บทที่10 ภารกิจใหม่ต่อเนื่อง1

2261 Words
บทที่10 ภารกิจใหม่ต่อเนื่อง หลังจากจงอี้หยวนได้รับสูตรเพาะถั่วงอก ที่จะว่าง่ายก็ง่ายแต่ปฏิบัติตามค่อนข้างยาก เขาก็ให้ฉิงชิงและผู้จัดการฉีรับหน้าที่ทดลอง เมื่อผ่านไปสามวันยังไม่ได้ขนาดที่ต้องการ จงอี้หยวนก็เพิ่มเป็น4 และ5วันตามลำดับ จนเขาตกลงใจที่จะขายถั่วงอกของวันที่ห้า และเริ่มให้มีการขายในร้านจงเหมินสาขาเมืองจินเต๋าโดยใช้เทคนิคแจกให้ชิมฟรีเมื่อสั่งอาหารครบ20-50ตำลึงก็ว่าไป ไม่ถึงสัปดาห์ถั่วงอกผัดมันหมู และถั่วงอกลวกน้ำมันงา ก็กลายเป็นอาหารจานเด่นของร้านจงเหมิน จนจงอี้หยวนต้องหาคนมาสร้างฟาร์มถั่วงอก เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ถือว่าเงิน100ตำลึงที่เขาลงทุนไป คุ้มค่าเหมือนที่เขาคิดไว้จริงๆ … ทางด้านเฟิงลี่หลังจากวันที่ซื้อที่ดินแล้ว นางได้ใช้ให้หุ่นฟางแอบเอาน้ำวิเศษไปรดน้ำที่ดินผืนนั้นในช่วงกลางดึกทุกวัน ส่วนผักในสวนก็โตขึ้นทุกวันและสามารถขายได้สองวันครั้ง สามวันครั้งบ้างแต่ก็ทำให้มีเงินหมุนเวียนในบ้านเยอะขึ้นทุกวันจนมารดาของนางตกใจ เนื่องจากรถม้าจากร้านจงเหมินมาที่หมู่บ้านเป็นประจำ โดยฉิงชิงเป็นผู้มารับผักด้วยตนเอง ทำให้ชาวบ้านเริ่มมาไถ่ถาม และเมื่อรู้ว่าพวกเขามารับผักของบ้านตระกูลซ่งไป ชาวบ้านก็เริ่มนำวัตถุดิบของตนมารอขายที่หน้าบ้านตระกูลซ่ง บ้างขายได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วแต่ว่าฉิงชิงสนใจหรือไม่ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต กล่าวย้อนกลับไปถึงวันที่สองพี่น้องกลับมาจากในเมืองหลังจากขายถั่วงอก พวกเขามีผ้าคนละพับอยู่ในตะกร้าสะพายหลังของพวกเขา ทั้งสองวางตะกร้าลงที่ระเบียงหน้าบ้าน นางตี้จิงหรุยเห็นพอดีจึงเดินออกมาดูและเห็นว่าบุตรสาวซื้อของมาเยอะแยะอีกแล้ว “ลี่เอ๋อร์เจ้าใช้เงินมากอีกแล้วนะ ถึงเราจะเริ่มมีเงินบ้างแล้วแต่เจ้าก็ต้องรู้จักอดออมเสียบ้างเข้าใจหรือไม่ หากไม่อยากจะลำบากอีกครั้ง ต่อไปในอนาคตเจ้าต้องอดออมมากกว่านี้เข้าใจหรือไม่?” เมื่อเห็นมารดาเริ่มบ่น เด็กทั้งสองก็ยิ้มแผล่พุ่งเข้าประจบมารดา โดยอุ้มพับผ้าไว้ในอ้อมแขน “ท่านแม่ดูผ้านี้สิเจ้าคะ สีเหลืองงดงามเหมาะกับท่านแม่มากๆเลยแหละ เนื้อผ้าก็ดีกว่าที่เราสวมใส่กันตอนนี้ ข้าเห็นท่านแม่กำลังฝึกวิชาเย็บปักจึงได้ซื้อมาฝาก เพราะวันนี้พวกข้าทำการค้าใหญ่ได้อีกครั้งแล้ว!” เฟิงลี่เอ่ยอย่างภาคภูมิใจ หยิบถุงเงินออกมาจากอกเสื้อ นั่นเป็นเงิน100ตำลึงที่นางหามาได้ “ใช่แล้วท่านแม่ ลี่เอ๋อร์ก็เริ่มโตเป็นสาวแล้วจะให้นางสวมใส่แต่ชุดผ้าเนื้อหยาบได้อย่างไรเล่าขอรับ ถึงไม่ใส่ในเร็ววัน อย่างน้อยหากใส่ในโอกาสสำคัญก็ยังดี” ซ่งเฟิงช่วยน้องสาวกล่อมมารดาด้วย “ได้ ได้ พวกเจ้านี่ช่าง...เฮ่อ...เอาเถอะ เงินพวกนี้พวกเจ้าก็เป็นคนหามาได้ ใช้สักนิดหน่อยจะเป็นไรไป แม่ไม่ว่าพวกเจ้าแล้ว แล้วนี่ซื้อข้าวขาวมาด้วยหรือ?” นางตี้จิงหรุยทำท่าจะเป็นลมไปเมื่อเห็นถุงใส่ข้าวราว2ชั่งอยู่ก้นตะกร้าของบุตรชาย “ท่านแม่ วันนี้ลี่เอ๋อร์ทำการค้าไม่ขาดทุนจริงๆนะขอรับ ดังนั้นนางจึงบอกว่าเราควรกินข้าวขาวเพื่อฉลองเสียบ้าง” “ใช่แล้วท่านแม่ ท่านพ่อกำลังพักฟื้นควรกินข้าวขาวที่ย่อยง่ายดีกว่าอย่างอื่น” เฟิงลี่รีบประจบมารดา ก่อนจะหยิบตั๋วเงินออกมาจากถุงเงินเพื่อให้มารดาเห็น และรีบเก็บอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าไม่ได้แอบไปขายทองจริงๆใช่หรือไม่?” นางตี้จิงหรุยขมวดคิ้วถามอย่างจริงจัง เมื่อเห็นตั๋วเงินโผล่มาที่บ้านนางอีกครั้งแล้ว และวันนี้เด็กๆก็ไม่ได้ไปขายหนูด้วย แต่แค่นำผักไปขายเท่านั้น “ท่านแม่ พวกข้าแค่ขายผักจริงๆเจ้าค่ะ แต่สูตรปลูกถั่วงอกของข้าขายได้เงินมาเท่าที่ท่านเห็นนี่แหละ”เฟิงลี่ยิ้มน้อยๆ รีบหยิบมือมารดามานวดอย่างเอาใจ “ท่านแม่เมื่อยหรือไม่เจ้าคะ” ว่าแล้วนางก็นวดให้มารดาอย่างเอาอกเอาใจพร้อมยิ้มประจบ ซ่งเฟิงเห็นน้องสาวทำเช่นนั้นเขาก็รีบทำตามทันที “มารดาข้านวดให้ท่าน ท่านลำบากมากที่เลี้ยงดูพวกข้ามาขนาดนี้ ต่อไปนี้พวกลูกโตแล้วจะเลี้ยงดูมารดาเองขอรับ” คำพูดของบุตรชายทำให้นางตี้จิงหรุยน้ำตาคลอ นางยกมือขึ้นซับน้ำตาเบาๆ ก่อนจะทำเป็นลืมว่าตนเองอยากจะบ่นบุตรสาวบุตรชายอีกสักหลายคำ และเลือกจะเดินเข้าครัวเตรียมอาหารให้ทั้งบ้าน อาหารเช้าของบ้านจะเป็นผัดผักกับเห็ดย่างบ้างแกงบ้าง บางวันถ้ากับดักสัตว์ทำงานดีก็จะมีเนื้อกิน แต่ส่วนมากมารดาจะเก็บเนื้อไว้ทำตอนกลางวัน เหตุผลนั้นไม่ต้องถามเลย นั่นเพราะคนบ้านใหญ่จะมาทำเนียนกินข้าวที่บ้านของพวกนางในตอนกลางวัน ทำให้มารดาที่เห็นแก่พี่น้องเป็นสำคัญ ยินดีนำเนื้อออกมาเลี้ยงญาติบ่อยๆ ช่วงแรกๆคนบ้านใหญ่ก็มีพูดประชดประชันบ้าง โดยเฉพาะท่านยายที่ไม่ได้แวะมาแต่ฝากคำพูดมาบ่อยๆ บอกว่าพวกนางเปลืองเงิน สัตว์แต่ละตัวล้วนเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้นกลับนำมากินเสียหมด แต่เพราะโดนเฟิงลี่ตีหน้าซื่อ บอกว่าเป็นตนเองและพี่ชายที่ดักสัตว์ได้ และไม่ได้อยากได้เงิน แค่อยากมีของกินให้อิ่มท้อง หลังจากนั้นบ้านใหญ่ก็ปิดปากเงียบ เพียงมากินและจากไป ไม่รู้ว่าเพราะละอายใจที่ตนเองเป็นคนขี้เกียจ หรือเพราะเชื่องแล้ว? “ท่านแม่ ต่อไปตุ่มน้ำบ้านเรายกเข้าห้องท่านพ่อไปนะเจ้าคะ ท่านเทพบอกว่าตุ่มน้ำนั้นเป็นน้ำดี เราเก็บไว้ให้ท่านพ่อดื่มดีกว่าให้คนอื่นดื่ม” เฟิงลี่เอ่ยขึ้น ขณะเป็นลูกมือให้มารดาทำอาหารเย็น อาหารเย็นของบ้านจะเป็นข้าวต้มซะส่วนใหญ่ และถั่วงอกก็ถูกปรุงในเวลานี้นั่นเอง ส่วนผู้ปลูกถั่วงอกก็คือต้าฟางเจ้าเดิม รายนั้นสามารถจัดการงานเกษตรได้ทุกอย่าง กระทั่งแมลงศัตรูพืชก็ไม่มีโผล่มาให้เห็นในสวนสักตัวเดียว “แล้วลูกจะหวงน้ำตุ่มเดียวทำไมเล่า แม่ว่าแม่ไม่เคยสอนให้เจ้าใจแคบเช่นนี้นะเสี่ยวลี่”นางตี้จิงหรุยแสร้งทำน้ำเสียงจริงจัง “เฮ่อ ท่านแม่ เป็นท่านเทพที่บอกให้ข้าทำจริงๆ หากข้าไม่ทำ...” เฟิงลี่อ้างเทพเสมอเวลาที่มารดานางดื้อ และคราวนี้ก็ได้ผลเช่นเคย “เอาล่ะ เอาล่ะ เมื่อท่านเทพไม่ต้องการให้คนอื่นดื่มน้ำจากตุ่มวิเศษ งั้นก็เป็นสิทธิ์ของท่าน เช่นนั้นเจ้าให้ต้าฟางช่วยยกเข้าห้องบิดาเจ้าเถอะ” นางตี้จิงหรุยเอ่ยยิ้มๆอย่างรู้ทัน นางเคยเห็นบุตรสาวหยิบเหยือกน้ำวิเศษออกมาจากในอากาศและนำไปเทลงในตุ่ม คราแรกนางก็ไม่รู้ว่ามันแตกต่างจากน้ำธรรมดายังไง แต่นานเข้าคนที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนมักชมว่าน้ำที่บ้านนี้ดื่มแล้วหายเหนื่อยเป็นปริดทิ้ง นางจึงเริ่มคิดได้ว่าน้ำที่บุตรสาวนำออกมาเติมในตุ่มจะต้องมีผลดีบางอย่างแน่ๆ “ท่านแม่ ลูกไปดู...” เฟิงลี่กำลังจะบอกว่าไปดูกับดักสัตว์ที่วางไว้ เพราะมันจะดักสัตว์ได้ทุกๆ12ชั่วโมง หากไม่ได้ก็จะรีเซตนับหนึ่งใหม่ แต่หากเลยเวลาแล้วไม่ไปเก็บสัตว์มันก็จะไม่รีเซตหากยังมีสัตว์อยู่ภายใน ดังนั้นนางและพี่ชายจึงต้องขยันไปดูกับดักบ่อยๆ “เสี่ยวลี่ เสี่ยวลี่ ออกมานี่เร็ว” เสียงซ่งเฟิงร้องเรียกอย่างร้อนรน ทำให้เฟิงลี่ที่กำลังจะออกจากครัวพอดีรีบหันไปมอง นางเห็นพี่ชายวิ่งมาแต่ไกล มือเขาดูเหมือนจะมีอะไรแดงๆติดอยู่ นั่นมันเลือด! “มีอะไรอาเฟิง ค่อยๆเดิน แล้วนั่นน้ำอะไรแดงๆ หรือว่าเจ้าบาดเจ็บที่ใด?” นางตี้จิงหรุยที่เดินออกมาดูรีบปรามบุตรชาย ก่อนจะตกใจจนหน้าซีดเมื่อเห็นเลือดบนมือบุตรชาย เพราะพระอาทิตย์กลายเป็นแสงสีแดงแล้ว ทำให้ทั่วบริเวณค่อนข้างมืด กว่าที่ทั้งคู่จะมองเห็นซ่งเฟิงก็ตอนที่เขาใกล้ถึงครัวแล้ว “ไม่ใช่ขอรับท่านแม่ ข้าไม่ได้เป็นอะไร เสี่ยวลี่รีบหยิบกล่องที่ช่วยเหลือท่านพ่อวันนั้นมาเถอะ มาช่วยม้าป่าตัวน้อยหน่อย มันจะตายแล้ว” ซ่งเฟิงรีบอธิบายสถานการณ์ มือไม้เขาโบกบ่ายอย่างร้อนรน “ได้ พี่ใหญ่ท่านนำไปเลย” เฟิงลี่รีบวิ่งตามพี่ชายไปทันที ขณะที่นางตี้จิงหรุยเมื่อได้ยินว่าเป็นสัตว์ที่บาดเจ็บก็เดินกลับเข้าครัวไป ไม่ได้ตามเด็กๆไป เพราะรู้ดีว่าบุตรสาวมีเครื่องมือช่วยชีวิตอยู่ [-ภารกิจ- ช่วยชีวิตอาชาเหมันต์ รางวัล แต้มบุญ20 คูปองวงล้อแห่งโชคลาภ*2 หนังสือสัตว์เลี้ยงเปิดใช้งาน โปรดระวังหากภารกิจล้มเหลวอาชาเหมันต์ตายท่านจะสูญเสียแต้มบุญ20] เฟิงลี่ชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นหน้าภารกิจ ก่อนจะมองไปที่แผนที่ซึ่งอยู่มุมหางตาเล็กๆ และสังเกตุว่าจุดที่นางมุ่งหน้าไปเป็นที่อยู่ของจุดสีแดง! สัตว์อันตราย! นางรีบเปิดดูแผนที่และกดที่จุดสีแดง เป็นอย่างที่คิด อาชาเหมันต์เป็นสัตว์เวทย์ที่ออกมาจากป่าลึกมากๆ หรืออาจจะมาจากดินแดนเบื้องบนก็เป็นได้! แต่ถ้านางปล่อยอาชาตัวนั้นตาย! นางก็จะสูญเสียแต้มบุญที่เป็นทุกอย่างของระบบไป ต้องเข้าใจก่อนว่าแต้มบุญนี้นางจะต้องสะสมเพื่อปลดล็อกระบบต่างๆของระบบ เช่นปลดล็อกของในเครื่องมือ หรือปลดล็อกของในร้านค้าระบบ และมันก็หายากมากๆๆๆๆๆ กว่าภารกิจหนึ่งจะเด้งขึ้นมาก็ใช้เวลานานมาก เวลาที่นางทำความดีช่วยเหลือคนอื่นแล้วได้แต้ม ไม่ได้แปลว่าได้แต้มบุญจากทุกคน จะมีเฉพาะบางคนเท่านั้นที่นางช่วยเหลือแล้วได้แต้มบุญ ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับความยากง่ายของการช่วยเหลือ อย่างเมื่อครั้งแรกที่ช่วยเด็กคนหนึ่งที่ล้มนางก็ได้1แต้มบุญ แต่มีครั้งหนึ่งนางช่วยเหลือคนแก่ที่โดนวิ่งราวกลับไม่ได้แต้ม แปลว่ามันมีข้อจำกัดอยู่ ไม่ได้เกี่ยวกับอายุของผู้ที่นางช่วยเหลืออีกด้วย สรุปแล้วนางไม่อาจหาเหตุผลที่นำมาแยกแยะได้ว่า นางจะได้แต้มบุญจากใคร นั่นเป็นความยากอย่างหนึ่งของการหาแต้มบุญนอกเหนือจากภารกิจ ตั้งแต่นางอยู่ในโลกนี้มา นางได้แต้มบุญนอกภารกิจเพียง4ครั้งเท่านั้น!! 4ครั้งในการช่วยเหลือเกือบ20ครั้ง ที่นางช่วยคนไป ช่างไม่คุ้นค่าเสียเลย ขณะที่เฟิงลี่คิดเพลินๆ นางก็มาถึงจุดที่อาชาเหมันต์อยู่แล้ว ซ่งเฟิงพุ่งเข้าไปข้างกายม้าน้อยสีขาวโพลนอย่างไม่เกรงกลัว เฟิงลี่กลับชะงักเท้า นางไม่ได้กลัวแต่ตกตะลึง เพราะม้าตรงหน้าช่างงดงามยิ่งกว่าสิ่งใดที่นางเคยเห็นมา ดวงตากลมของม้าน้อยปกปิดลงครึ่งหนึ่งด้วยแพขนสีขาวประกายงดงาม แต่ตรงท้องและคอของมันกลับเต็มไปด้วยเลือดสีแดงผสมเงิน บ้างแห้งกรังกลายเป็นสีดำผสมเงินเป็นประกายน่าแปลกใจ “พี่ใหญ่ท่าน...ไปนำถังน้ำกับผ้าสะอาดมา” เฟิงลี่หน้าเครียด นางแค่หาข้ออ้างให้พี่ชายออกห่างจากม้าตัวน้อยที่ตัวใหญ่พอๆกับพวกนางก็เท่านั้น เพราะม้าตัวนั้นมีแววแห่งความเคียดแค้น หากมันอาการดีขึ้นไม่แน่อาจจะอาละวาดได้ นางไม่มียาสลบดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่ามันจะปลอดภัยหลังจากนางรักษาให้เจ้าม้าแล้ว “ได้ ข้าจะรีบกลับมา เสี่ยวลี่ช่วยลูกม้าตัวนี้ด้วยนะ มันสวยมากๆ และน่าสงสารมากด้วย” “ได้ ข้าจะช่วยมันเองพี่ใหญ่ไม่ต้องกังวลไป” เฟิงลี่พูด ก่อนจะขยับตัวอย่างรวดเร็ว หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา ก่อนจะมองรอบด้านให้แน่ใจว่าไม่มีคนอื่น และเริ่มทำแผลให้ม้าน้อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD