Chapter 1: หูสุนัข
ค่ำคืนส่วนใหญ่จะมืดมิด แต่คืนนี้มันกลับแจ่มจ้าเนื่องจากแสงจันทร์เต็มดวงกระจ่างฟ้าทำให้เห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน หากใครเดินทางสัญจรผ่านไปมาที่ถนนเปลี่ยวแห่งนี้คงไม่อาจหลบเลี่ยงที่จะเห็นร่างน้อยของเด็กหญิงตัวอ้วนกลมวัยห้าขวบที่นั่งอยู่กลางทางเดินได้
‘ทางเดิน’ ที่เด็กหญิงตัวน้อยนั่งอยู่เป็นทางสำหรับเดินจริง ๆ มันเป็นเพียงที่ถางออกพอให้เห็นเป็นเส้นทางกลางป่าหญ้าที่มีทั้งหญ้าคาและแฝกหอมขึ้นสลับกันสูงราวเมตรหนึ่งเห็นจะได้
สภาพของเด็กหญิงดูสะบักสะบอม ผมหยิกยาวถึงกลางหลังพันกันยุ่งเหยิงดูกระเซอะกระเซิง ชุดกระโปรงสีชมพูที่น่าจะดูสวยก่อนที่มันจะฉีกขาดรุ่งริ่งมีรอยเลือดเปื้อนอยู่เป็นวงทั้งใหญ่เล็กกระจายไปทั่ว เด็กหญิงนั่งตัวสั่น น้ำตาไหลพราก เธอนั่งคุดคู้เงยหน้ามองดวงจันทร์อยู่เป็นพัก ๆ เหมือนจะอธิษฐานให้จันทร์เต็มดวงกลายเป็นพระอาทิตย์สดใสให้เร็วยิ่งขึ้น
บรู๊ววววววววววววว!
เสียงหอนของหมาป่าดังมาแต่ไกล เด็กน้อยรีบยกสองมือขึ้นมาปิดหูแล้วหลับตาปี๋ จากนั้นเสียงฝีเท้าของสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังแหวกพงหญ้ามุ่งตรงมาเธอก็ดังขึ้น
เด็กน้อยทั้งหวาดกลัวทั้งอ่อนแรง อยากจะวิ่งหนีแต่นี่คงไกลที่สุดที่เธอจะหนีได้แล้ว เธอจึงตัดสินใจก้มหน้าลงแนบเข่านั่งตัวงอราวกับเป็นทารกในครรภ์มารดา ในใจคิดเพียงแต่ว่ามันน่ากลัว เธอคิดถึงพ่อและแม่แต่เมื่อคิดถึงภาพสุดท้ายที่เห็นพ่อและแม่เด็กน้อยก็มีอันต้องร้องไห้หนักกว่าเดิม
แม่ของเธอถูกตะปบร่างกระเด็นไปกองอยู่บนโต๊ะอาหารกลางบ้าน ท้องของแม่ถูกฉีกออกราวกับเป็นเพียงตุ๊กตาผ้า ขดไส้พร้อมเลือดสด ๆ หยดติ๋งลงบนพื้น ส่วนคนเป็นพ่อที่ตะโกนบอกให้เธอหนีไปแล้วเข้ามากางกั้นระหว่างเธอกับสัตว์ร้ายรูปร่างใหญ่โตก็ถูกอุ้งเล็บคมตวัดผ่านคอเลือดพุ่งกระฉูดกระเซ็นสาดมาติดชุดกระโปรงสีสวยของเธอ
เด็กหญิงวัยห้าขวบตกใจสุดขีด ภาพพ่อและแม่ที่ถูกฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณยังฝังอยู่ในหัวแต่ขาสั้น ๆ น้อย ๆ ก็ต้องรีบซอยหนีให้พ้นจากตัวบ้านพักกลางป่าใหญ่
เด็กหญิงอาศัยที่ตัวเองตัวเล็ก วิ่งหนีเข้าป่าหญ้า ซ่อนกายไปตามต้นหญ้าสูงจนทะลุมานั่งอยู่กลางทาง มองไปทิศไหนก็เห็นแต่หญ้าและทางเดินเล็ก ๆ ไม่เห็นแสงไฟจากรถหรือบ้านใครทั้งนั้น มีแต่แสงจากจันทร์ดวงใหญ่ที่กระจ่างชัดสาดมาให้เธอเห็นสิ่งรอบกาย
ในเมื่อพ่อตายไปแล้ว แม่ก็ตายไปแล้ว หนูจะอยู่ยังไง?
เด็กน้อยได้แต่คิดเมื่อมีเสียงสวบสาบแหวกป่าหญ้ากระชั้นใกล้เข้ามาถึงตัวเธอ ในหัวของเด็กหญิงยังนึกถึงภาพสัตว์ร้ายที่ปลิดชีวิตพ่อและแม่ได้เด่นชัด
ไอ้สัตว์ประหลาดนั่นมีขนยาวสีน้ำตาลแดงรกรุงรังปกคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ตัวสูงเหมือนต้นไม้ใหญ่ ดวงตาสีแดงราวเลือดสด เขี้ยวโง้งงอกยาวออกจากริมฝีปากทั้งสองข้าง จมูกยื่นยาวราวสุนัข
ก่อนหน้านี้เด็กหญิงตัวกลมวิ่งไปใบหญ้าก็บาดแข้งขาเป็นรอยเล็ก ๆ เต็มไปหมด เด็กน้อยหมดแรงวิ่งจึงมานั่งอยู่ตรงกลางทาง ในเมื่อทุกคนตายไปหมดแล้วเหลือแต่เพียงเธอ เด็กน้อยจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร สู้นั่งรอให้ไอ้ตัวขนรุงรังมาจับกินเสียยังดีกว่า
หนูเหนื่อยเกินกว่าจะวิ่งแล้ว หนูคิดถึงพ่อ... หนูคิดถึงแม่...
เด็กน้อยนั่งคู้เข่าก้มหน้าร้องไห้สะอื้นฮัก ดวงจันทร์ในคืนนี้คงเป็นสิ่งสวยงามสุดท้ายที่เธอจะได้เห็น
“แฮ่... แฮ่ก... แฮ่ก...แฮ่!”
เสียงเหนื่อยหอบสลับกับขู่แฮ่ดังมาเป็นระยะ เด็กหญิงกลัวจับใจแต่ในเมื่อไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่อยู่ข้างกายเธอก็ได้แต่กอดตัวเอง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงน้ำลายเหนียวที่หยดลงกลางศีรษะเธอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดรูปร่างหน้าตาคล้ายหมาตัวใหญ่ได้มาถึงแล้วและตอนนี้มันคงแยกเขี้ยวเตรียมเขมือบเธอที่กลมเป็นลูกหมู
เด็กหญิงหลับตาปี๋ น้ำตาไหลอาบสองแก้มเนียนใสไม่หยุด ทำใจเตรียมรับคมเขี้ยวของสัตว์ประหลาด
ผัวะ!
“งื้ด! งื้ด!”
ตุ้บ!
เสียงเหมือนบางสิ่งกระทบเข้ากับร่างไอ้สัตว์ประหลาดอย่างแรงดังขึ้น เจ้าผีร้ายร้องเสียงราวสุนัขถูกรถชนจากนั้นร่างของมันก็ลอยละลิ่วไปตกบนพื้นดังตุ้บ ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที
เด็กหญิงที่น้ำตานองหน้ารีบเงยหน้าขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอเห็นเงาของเด็กหนุ่มหล่อแน่นกล้ามรูปร่างสูงใหญ่สองคนยืนอยู่ใต้เงาจันทร์ คนหนึ่งมีผมยาวสลวยสีเงินพลิ้วไปตามสายลม ใบหน้าหวานราวผู้หญิง อีกคนมีผมสีทอง หน้าตาหล่อเหลาคมคายคล้ายหนุ่มลูกครึ่งฝั่งยุโรป ทั้งสองคนอายุอานามไม่น่าเกิน 20 ปี
“แม่ง... ล่าเหยื่อข้ามมาในถิ่นพวกกูได้ยังไงวะ? มึงไม่รู้หรือไงว่านี่มันถิ่นหมาป่า? กูหอนเตือนตั้งแต่ได้กลิ่นหมาในเข้ามาในเขตแล้วนะ” เด็กหนุ่มผมทองพูดขึ้นแล้วชำเลืองมองเด็กหญิงในชุดเปื้อนเลือด
“เด็กกลัวแล้ว” หนุ่มหน้าหวานผมยาวพูดสั้น ๆ แล้วก้มลงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด
ความอุ่นจากอ้อมกอดใหญ่ส่งผ่านสู่ร่างเล็กของเด็กหญิง ในใจของเธอเกิดความรู้สึกปลอดภัยอย่างน่าประหลาด
เด็กหญิงหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้สัตว์ประหลาดหน้าคล้ายหมาที่ตามล่าเธอ
มันถูกพี่รูปหล่อสองคนเตะกระเด็นร่างไถลเข้าไปในโพรงหญ้า ต้องรอครู่หนึ่งมันถึงกระโดดกลับออกมา ก้มตัวลงยืนสี่ขาแล้วแยกเขี้ยวขู่ ดูคล้ายหมาร่างยักษ์ที่ผอมโซ
“แฮ่!” มันเตรียมจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง
พี่รูปหล่อผมทองเหยียดยิ้มที่มุมปากก่อนจะกระโดดเข้าใส่ร่างอัปลักษณ์ ไม่ยอมให้มันโจมตีก่อน
ป้าบ!
พี่ผมทองตวัดเท้าเตะเข้าที่ชายโครงมันเพียงครั้งเดียว ร่างน่าเกลียดน่ากลัวของไอ้หมาตัวใหญ่ก็ลอยละลิ่วเข้าไปตกในโพรงหญ้าอีกครั้ง
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ถ้ามึงเสือกเสนอหน้าออกมาจากป่าหญ้าอีกกูจะฆ่าให้ตาย แค่พวกหมาในปลายแถว มึงอย่าริเข้ามาในเขตหมาป่าของพวกกูอีกเป็นอันขาด กูถือว่ากูเตือนมึงแล้วนะ!” พี่รูปหล่อผมทองตะโกนออกไปเสียงดังในขณะที่พี่หน้าสวยอุ้มเด็กหญิงแล้วลูบหัวเธอเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
“กลับกันไอ้ดิน เด็กน่าจะกลัวมาก ร้องไห้ตาแดง ตัวสั่นไปหมด... แล้วกลิ่นนี้... ไม่ใช่เลือดของเด็กคนนี้... พ่อแม่หนูถูกมันทำร้ายหรือไง?” พี่หน้าหวานถามเธอ เสียงของเขาก็หวานเหมือนหน้าไม่มีผิด
“พ่อแม่ตายแล้ว...” เด็กหญิงตอบเสียงเครือแล้วเริ่มเบะปากร้องไห้อีกครั้ง
“เชี่ย... มันฆ่าพ่อแม่เด็ก” พี่ผู้ชายหน้าหวานพูดแล้วก้มลงจูบหน้าผากเด็กน้อยแผ่วเบาเพื่อปลอบขวัญ
เพียงครู่เดียว ร่างสูงของไอ้สัตว์นรกก็กระโดดออกมาจากโพรงหญ้าแล้วยืนสี่ขาเผชิญหน้ากับพวกพี่รูปหล่อสองคนอีกครั้ง
สิ่งประหลาดได้เกิดขึ้น ร่างของมันเริ่มเปลี่ยนไป ขนสีแดงค่อย ๆ หดหายเข้าไปในเนื้อตัว ผิวหนังเริ่มแปรเปลี่ยนเหมือนผิวกายมนุษย์ มันค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นมายืนสองขา จมูกหดเข้าไป ดูอย่างไรตอนนี้มันก็เหมือนมนุษย์มากกว่าหมาตัวโต... เป็นมนุษย์ตัวสูงใหญ่ หน้าตาโหดเหี้ยม อายุอานามอยู่ในช่วงวัยกลางคน ผิวกายดำคล้ำ ตาเล็กรีมีแววอำมหิตแฝงอยู่
“เอาเด็กมาแล้วกูจะไปจากที่นี่!” มันตะโกนกลับมาเสียงห้วน
“เด็กอยู่ในเขตกู ถือว่าเด็กเป็นของหมาป่าแล้ว” พี่รูปหล่อผมทองตะคอกกลับ
“แต่กูเป็นคนล่ามันมา กูต้องได้ตัวมันไปให้จ่าฝูงของกู” มันประกาศกร้าว
“ฝูงหมาในอย่างนั้นเหรอ? งั้นก็บอกให้จ่าฝูงมึงมาคุยกับพวกกู บอกมันว่าฝูงหมาป่าไม่เคยกลัวพวกหมาใน และพวกมึงก็น่าจะรู้ว่าพวกหมาป่าอย่างกูหวงแหนอาณาเขตแค่ไหน ถ้ามึงยังสะเออะมาเสนอหน้าในอาณาเขตของพวกกู อย่าหาว่ากูไม่เตือน กลับกันได้แล้วไอ้วิน!” พี่ผมทองพูดแล้วหันมาบอกพี่หน้าสวยที่อุ้มเด็กหญิงอยู่
“ตะ... แต่... กูล่ามันได้... และพวกมึงน่าจะรู้ว่าในฝูงหมาในมีตัวผู้มากกว่าตัวเมียถึงสองเท่า...” ไอ้หน้าโหดเอ่ยขึ้นมาไม่เต็มเสียงนัก แสดงว่ามีความเกรงกลัวพี่ ๆ รูปหล่อทั้งสองคนอยู่บ้าง
“หือ? มึงจะล่าเด็กนี่ไปเป็นเมียจ่าฝูงมึงงั้นเหรอ? เด็กคนนี้ดูยังไงก็เด็กกว่าจะเป็นเจ้าสาวของใครได้ พวกเราเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเดรัจฉานอยู่แล้ว อย่าทำตัวให้มันค่อนไปทางเดรัจฉานมากกว่านี้จะดีกว่า” พี่หน้าสวยพูดยาวเป็นครั้งแรก เสียงของเขาขนาดเป็นการห้ามปรามยังฟังดูอ่อนหวานนิ่มนวลแต่ก็แฝงความเด็ดขาดอยู่ในที
“เด็กนั่น... พิเศษกว่าเด็กคนอื่น... พิเศษกว่าตัวเมียตัวไหนบนโลกนี้ ดังนั้นกูต้องการเด็กนั่นไปให้จ่าฝูงของกู...” ไอ้หน้าโหดพูดแต่เหมือนเก็บงำเรื่องราวบางส่วนเอาไว้ไม่ยอมบอกออกมาทั้งหมด
“กูไม่สนว่าเด็กนี่จะพิเศษยังไง หรือจ่าฝูงของมึงจะเ****นจนลงแดงขนาดไหน ตอนนี้เด็กอยู่ในเขตของกู ถือว่าเป็นเด็กในปกครองของกู ดังนั้นมึงเลือกเอาว่ามึงจะจากไปแบบมีชีวิต หรือดื้อด้านอยู่ต่อแล้วทิ้งซากหมาในของมึงไว้ในเขตกู” พี่ผมทองพูดจากนั้นบางอย่างก็งอกออกมาจากมุมปากสองข้างของเขา... มันคือเขี้ยวยาวขาววับราวเขี้ยวสุนัข เท่านั้นยังไม่พอ...
หู! พี่เขามีหูยาวออกมาเหมือนหมาเลยอะ...
เด็กหญิงตัวกลมขมวดคิ้วแล้วเงยหน้ามองพี่หน้าหวานที่อุ้มเธออยู่ด้วยความสงสัย
“กลัวไหมคะเด็กดี? ไม่ต้องกลัวนะคะ พวกพี่ไม่ให้ใครเอาตัวหนูไปแน่” พี่หน้าหวานผมยาวสลวยปลอบขวัญเธอ
“พะ... พี่... พี่... พี่คนนั้นมีหู...” เด็กน้อยตัวกลมชี้ไปที่หูของหนุ่มผมทองแล้วบอกเด็กหนุ่มที่อุ้มร่างน้อยด้วยเสียงสั่นเครือ
“หือ? หู? หูแบบนี้เหรอคะ?” พี่หน้าหวานพูดคะขากับเธอแล้วทำเสียงหวานจากนั้นใบหูมนุษย์ของพี่เขาก็ค่อย ๆ ยื่นยาวออกพร้อมมีขนสีเงินปกคลุมราวหูสุนัข
“หู! พี่ก็มีหู!” เด็กน้อยร้องออกมาด้วยความตกใจปนประหลาดใจมากกว่าจะเกรงกลัว
ก็พวกพี่ ๆ เขาหล่อนี่... ดูท่าทางใจดีกว่าเจ้าสัตว์ร้ายที่ล่าหนูตั้งเยอะ เรื่องอะไรหนูจะกลัว
เด็กหนุ่มหน้าหล่อยิ้มอ่อนโยนให้เธอก่อนจะตอบกลับไป
“พวกพี่ต้องมีหูอยู่แล้วค่ะ... หมาป่าที่ไหนไม่มีหูคะเด็กดี?”