“ทำอะไรกิน หอมจังครับ” คนขี้อ้อน ชะโงกหน้าเข้าไปดู ก่อนจะวางคางที่ไหล่ละมุนของเธอด้วยท่าทีออดอ้อน
“พี่ปริญถอยออกไปก่อนสิคะ หนูทำอาหารไม่สะดวก”
“เบื่อพี่เหรอ” เขาเอ่ยถาม
“ไม่ได้เบื่อค่ะ แต่หนูกลัวพี่จะโดนกระทะร้อน ๆ ของหนูค่ะ” เธอทำเสียงดุนิด ๆ เขาก็ยอมถอยให้ ก่อนจะมองเธอตาลอยด้วยสายตารักใคร่
“ทำอาหารเก่งจังเลยครับ หอมน่ากินเสียจริง เมียใครนี่” เขาเอ่ยชมขณะรับประทานอาหารที่เธอจัดเรียงสวยงามอยู่บนโต๊ะ
“ไม่รู้จะถูกปากพี่ปริญหรือเปล่านะคะ” คนพูดหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“อร่อยมากครับ” เขาเอ่ยชม
“อร่อยก็ต้องกินเยอะ ๆ นะคะ” เธอยิ้มหวานให้เขา
“ยังเสียใจเรื่องคู่หมั้นเลว ๆ คนนั้นอยู่อีกเหรอ”
“ไม่ได้เสียใจหรอกค่ะ”
“เห็นทำหน้าเศร้า” เขาเห็นเธอยิ้มแล้วก็ทำหน้าเศร้า
“หนูเศร้าเพราะกังวลน่ะค่ะ สองแม่ลูกนั่นคงกำลังคิดแผนการชั่วร้ายทำอะไรอยู่อีกแน่ ๆ”
“เราไม่มั่นใจในตัวพี่เหรอ พี่บอกแล้วไงว่าจะช่วยเราเอง” เขากุมมือเธอเอาไว้
“หนูมั่นใจในตัวพี่ปริญค่ะ” เธอมองเขาตาหวาน
“มองพี่แบบนี้งั้นไปกันเถอะครับ”
“ปะ... ไปไหนคะ”
“ไปเข้าห้องนอนกันไงครับ”
“พี่ปริญน่ะหื่น หนูยังกินอยู่เลย”
“พี่ล้อเล่นครับ” เขาหัวเราะเบา ๆ ที่ได้แกล้งเธอ สมัยก่อนเขาก็ชอบแกล้งเธอแบบนี้แหละ
“พี่ปริญน่ะ” เธอค้อนเขา ก่อนที่เสียงข้อความจากโทรศัพท์จะดังขึ้น ปริญอ่านสักครู่ก่อนจะส่งให้หญิงสาวดู
“พี่ให้ลูกน้องสืบมาแล้ว บริษัทและทรัพย์สินของเราน่ะยังอยู่ดีมีสุขไม่ได้ล้มละลายหรือเป็นหนี้นะ”
“โล่งไปค่ะ” พัดชาถอนใจอย่างโล่งอก
“พี่จะจัดการทุกอย่างให้เราเอง” เขากุมมือของเธอเอาไว้ มองสบตาเธออย่างลึกซึ้ง
“หนูต้องเริ่มต้นจากการทำอะไรก่อนคะพี่ปริญ” เธอเอ่ยปรึกษาเขา ตอนนี้มืดแปดด้านไปหมด เพราะดวงดาวกุมทุกอย่างในบ้านเอาไว้
“เริ่มต้นจากรับรักพี่ก่อน แล้วก็แต่งงานกับพี่ มาเป็นผู้หญิงของพี่ แล้วพี่จะจัดการทุกอย่างให้ครับ”
“พี่ปริญ” เธอตกใจอยู่มาก ไม่คิดว่าเขาจะขอแต่งงาน
“ตกใจเหรอครับ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ”
“เราไม่ได้รักพี่นี่นา พี่ทำแบบนี้เป็นการบังคับเราไปหรือเปล่า แต่ถ้าเราไม่อยากแต่งงานกับพี่ พี่ก็ไม่บังคับเราหรอกนะ”
“แล้วถ้าไม่แต่งงานพี่ปริญจะช่วยหนูไหมคะ”
“ช่วยสิ พี่ไม่ได้คิดแค่ว่าต้องเป็นเจ้าของเราหรอกนะ ถ้าเราไม่ยินยอมพี่ก็ไม่บังคับ พี่อยากให้ผู้หญิงที่พี่รักมีความสุขที่สุด สิ่งไหนที่เราว่าดีพี่ก็จะสนับสนุน ตอนที่พี่อกหักจากเรา พี่รู้ว่าเรามีคู่หมั้นอยู่แล้ว พี่ก็ถอยให้เพราะเราเลือกแล้ว แต่พี่ก็คอยตามดูเราอยู่ตลอดนะ”
“พี่ปริญตามดูหนูทำไมคะ”
“ก็เพราะว่าเราเป็นหลานเหลนรหัสของพี่ไง”
“เหรอคะ” เธอครางออกมา นึกว่าเราจะสารภาพเธอแบบหวาน ๆ เสียอีก
ปริญยิ้มในหน้าที่เห็นสีหน้าของสาวน้อย ความจริงเธออ่านง่ายมาก ไม่ได้สลับซับซ้อนเหมือนผู้หญิงหลายคน เขาเองก็พอรู้ว่าเธอเองก็พอมีใจให้เขา แต่ยึดมั่นคำผู้ใหญ่เรื่องการหมั้นหมาย ถึงได้ปฏิเสธเขาในวันนั้น เขาเองก็ไม่เอาแต่ใจ เพราะสิ่งไหนที่ทำให้เธออึดอัดเขาจะไม่ยอมทำมันเด็ดขาด
“แต่มีอีกอย่างที่สำคัญ”
“อะไรเหรอคะ”
“ที่พี่ตามดูเราก็เพราะว่าพี่เป็นห่วง และยังรักเราอยู่เสมอ” ใบหน้าที่เศร้าไปในครั้งแรกก็บังเกิดความเขินอายขึ้นมาในทันที อาจเพราะเธอเองก็รักเขามาก ๆ เช่นกัน
“แล้วเราล่ะ ยังไม่เคยบอกพี่ตรง ๆ เลยว่ารู้สึกยังไงกับพี่ นอกจากปฏิเสธพี่วันนั้น”
“คือว่าหนู”
“คืออะไรครับ แต่ถ้าปากไม่ตรงกับใจพี่จะจับเราทำโทษ”
“พี่ปริญนะ” คนอะไรดูดีทุกระเบียบนิ้ว แต่มาทำท่าหื่นกับเธอนี่นะ
“ตอบสิครับ พี่รอฟังอยู่นะ ตอบให้ชื่นใจหน่อย”
“หนูเองก็แอบชอบพี่ปริญค่ะ”
“งั้นพี่ต้องให้รางวัลแล้วล่ะ”
“คะ... คืออะไรคะ” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ก็เราบอกว่าชอบพี่ก็ต้องให้รางวัล”
“ไหนพี่บอกว่าตอบไม่ตรงคำถามจะทำโทษ พอตอบตรงกับใจก็จะโดนอีกแล้วเหรอ” เธอทำหน้าเหยเก
“ใช่ครับ โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง” เขาหัวเราะเบา ๆ สรุปเธอไม่สามารถหนีพ้นไปจากบทพิศวาสแสนหวานและเร่าร้อนของเขาได้ เป็นอันว่าต้องนอนระทดระทวยอยู่บนเตียงจนถึงตอนเย็น ดังนั้นอาหารมื้อค่ำแสนอร่อยจึงเป็นอาหารจากโรงแรมชื่อดัง มาส่งให้ถึงคอนโดฯ เพราะเธอลุกไปทำอาหารไม่ไหวนั่นเอง
ปริญเป็นผู้ชายที่น่ารัก เขาดูแลเธออย่างดี ทั้งเรื่องการเป็นอยู่ อาหารการกิน และทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ
เธออายุครบยี่สิบปีแล้ว วันเกิดถูกจัดขึ้นก่อนบิดาเสียไม่ถึงเดือน ดังนั้นบรรลุนิติภาวะแล้ว เธอจึงตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับเขา
การจดทะเบียนสมรสในตอนนี้สามารถยังสามารถใช้คำนำหน้าว่านางสาวได้อยู่ ใช้นามสกุลเดิมได้อยู่ ไม่มีการบังคับให้เปลี่ยนเป็นนางหรือเปลี่ยนนามสกุลตามสามี หากฝ่ายหญิงไม่ต้องการ และเขาเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะบังคับให้เธอทำเช่นนั้น
“เราจะไปหาใครกันเหรอคะพี่ปริญ”
“คุณลุงสมชาย ทนายของคุณพ่อเราไง ท่านติดต่อพี่มาแล้ว เห็นว่าฝั่งโน้นพยายามติดต่อมาเหมือนกัน”