บทที่ 4 ตรวจสอบบัญชี
ยามเช้าของวันต่อมาฟางเหลียนออกจากจวนไปร่วมประชุมเช้าที่วังหลวง หลังจากเสร็จสิ้นจึงกลับมาที่จวน ก็พบว่ายามนี้บ่าวไพร่กำลังวุ่นวายอยู่ในจวน เดินขวักไขว่กันไปมา เมื่อมองไปก็เห็นฟางเมี่ยวบุตรสาวของเขาที่กำลังยืนชี้นิ้วสั่งงานเหล่าบ่าวไพร่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เขาขยี้ตาตนคราหนึ่ง นี่บุตรสาวเขาเสียใจที่มารดานางตายจนสติฟั่นเฟือนไปแล้ว?
ยามนี้มิใช่ว่านางต้องออกนอกจวนไปผลาญเงินเขาเล่นหรอกหรือ?
เอาเถิด เป็นเช่นนี้ก็ดีมิใช่หรือ?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงเดินตรงไปหาบุตรสาวตนทันที
"เมี่ยวเอ๋อร์"
"ท่านพ่อ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ลู่ชิง ยกน้ำชามาให้ท่านพ่อดื่มดับกระหาย"
บริการน้ำชาด้วย!!!!
เสนาบดีฟางเหลียนคล้ายไม่คุ้นชินกับท่าทางเอาอกเอาใจเช่นนี้ของฟางเมี่ยวเอาเสียเลย เขารับถ้วยชามาดื่มจนหมดจอก ก่อนจะเอ่ย
"เมี่ยวเอ๋อร์ เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ?"
"อ้อ ลูกกำลังจัดการจวนใหม่เจ้าค่ะ อีกไม่นานพี่ใหญ่ก็จะกลับมาที่จวนแล้ว นี่พวกเจ้า!!ตัดต้นสาลี่ต้นนั้นออกด้วย"
เสนาบดีฟางเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยทันที
"ไม่ได้นะ สาลี่ต้นนี้แม่เล็กซางของเจ้าชอบมาก"
ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปยิ้มตาหยี
"แต่ลูกไม่ชอบนี่เจ้าคะ หรือว่าท่านแม่ตายไปแล้ว ท่านพ่อจึงคิดจะทำให้ลูกลำบากใจ"
"ไม่ใช่!!เมี่ยวเอ๋อร์ พ่อไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่ไหนแต่ไร มีหรือที่พ่อเคยขัดใจเจ้าน่ะ"
"เช่นนั้นก็ตัดทิ้งสิเจ้าคะ ตัดทุกต้นที่แม่เล็กซางชอบ อ้อ ตัดทุกต้นที่เหล่าอนุของท่านพ่อชอบไปด้วยเลย เหลือเพียงต้นไม้ที่ท่านแม่ชอบก็พอ พวกเจ้าจงฟัง ผู้ใดตัดไวถูกใจข้า ข้าจ่ายเลยคนละห้าสิบอีแปะ"
เหล่าบ่าวไพร่ที่ได้ยินเช่นนี้ต่างพากันสูดปากทันที นี่มันเงินมิใช่น้อยเลย
เสนาบดีฟางเหลียนลอบถลึงตาใส่บ่าวไพร่ในจวนทันที แต่ทว่าเมื่อเห็นว่าบุตรสาวตนมองอยู่จึงเปลี่ยนใบหน้าเป็นยิ้มแย้มเห็นด้วยในทันใด
จะให้ทำเช่นไรเล่า ก็ฟางเมี่ยวเปรียบเสมือนดวงใจของเขานี่นา
หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ต้นไม้ในจวนที่เหล่าอนุชื่นชอบก็ถูกตัดทิ้งจนหมด เสนาบดีฟางเหลียนทำได้เพียงยิ้มแห้ง ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดให้มากความ เขารู้ดีว่าบุตรสาวตนยามที่นางโมโหอาละวาดเป็นเช่นไร!!!
เมื่อจัดการทุกอย่างแล้ว ฟางเมี่ยวจึงเข้ามานั่งสนทนากับบิดาตนในเรือนใหญ่ ไม่นานนักอนุซางก็เข้ามาพร้อมกับหีบใหญ่ใบหนึ่ง เสนาบดีฟางเหลียนที่เห็นเช่นนั้นจึงหันมาเอ่ยถามฟางเมี่ยวทันที
"เมี่ยวเอ๋อร์ เจ้าให้แม่เล็กซางนำหีบนี่มาทำไมกัน? พ่อจำได้ว่ามันคือหีบเก็บสมุดบัญชีของกิจการในจวนเราไม่ใช่หรือ"
"อ้อ ลูกลืมบอกท่านพ่อไปเจ้าค่ะ นับแต่วันนี้ไปลูกจะเรียนรู้งานกิจการของท่านแม่ทั้งหมด ท่านแม่เป็นบุตรสาวจวนคหบดี ลูกเองก็เป็นบุตรสาวของท่านแม่ ย่อมต้องสานต่อกิจการทั้งหมดต่อจากท่านแม่"
ผีเข้าบุตรสาวเขาหรือไร อยู่ดีๆจะลุกมาสานต่อกิจการเช่นนี้!!
"เอ่อ เรื่องนี้แม่เล็กเจ้าดูแลอยู่ เจ้ายังไม่รู้ความ..."
"แล้วอย่างไรเจ้าคะ แม่เล็กก็เห็นชอบนี่ ใช่หรือไม่แม่เล็กซาง?"
อนุซางหมดคำจะกล่าว นางจะตอบว่าไม่เห็นชอบได้หรือ!!!
"เอ่อ ท่านพี่ เรื่องนี้ข้าเต็มใจเจ้าค่ะ"
ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี
"เห็นหรือไม่เจ้าคะท่านพ่อ แม่เล็กน่ะซื่อสัตย์ ไม่โลภหวังผลจากลูก วันนี้ลูกจึงให้นางมาช่วยสอนลูกที่นี่ ต่อหน้าท่านพ่อ แม่เล็กซาง ท่านว่าดีหรือไม่?"
"ดีเจ้าค่ะ"
ฟางเมี่ยวพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี
หึ!!คิดว่านางไม่รู้หรือ หากสอนกันตามลำพังอนุซางย่อมสอนนางมั่วๆเป็นแน่
เรื่องอันใดจะยอมกัน!!!
"เช่นนั้นก็ส่งบัญชีทั้งหมดมา ให้ข้าดู"
อนุซางแขนขาอ่อนแรงแล้ว นางไม่กล้ามีปากมีเสียงทำได้เพียงส่งสมุดบัญชีทั้งหมดให้แก่ฟางเมี่ยว
ฟางเมี่ยวเปิดดูทีละหน้า ภาพที่ท่านแม่เฝ้าสั่งสอนนางพลันปรากฏขึ้น นางจำได้ทั้งหมด แม้จะดูเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ทว่านางก็จำได้ว่าสินเดิมของท่านแม่มีเท่าใด
เหตุใดนางจึงจำได้น่ะหรือ
เพราะชาติก่อนนางเอาแต่ลักขโมยเงินท่านแม่ไปซื้อของให้เย่จิ้นหยางน่ะสิ หากขโมยจากห้องนอนไม่ได้ นางก็จะไปไถเงินเอากับผู้ดูแลร้าน เปิดบัญชีดูว่าท่านแม่มีของมีค่าใดที่นางจะเอาไปประจบเอาใจเย่จิ้นหยางได้บ้าง
เฮ้อ ข้านี้สารเลวใช้ได้เลยจริงๆ
ฟางเมี่ยวเปิดพลิกดูสมุดบัญชีทีละหน้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะต้องขมวดคิ้วมุ่น
"เอ๋? คล้ายว่าสมุดบัญชีร้านผ้าไหมนี่จะไม่ถูกต้อง ก่อนท่านแม่จะจากไปข้าจำได้ว่าเพิ่งรับผ้าไหมเจียงหนานมาหลายพับ เหตุใดจึงเหลือไม่ถึงสิบพับเล่า แม่เล็กให้คนในร้านขายออกไปแล้วหรือ แล้วเหตุใดจึงไม่มีบันทึกรายรับเล่า?"
อนุซางเริ่มหน้าซีดเผือดแล้ว แต่ทว่าฟางเมี่ยวกลับไม่ใส่ใจ นางตรวจดูสมุดบัญชีเล่มต่อไปอย่างตั้งใจ
"โอะ ภัตตาคารที่ท่านแม่เปิดเมื่อสามปีก่อน รับพ่อครัวคนใหม่มาหรือ แซ่ซาง แซ่เดียวกับแม่เล็กเลย ตายจริง ค่าจ้างเดือนละสิบตำลึงเชียวหรือ แพงไปหรือไม่?"
ฟางเมี่ยวทำท่าทีตกใจใหญ่โต พลางยกมือขึ้นปิดปากตนคล้ายคนทำสิ่งใดไม่ถูก เสนาบดีฟางเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางจ้องมองอนุซางคราหนึ่ง
ฟางเมี่ยวยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยต่อ
"โรงน้ำชานี่ สามเดือนก่อนเพิ่งรับชาชั้นดีเข้ามาใหม่ เดิมทีจะต้องทำรายได้ไม่น้อย เหตุใดยอดจึงต่ำลงเล่า ท่านพ่อดูสิเจ้าคะ ร้านค้าอีกสิบกว่าแห่งก็ยอดต่ำลง ไม่มีบันทึกรับทั้งที่มีของเข้าไม่ขาด บันทึกขายออกก็ไม่มี!!!"
อนุซางขาสั่นแล้ว นางไม่คิดว่าฟางเมี่ยวจะรู้ดีเช่นนี้ เมื่ออับจนหนทางนางจึงคิดว่ายอมสารภาพเสียดีกว่า ท่านพี่เมตตารักใคร่นางย่อมต้องไม่เอาผิดนางเป็นแน่
"ฮือ คุณหนู ท่านพี่ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ฮึก ระยะนี้ตระกูลซางค่อนข้างลำบาก ข้าจึง เอ่อ แบ่งไปช่วยเหลือ.."
"เหลวไหล!!ข้าอุตส่าห์ไว้ใจเจ้า ให้เจ้าดูแลกิจการแทนอดีตฮูหยิน แต่เจ้ากลับชั่วช้าโลภมากเช่นนี้หรือ!!!"
"ฮือ ท่านพี่!!!"
ฟางเมี่ยวจ้องมองอนุซางด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ย
"เจ้าสับเปลี่ยนคนของท่านแม่ข้า คิดว่าข้าดูไม่ออกหรือ ข้าจะส่งคนไปตามเรียกคนของท่านแม่ข้ากลับมาให้หมด ข้าจะใช้งานพวกเขา ส่วนคนของเจ้าข้าจะขายทิ้งให้หมด รวมถึงตัวเจ้าด้วย"
"ฮือคุณหนู ท่านพี่ โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!!!"
เสนาบดีฟางเหลียนนั้นเดิมทียังมีใจชอบพอต่ออนุซางอยู่บ้าง ด้วยท่วงท่าที่เผ็ดร้อนของนางทำให้เขานึกเสียดายไม่น้อย
อนุซางที่เห็นเช่นนั้นจึงก้มกายลงต่ำ เผยให้เห็นร่องอกขาวเนียนของตน เสนาบดีฟางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เป็นจังหวะเดียวกับที่ฟางเมี่ยวหันมาเห็นเข้าพอดี
"ท่านพ่อคอแห้งหรือเจ้าคะ?"
"เอ่อ"
"ลู่ชิง ยกน้ำชามาให้ท่านพ่อ ให้ดื่มจนกว่าจะหายคอแห้ง"
เสนาบดีฟางเหลียนยิ้มแห้ง ไม่ไปสนใจอนุซางอีก อย่างไรนางก็ทำผิด หากจะต้องเลือก อย่างไรบุตรสาวของเขาย่อมสำคัญกว่าอยู่ดี
"เมี่ยวเอ๋อร์ อย่างไรก็ต้องเห็นแก่หน้าตระกูลซาง"
ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปส่งยิ้มเย็นชาให้บิดาตนคราหนึ่ง
"แล้วตระกูลซางเคยเห็นแก่หน้าลูกหน้าท่านแม่ของลูกบ้างหรือไม่เจ้าคะ นางยักยอกสินเดิมของท่านแม่ไปไม่น้อย ใช้ความไว้ใจของท่านแม่มาเอาเปรียบพวกเรา หรือท่านพ่อยังจะเก็บนางไว้ เห็นนางดีกว่าลูก!!!"
“แต่อย่างไรเจ้าก็เคยสนิทสนมกับนางไปมาหาสู่....”
“ท่านพ่อกำลังทำให้ลูกมีโทสะนะเจ้าคะ”
เมื่อเห็นท่าทีที่ราวกับอยากจะอาละวาดฆ่าคนของฟางเมี่ยว เสนาบดีฟางเหลียนจึงจำต้องตัดสินใจ
"ส่งอนุซางกลับจวนตระกูลซาง นับจากนี้อย่าได้เสนอหน้ามายุ่งเกี่ยวกับตระกูลฟางอีก"
"ท่านพี่!!!"
ฟางเมี่ยวรีบยกมือขึ้น ก่อนจะเอ่ย
"ช้าก่อน เมื่อครู่ข้าเห็นแม่เล็กก้มหน้าลง เสื้อผ้าดูสวมใส่ไม่เรียบร้อย คงเตรียมพร้อมที่จะมารับโทษโบยสินะ เด็กๆลากนางไปโบยยี่สิบไม้ แล้วค่อยส่งนางกลับจวน"
"เมี่ยวเอ๋อร์ จะเกินไปแล้วนะ!!!"
"เฮ้อ จานชามลายครามที่ท่านพ่อเพิ่งได้มาใหม่ช่างสวยงามยิ่งนัก วันนี้ลูกรู้สึกเบื่อ อีกเดี๋ยวขอเขวี้ยงจานชามเหล่านั้นเล่นระบายอารมณ์ได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากรู้ว่ามันจะทนทานหรือว่าสวยงามแต่เปราะบางกันแน่"
ฟางเมี่ยวเอียงคอจ้องมองบิดาตนพร้อมกับยิ้มตาหยีเสนาบดีฟางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ย
"มัวทำสิ่งใดกัน ไม่ได้ยินที่คุณหนูเอ่ยหรือ!!! ลากนางไปโบย!!!"
"ท่านพี่!!!"
เรื่องอันใดเขาจะยอมเสียจานชามลายครามไปกัน ลูกบัดซบ!!!
"ท่านพ่อกำลังก่นด่าลูกในใจอยู่หรือเจ้าคะ?"
"ผู้ใดว่ากัน พ่อกำลังชมว่าเจ้าเก่งขึ้น จัดการทุกอย่างในจวนได้อย่างเรียบร้อย ฮ่าๆ พ่อไม่สบายตัว ขอไปนอนพักก่อนนะ"