บทที่11 วันซวยของท่านหญิงน้อย
สองพี่น้องกลับมาที่บ้าน โดยซ่งเฟิงถือไก่ฟ้าที่ยังไม่ตายในมือ ส่วนเฟิงลี่เดินพึมพัมอะไรอยู่คนเดียว แต่ความจริงนางกำลังอัพเกรดคอนแทคเลนส์ ในมือฉีกกระดาษบัตรกำนัล และมันก็สลายไปในทันทีโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
จากนั้นเมื่อมาถึงบ้าน ซ่งเฟิงแยกไปด้านหลังบ้านเพื่อจัดการกับไก่ฟ้า ส่วนเฟิงลี่ไปอัพเกรดแบตเตอรี่ของต้าฟาง แต่นางไม่คิดว่าแค่อัพเกรดแบตเตอรี่ต้าฟางจะฉลาดขึ้นเล็กน้อย
เขาสามารถรับผิดชอบงานละเอียดอ่อนได้มากขึ้น ซึ่งเฟิงลี่ก็ยังไม่เห็นความแตกต่างเท่าไหร่เพราะปัจจุบันนางก็รู้สึกว่าต้าฟางเก่งมากแล้ว
จากนั้นนางจึงมานั่งรอกินข้าวเช้าและไม่ได้เข้าไปช่วยมารดาในครัวแต่มานั่งเฝ้าบิดาในห้องนอนแทน ซ่งจิ้นเห็นบุตรสาวนั่งคิดอะไรอยู่ก็ไม่คิดรบกวน
เฟิงลี่กำลังคิดอะไรอยู่จริงๆ นางมองบิดาก่อนจะเห็นรายละเอียดของเขาขึ้นมา
-ชื่อ ซ่งจิ้น อายุ26ปี ค่าความดีปานกลาง สถานะบาดเจ็บบริเวณช่วงท้องด้านซ้าย เคยบาดเจ็บภายในหลายส่วนทำให้อัตราการฟื้นตัวต่ำลงกว่า50% คาดว่าอีก15วันจึงจะฟื้นตัว ประวัติส่วนตัว บ้านเดิมอยู่เมืองถังเป็นบุตรชายคนเดียวของบ้านสายรองตระกูลซ่ง บิดานามซ่งติงหู มารดา****(ไม่สามารถตรวจสอบได้) เพราะบิดามารดาเสียชีวิต เจ้าบ้านตระกูลตี้ผู้เคยติดหนี้บุญคุณมารดาของเขา จึงรับซ่งจิ้นมาเลี้ยงดูเมื่ออายุได้3ขวบ ไม่เคยรู้ภูมิหลังของตนเอง ***(อื่นๆรออัพเกรด)
เฟิงลี่มองประวัติของบิดาแล้วก็ได้แต่เอียงคอสงสัย สรุปแล้วเด็กผู้หญิงผู้นี้ ผู้มีนามว่าซ่งเฟิงลี่เหมือนชาติแรกของนาง กลับเป็นญาติห่างๆในตระกูลซ่งของนางเอง
แม้ตระกูลซ่งจะถูกตัดสินเป็นกบฎกันหมดและถูกฆ่าล้างไปแล้ว แต่กับญาติห่างๆที่ไม่ได้อยู่ในเมืองถังเช่นบิดานาง จึงไม่ได้โดนตัดสินโทษไปด้วย
นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ การที่นางมาเกิดอยู่ในตระกูลซ่งอีกครั้ง พระเจ้าต้องการให้นางชดใช้อะไรกันแน่? ชดใช้ที่บิดาในชาติแรกของนางทำเลวร้ายงั้นหรือ?
เฮ่อ เอาเถอะ เมื่อมาอยู่แล้วก็ต้องสู้กันต่อไป
“ถอนหายใจเป็นคนมีอายุไปได้” ซ่งจิ้นลูบหัวบุตรสาวเบาๆ เมื่อเห็นเด็กตัวเล็กๆถอนหายใจแล้ว ถอนหายใจอีก ช่างเป็นภาพที่น่าขันเสียจริง
“บิดา หิวหรือยังเจ้าคะ” เฟิงลี่ถอนตัวเองออกมาจากความคิด
“อื้ม เริ่มหิวแล้วแหละ”
“งั้นดื่มน้ำก่อนนะเจ้าคะ ดื่มเยอะๆ” ว่าแล้วก็ยกน้ำที่ตักมาจากในตุ่มให้บิดาอย่างเอาอกเอาใจ จากนั้นก็มานั่งเฝ้าต่อไป
เบื้องหน้าของนางตอนนี้คือวงล้อโชคลาภ ที่น่าแปลกใจคือนางมีคูปองให้สุ่มได้สามครั้ง!! มันมาจากไหนอีกอันล่ะ?
[ตอบโฮสต์ มันคือหนึ่งในสิ่งที่ปลดล็อกเมื่อแต้มบุญของท่านถึงระดับ] เฟิงลี่ได้ยินคำตอบก็เข้าไปดูในหน้าแจ้งเตือน ปรากฎว่ามีกล่องแจ้งเตือนอีกอันหนึ่ง
-ปลดล็อกวงล้อโชคลาภ สามารถหมุนได้ฟรีวันละหนึ่งรอบ
แค่เห็นเฟิงลี่ก็ดีใจแล้ว ต่อไปนางจะสามารถหมุนวงล้อโชคลาภได้ทุกวัน มิน่าล่ะ ถึงได้มีรางวัลขั้นต่ำอย่างเงิน100อีแปะ นั่นเพราะต่อไปในอนาคตนางจะได้หมุนวงล้อง่ายขึ้น ไม่ต้องรอแค่คูปองจากภารกิจอีกแล้ว
เฟิงลี่เปิดวงล้อขึ้นมา ก่อนจะจับหมับเข้าที่มือบิดาไว้แน่น ตั้งหน้าตั้งตาอธิฐานหลับตาปี๋
ซ่งจิ้นมองบุตรสาวอย่างขบขัน แต่อีกใจก็ค่อนข้างศรัทธาเพราะเข้าใจว่านางกำลังขอพรจากเทพเจ้า และท่านเทพอาจจะมอบของบางอย่างให้นางอีก
เฟิงลี่ไม่ได้รู้เลยว่า ในสายตาคนบ้านตระกูลซ่ง นางคือร่างทรงเทพตัวน้อยไปเสียแล้ว เพราะท่าทางเวลาที่นางทำก่อนจะหมุนวงล้อแห่งโชคลาภนี่แหละ
เมื่อท่องบทสวดได้จบแล้ว เฟิงลี่ก็ลืมตาขึ้นอย่างมุ่งมั่นและสะบัดมือออกไปอย่างแรง วงล้อก็หมุนขึ้นมาทันที
มันหมุน หมุน และก็หมุนจนน่าเวียนหัว แต่ไม่นานลูกศรก็หยุดลงอย่างช้าๆน่าตื่นเต้นเช่นเคย มันค่อยๆหยุด ค่อยๆหยุดระหว่างเงิน100อีแปะและบัตรรกำนัล ค่อยๆ ค่อยๆ อีกนิดก็จะถึงช่องบัตรกำนัลแล้ว อีกนิด…
แป่ว...100อีแปะจ้า
ครั้งแรกได้ร้อยอีแปะ ไม่เป็นไรเฟิงลี่ยังเหลืออีก2ครั้ง คราวนี้นางเรียกพี่ใหญ่เข้ามาและเริ่มร่ายบทสวดอีกครั้ง พ่อและพี่ชายล้วนมองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่รู้ว่าควรทำตามบุตรสาวหรือไม่
คราวนี้เฟิงลี่หมุนวงล้อเบาๆ รีแอคชั่นไม่ใหญ่นัก แค่สะบัดมือเบาๆครั้งหนึ่งและจดจ้องไปในอากาศอย่างใจจดใจจ่อ
ตี้จิงหรุยที่ยกถาดอาหารเข้ามา เห็นบุตรสาวจับมือซ่งเฟิงเอาไว้และทำท่าแปลกๆ นางก็รู้ว่าบุตรสาวกำลังบูชาท่านเทพตามความเข้าใจของนาง จึงไม่ได้รบกวนบุตรสาวและเริ่มตั้งโต๊ะด้วยตนเอง
วงล้อหมุนช้าลง ช้าลง ช้าลง ลูกศรค่อยๆเคลื่อนที่ช้าๆผ่านบัตรกำนัลไปที่เงิน1ตำลึง ผ่านเงิน1ตัวลึงไปที่อุปกรณ์ระดับS-A และก็ผ่านไปที่เงิน100อีแปะ ผ่านไปที่อุปกรณ์ระดับSSS-SS แล้วก็ผ่านไปที่เงิน10ตำลึง และผ่านไป ผ่านไป ผ่านไปแล้ว
อ๊ากกก ทำไมต้องผ่านไป เฟิงลี่เห็นนะว่าลูกศรมันใกล้หยุดเต็มทีแล้วแต่มันก็ยังอุส่าห์ผ่านของดีไปตั้งหลายช่อง ให้ตายเถอะ!!
สุดท้ายมันก็ไปหยุดที่...100อีแปะอีกแล้วจ้า~
คราวนี้เฟิงลี่หมดอารมณ์ลุ้นเลยทีเดียว นางเดินไปนั่งข้างมารดาบนโต๊ะอาหาร จับมือมารดาไว้และไหว้ปลกๆสามครั้ง ก่อนจะกระดิกนิ้วหมุนวงล้ออย่างเซ็งๆ
วงล้อหมุนอยู่ตรงหน้า แต่เฟิงลี่ไม่ได้สนใจแล้ว นางเริ่มหยิบตะเกียบกินข้าวอย่างไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมองวงล้อ และเก็บมันลงไปเมื่อมันหมุนเสร็จ
อย่าถามเลยว่าได้อะไร...100อีแปะอีกแล้วจ้า
ดูเหมือนว่าโชคของนางจะหมดลงที่ต้าฟางแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้นางมีแต้มอยู่50แต้มพอดี ถ้าใช้บัตรลดราคา50% นางจะสามารถซื้อเครื่องมือที่ราคา100แต้มได้
ไหนดูซิ...ตำราสมุนไพร อันนี้ตัดไปก่อน นางไม่ได้คิดจะเป็นหมอเหมือนนางเอกในนิยายที่ทะลุเวลามาแล้วต้องเป็นหมอๆ สักแต่จะเป็นหมอ ไม่เอาน่าเบื่อ ตัดไปๆ
โปรแกรมประเมินราคา อันนี้น่าสนใจเพราะนางตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะซื้อ แต่ว่า...อันสุดท้ายตำราฝึกยุทธ์ขั้นพื้นฐานระดับF นี่สิของน่าสนใจ แม้ว่านางจะไม่สามารถถ่ายทอดวิชาให้พี่ชายได้ แต่ถ้านางเป็นวรยุทธ์...ต่อไปบ้านนางก็จะไม่ถูกรังแกได้ง่ายๆอีกแล้ว
แถมถ้านางฝึกไปนานๆ นางก็จะสามารถเป็นจอมยุทธ์หญิงได้ เมื่อนั้นนางก็ไม่ต้องถูกจับไว้ในกรอบสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมอีกแล้ว!! ไม่ต้องหวังแต่จะพึ่งสามี หรือมองว่าสามีเป็นฟ้าของตนเองอีกต่อไป!
เอาล่ะ งั้นซื้ออันนี้แล้วกัน
เฟิงลี่เรียกบัตรกำนัลลด50%ออกมาฉีก ก่อนจะกดซื้อตำราการฝึกยุทธ์ขั้นพื้นฐานระดับF ความรู้เกี่ยวกับการฝึกวิชาก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของนางทันที
ขณะที่ปากก็เคี้ยวก้านผัก ตาก็เหม่อลอยเพราะกำลังมองความรู้ใหม่ในสมอง คนอื่นๆในครอบครัวได้แต่มองเฟิงลี่ด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็ไม่ได้รบกวนความคิดของนาง
เมื่อกินข้าวเสร็จ ซ่งเฟิงไม่ยอมให้น้องสาวล้างจาน เขารีบยกสำรับไปเก็บก่อนที่นางจะรู้สึกตัว กว่าเฟิงลี่จะรู้ตัวก็ผ่านไปเกือบชั่วยามแล้ว
นางกระพริบตาปริบๆเพื่อปรับสภาพให้ตนเองกลับมาในโลกแห่งความจริง หลังจากพินิจดูความรู้เกี่ยวกับวิชายุทธ์ไปแล้ว
[แนะนำโฮสต์ ท่านควรดื่มยาเพิ่มพลังใจ มันจะทำให้ท่านสามารถใช้งานตำราต่างๆของระบบได้ง่ายขึ้น อัตราความเข้าใจจะมากขึ้น]
อ้อ...นั่นเพราะเฟิงลี่ยังไม่ได้ดื่มยาเพิ่มพลังใจสินะ นางชั่งใจก่อนจะดื่มทั้งขวด เพราะในเงื่อนไขของตำรากายวิภาค จำเป็นต้องดื่มยาเพิ่มพลังใจ10หยด(1ขวด) หากคราวหน้านางได้รับราววัลเป็นยาเพิ่มพลังใจมาอีกก็ค่อยแบ่งให้ครอบครัวแล้วกัน
หลังจากดื่มยาเพิ่มพลังใจเข้าไป เฟิงลี่ก็นั่งสมาธิอยู่ข้างที่นอนของบิดา เพราะเตียงของบ้านนี้จะเป็นขนาดใหญ่ติดผนัง สามารถนอนได้หลายคนอยู่แล้ว
เพราะในวิชายุทธ์จำต้องสัมผัสพลังปราณในอากาศรอบๆกายให้ได้ก่อน จากนั้นก็ต้องรู้ว่าจุดลมปราณของตนเองเป็นลักษณ์เช่นไร ขั้นนี้เรียกว่าการสำรวจ
ส่วนขั้นการฝึกร่างกายนั้นเฟิงลี่คิดจะทำในตอนเช้าตามที่ตำราแนะนำ
เด็กหญิงนั่งเหงื่อผุดอยู่บนเตียง ขณะที่บิดา มารดา และพี่ชาย แวะเวียนมามองเด็กน้อยด้วยความสนอกสนใจ แต่ก็ไม่คิดขัดจังหวะการกระทำของนาง อีกทั้งยังสนับสนุนด้วยการเงียบให้ถึงที่สุด
กระทั่งใกล้เที่ยงเฟิงลี่จึงออกจากสมาธิ เหงื่อไคลไหลโทรมกายจนเสื้อแนบแผ่นหลังของนางจนรู้สึกได้ เฟิงลี่เห็นบิดามองมายิ้มๆ นางจึงยิ้มให้เขา
โดยที่ไม่รู้เลยว่า ครอบครัวของนางคิดว่านางกำลังบำเพ็ญตนเพื่อขึ้นเป็นเทพ!!! นี่เรื่องใหญ่เลยนะ! ดังนั้นครอบครัวก็ต้องช่วยสนับสนุนนางสิ!!
ชาวบ้านช่างไร้เดียงสาเสียจริง~