“โอ๊ย! นี่แกเป็นใคร ผัวใหม่อีนี่เหรอ ฉันเจ็บนะ ฉันจะเอาเรื่องแก” ดาราด่ากราด
“อย่าทำร้ายผู้หญิงของผม ไม่งั้นจะหาว่าผมไม่เตือน” ปริญพูดเสียงกร้าว ดวงตาดุคมทำให้ดาราผงะ
“พี่ปริญ” พัดชาดีใจที่ปริญมาช่วยเธอได้ทัน
“เป็นยังไงบ้าง” ปริญเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย พลางสำรวจร่างกายของพัดชาอย่างละเอียด
“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ”
“ผัวใหม่แกนี่มันดีจริง ๆ เลย ได้กันคืนนั้นหรือว่าได้กันตอนไหน คุณรู้ไหมว่านังนี่มันสำส่อนผ่านผู้ชายมานักต่อนักแล้ว” ดารายังปั้นน้ำเป็นตัวโกหกคำโต นั่นทำให้ปริญมีสีหน้ากระด้าง
“คนที่ผ่านผู้ชายมานักต่อนักน่าจะเป็นคุณมากกว่า”
“กรี๊ด ไอ้บ้าแกด่าฉันอย่างนั้นเหรอ”
“นั่นสิ มีกันอยู่แค่นี้คิดว่าด่าใครล่ะ” ปริญถามกลับสีหน้ากระด้าง
“ไอ้ปากปีจอ นี่ผัวใหม่แกเหรอนังพัดชา ปากโสโครกยังกับมาจากสลัม ที่แต่งตัวดีนี่ปลอมทั้งนั้นใช่ไหม สันดานต่ำสถุนแบบนี้ แกไปคว้ามาจากไหน” ดาราทำท่ารังเกียจปริญ
“ปกติผมไม่เคยด่าผู้หญิงมาก่อน แต่ผมดูคน ผู้หญิงแบบคุณนอกจากด่ากลับแล้ว ถ้าขืนมาทำอะไรผู้หญิงของผมอีก ผมไม่เอาคุณไว้แน่” ปริญเอ่ยเสียงเข้ม สีหน้ากระด้างจนดุดัน ทำให้ดาราต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดหวั่น
“มีอะไรกัน” ดวงดาวที่เดินมาพร้อมกับนรินทร์เอ่ยถามบุตรสาว
“ก็ไอ้สถุนนี่สิคะคุณแม่มันด่าหนู แถมยังผลักหนูอีก”
“ใครกัน อ้าว... พัดชาเธอมางานศพทนายสมชายด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่แค่มางานศพ แต่พัดชาคือเจ้าภาพจัดงานศพให้ทนายสมชาย” ปริญบอกทุกคน
“ตลกเสียจริง ลูกเลี้ยงของฉันมันจะมีเงินที่ไหนมาจัดงานศพ มันน่ะไม่มีเงินเลยสักบาท แถมยังเคยขายตัวนอนกับผู้ชายมาก่อน คุณคงเข้าใจอะไรผิดกระมัง” สองแม่ลูกหัวเราะประสานกันระงม
“หัวเราะให้เยอะ ๆ นะครับ เพราะต่อไปอาจจะไม่ได้หัวเราะอีก”
“แกหมายความว่ายังไง” ดวงดาวกระชากเสียงถาม
“ใครทำอะไรเอาไว้ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ ไปกันเถอะครับ พระกำลังสวดพอดี” ปริญเอ่ยกับหญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจ
“ค่ะพี่ปริญ” ท่าทีของคนทั้งสองที่พูดกันไปมาทำให้นรินทร์อิจฉาจับใจ เลิกกับเขาไปไม่ทันไร พัดชาก็มีผู้ชายคนใหม่อย่างนั้นเหรอ กับเขาหวงเนื้อหวงตัว แต่กับหมอนี่ยอมให้มันโอบกอด นรินทร์รู้สึกหงุดหงิดจนแทบฆ่าคนได้
“พี่นรินทร์คะ มันผลักดา พี่นรินทร์จัดการมันเลยค่ะ คิดว่าแกทำฉันแล้วคนรักของฉันจะปล่อยให้แกเดินไปกับนังแพศยานี่ง่าย ๆ เหรอ”
นรินทร์เข้าไปจะจัดการกับปริญ ตอนนี้เขาร้อนเงินสองแม่ลูกมีเงินให้เขาก้อนใหญ่ สองแม่ลูกว่าอะไรเขาก็ต้องทำ
ปริญสวนหมัดเข้าใส่ นรินทร์ก็ทรุดฮวบลงไปกองอยู่กับพื้น
“นี่แกกล้าต่อยฉันอย่างนั้นเหรอ”
“หมัดนี้สำหรับที่แกหักหลังผู้หญิงอย่างพัดชา ผู้หญิงที่ซื่อสัตย์กับแกมาตลอด แต่จริง ๆ แล้วฉันคิดว่าพัดชาโชคดีที่ไม่ต้องแต่งงานกับคนแบบแก แกเผยธาตุแท้ให้เห็นตอนนี้ ก็ยังดีกว่าอยู่กันไปแล้วเผยธาตุแท้ออกมา ถ้าเป็นอย่างหลักพัดชาคงช้ำใจตาย” ปริญพูดเสียงเข้ม
“พี่นรินทร์เป็นยังไงบ้างคะ” ดารารีบเข้าไปประคองผัวรัก แม้ตอนนี้เธอกับแม่จะร่ำรวยขึ้นมามาก และหมายตาผู้ชายคนใหม่เอาไว้ แต่นรินทร์ก็ยังเป็นผู้ชายที่ร่ำรวย เธอตั้งใจแย่งมาจากพัดชา ดูดเงินนรินทร์หมดตัวเมื่อไหร่ค่อยเลิกก็ยังไม่สาย
“แก ฉันจะฆ่าแกซะ” นรินทร์พูดด้วยความโกรธ
“อย่าดีกว่า” ปริญเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนที่ลูกน้องของปริญจะเดินเข้ามาประกบเจ้านายเอาไว้ แล้วยกเสื้อให้ดูว่าอะไรเหน็บอยู่ที่เอว นี่ในงานศพเขาเองก็ไม่อยากให้มีเสียงปืนผาหน้าไม้ดังขึ้น
สามแม่ลูกตาเหลือก เพราะตัวเองไม่ได้มีลูกน้องแบบนี้หรอก มีแค่เรียกใช้และจ้างเป็นงาน ๆ ไป เท่านั้น นรินทร์เองก็ดูมีเงิน แต่ไม่ได้มีอิทธิพลถึงขนาดจ้างลูกน้องหรือบอดี้การ์ดคอยตามติดขนาดนั้น
ปริญพาพัดชาเดินเลี่ยงออกมา ทำให้สองแม่ลูกเจ็บใจยิ่งนัก
“คุณแม่คะทำไมนังพัดชามันโชคดีแบบนี้ ได้ผัวใหม่หน้าตาดี แถมยังมีลูกน้องหน้าโหดเป็นบอดี้การ์ดอีก มันต้องรวยมากแน่ ๆ เลยค่ะคุณแม่” ยิ่งได้ยินประโยคนั้น ก็ยิ่งทำให้นรินทร์หงุดหงิดใจเข้าไปอีก
“แม่จะจ้างให้คนไปเก็บพวกมันซะ แต่หลังจากที่เราเปิดพินัยกรรมแล้วนะลูก อดทนหน่อยพรุ่งนี้ก็เผาศพไอ้แก่สมชายแล้ว เราก็ไม่มีหนามยอกอกอีกแล้ว” ดวงดาวเอ่ยกับบุตรสาว ซึ่งนรินทร์เองก็ฟังอยู่เงียบ ๆ เขาได้เงินเมื่อไหร่ก็พร้อมตีจากสองแม่ลูกเหมือนกัน
หลังจากเผาศพของทนายสมชายเสร็จเรียบร้อย สองแม่ลูกก็เตรียมเปิดพินัยกรรม โดยจัดงานแถลงข่าวเพราะเป็นคนดัง
โดยสร้างเรื่องขึ้นมาว่าพบกับพินัยกรรมด้วยความบังเอิญ พอตรวจสอบก็เป็นของจริง จึงให้ทนายเดชาจัดการทุกอย่างให้และเปิดพินัยกรรมให้สื่อมวลชนได้รับรู้ เพราะทรัพย์สินของตระกูลเนตรปรีชารัตน์เป็นจำนวนมหาศาล ทุกคนก็อยากรู้ว่าใครจะได้อะไรบ้าง
พินัยกรรมที่ทนายเดชาอ่านต่อหน้าสื่อมวลชนนั้นทำให้ทุกคนฮือฮาเพราะพีรพงศ์ยกทรัพย์สมบัติทุกอย่างให้ดวงดาวผู้เป็นภรรยาแต่เพียงผู้เดียว