำไมถึงร้องไห้ล่ะลูก”
“ข้าวสวยไม่อยากถูกทิ้ง”
“ใครทิ้งลูกน้าไม่ทิ้งหนูแน่นอนค่ะ”
“สัญญานะคะ”
“สัญญาเลยค่ะ”
“แม่มดบอกว่าไม่มีใครอยากอยู่กับข้าวสวย”
“ยัยแม่มดนี่ยังไงนะ”
“น้านิลอย่าทิ้งข้าวสวยนะคะ”
“ค่ะๆ เราสัญญากันแล้วนี่หน่า มาดูของที่น้าซื้อมาให้ดีกว่านะคะ”
“ค่ะ” แม้เธอจะมีเงินเก็บไม่มากแต่ก็พอจะซื้อของใช้ให้น้องข้าวสวยได้สบายๆ ปกติตัวคนเดียวเธอก็ไม่ค่อยได้ซื้ออะไรอยู่แล้ว จ่ายแค่ค่าที่พักค่าน้ำค่าไฟก็เหลือๆ
“ว้าวสวยจังเลยค่ะ” สาวน้อยหยิบเสื้อตัวเล็กพอดีตัวกับตนเองเองมาดู
“ชอบไหมคะ”
“ชอบค่ะ”
“ถ้าชอบน้านิลก็ดีใจมากค่ะ น้านิลเลือกอยู่นานเลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” สาวน้อยยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ไหว้สวยจังเลยค่ะ”
“คุณย่าสอนค่ะ”
“จริงสิหนูไม่ได้อยู่กับคุณย่าหรอคะ”
“คุณย่าอยู่ไกลค่ะ อยู่ต่างประเทศ” แม้ยังเล็กแต่ข้าวสวยก็พูดคุยรู้เรื่องได้เหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“อ๋อ อย่างนี้นี่เองยัยแม่มดอะไรนั่นถึงไม่ดูแลหนู”
“แล้วตัวนี้ละคะชอบไหม”
“ตัวนี้ก็ชอบค่า” สาวน้อยยิ้มหน้าบานมีแต่ของที่ตนชอบทั้งนั้นเลย
“เดี๋ยววันนี้ซักก่อนนะคะพรุ่งนี้ถึงจะใส่ได้”
“ค่ะ”
ด้านชายหนุ่มกังวลเรื่องความปลอดภัยสุดท้ายก็ไม่ปิดเรื่องการหายตัวไปของลูกสาว เขาลงประกาศตามสื่อต่างๆให้ผู้คนที่พบเห็นได้รับทราบ ทุกคนที่รู้จักเมื่อได้ทราบเรื่องก็รู้สึกตกใจไม่น้อย มีป้ายประกาศติดไปทั่วเมือง มารดาของชายหนุ่มเมื่อรับทราบข่าวการหายตัวไปของหลานสาวก็เป็นลมล้มพับไปเลย ท่านตกใจจนช็อคและคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่เด็กน้อยจะใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ มีโอกาสสูงที่จะเกิดอันตรายต่างๆได้ตลอดเวลา ท่านเลือกที่จะบินกลับเมืองไทยมาช่วยลูกชายตามหาหลานสาวอีกแรง
"แม่กำลังจะกลับไทยนะลูก เราจะต้องหาหนูข้าวสวยเจอแน่นอน แม่ภาวนาให้หลานปลอดภัย ฮะ ฮึกๆ"
"ผะ ผมขอโทษครับแม่ ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเองครับ" เขาได้แต่นึกโทษตนเอง
รนิดาออกมาซื้อของก็เจอกับป้ายประกาศดังกล่าว เธอรู้สึกทั้งดีใจทั้งใจหายที่ต้องส่งหนูน้อยคืนให้กับครอบครัว เธอเป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ของหนูน้อยที่ต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับยัยแม่มดนั่น ไหนๆเธอก็ช่วยหนูข้าวสวยแล้วเธอก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด เธอแกะป้ายประกาศดังกล่าวใส่กระเป๋ากลับบ้านไปด้วย เธอค้นหาข้อมูลของชายหนุ่มแล้วก็พบว่าเป็นนักธุรกิจดัง คิดอยู่นานสุดท้ายก็เรียกน้องข้าวสวยมาดู