ตอนที่ 4

984 Words
“พี่วิ  พี่วิคะ” วิรามรสะดุ้งจากภวังค์ สบตาใสซื่อที่มองมาด้วยความสงสัยของญาติผู้น้อง ความรู้สึกโกรธ เกลียดคนที่ทำให้ตนใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ยิ่งทวีมากขึ้น “ รินว่ายังไงนะ พี่ไม่ทันฟัง”  “พี่วิหน้าออกจะแดงๆ ไม่สบายจะเป็นไข้หรือเปล่าคะ” “เปล่า”  เสียงตอบค่อนข้างห้วน แต่พอรู้สึกตัวก็ทอดเสียงให้นุ่มนวลขึ้นเมื่อพูดต่อ   “พี่สบายดี ว่าแต่เมื่อกี้รินพูดอะไร” “รินถามพี่วิน่ะค่ะ วันอาทิตย์ไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์กับรินมั้ย” “เนื่องในโอกาสอะไรล่ะ วันเกิดรินก็ยังมาไม่ถึงนี่” “เปล่าค่ะ รินแค่อยากสบายใจก่อนสอบ” “พี่คงไปด้วยไม่ได้ เผอิญมีธุระต้องสะสางให้เสร็จ อีกไม่ถึงสองเดือนพี่ก็ต้องไปเรียนต่อโทที่อเมริกาแล้วนะ ลืมแล้วหรือ” “จริงด้วย รินลืมไปแล้วจริงๆนั่นแหละ เฮ้อ พอพี่วิไปรินคงเหงาแย่” “พูดราวกับว่าพี่อยู่บ้านแล้วรินจะได้เพื่อนคุยเพิ่มงั้นแหละ” รินรดายิ้มน่ารักให้ญาติผู้พี่ ขณะที่วิรามรสะท้อนใจ ยายรินเอ๋ย รักษาความสดใสนี้เอาไว้ให้นานๆนะ อย่าให้ต้องเป็นอย่างพี่ ที่ก้าวพลาดโดยไม่ตั้งใจ ไอ้บ้าดอน! เพราะแกเชียว ทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตที่เคยสมบูรณ์พูนสุข จู่ๆ ก็มีอะไรขาดหายไปจนบางครั้งรับรู้ได้ถึงความว่างเปล่า “ไอ้บ้า! ไอ้...บ้านนอก! ฉันเกลียดแก!   “นอนไม่หลับหรือไงครับ คุณวิคนสวย” วิรามรสะดุ้งโหยง เมื่อนายคนที่สร้างความว้าวุ่นใจแก่เธอตลอดหลายวันมานี้ โผล่เข้ามาด้านหลังเงียบๆ ขณะที่เธอกำลังนั่งหย่อนใจบนชิงช้าหน้าบ้านในยามค่ำคืน “บ้าจริง!  เข้ามาเงียบๆ ตกใจหมด” อันที่จริงดอนก็เดินปกติ แต่คนจะหาเรื่องย่อมหาได้ทุกเรื่อง เขาแน่ใจว่าถ้าเขาส่งเสียงดัง ก็คงถูกว่าอีกว่าเป็นพวกบ้านนอก เคยชินกับการตะโกนในท้องไร่ท้องนา “นั่งใจลอยคิดถึงใครอยู่ละครับถึงได้ไม่ได้ยินเสียงผมเข้ามา” “จะนั่งใจลอยถึงใครมันก็เรื่องของฉัน นายมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับฉันล่ะ” “สิทธิ์ของคนเป็นผัวไงครับ” “บ้า! ไอ้บ้าหน้าด้าน ฉันไปเป็นเมียแกตั้งแต่เมื่อไหร่” ดอนรีบเข้าสกัดหน้า เมื่อร่างงามลุกพราดพราดยืนขึ้น พร้อมจะหนีหน้าเขา “ถามแบบนี้ทบทวนความจำกันตรงนี้เลยดีมั้ยเนี่ย จะได้นึกออกว่าเป็นเมียผมตั้งแต่เมื่อไหร่” “บ้า!  ไอ้ปากสามหาว! ฉันจะให้คุณแม่ไล่แกออก คอยดูนะ!”  พูดเสียงแค้นๆ หน้าขาวนวลแดงก่ำด้วยความโกรธ มือสองข้างกำเป็นหมัดแนบลำตัวเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอตบหน้าอุดมหนวดเครารกๆ นั่น “ผมน่ะคอยดูอยู่แล้ว เคยบอกแล้วไง คุณบอกเรื่องของเราเร็วเท่าไหร่ ผมก็จะได้เลื่อนฐานะจากคนขับรถที่คุณวิรามรคนสวยมองไม่เห็นหัวขึ้นเป็นลูกเขยคุณหญิงเร็วเท่านั้น เอางี้ปะล่ะ คุณอาจอายที่จะบอกเรื่องของเรา ผมบอกให้เอง สัญญาว่าจะไม่ลงรายละเอียดว่าคุณเสร็จผมไปกี่ครั้ง” วิรามรร้องกรี๊ด ถลาเข้าไปทุบร่างแข็งแรงล่ำสันด้วยมัดกล้ามไม่ยั้ง ปากก็ก่นด่าไปพร้อมกัน    “ไอ้บ้า! ไอ้ชาติชั่ว! ไอ้...คนสารเลว ฉันเกลียดแก! ได้ยินมั้ย...ฉันเกลียดแก! ไอ้คนโสมม  หมูโสโครก สกปรก!” คำก่นด่าอาจจะไม่ระคายผิวดอนเพราะโดนจนชิน แต่คำว่าเกลียดที่ปากอิ่มงามย้ำหนัก กระแทกความรู้สึกชนิดหนึ่งอย่างรุนแรง ตาคม ปกติมักฉายแววขบขันยั่วหยอก ไม่เหลือแล้วแววหยอกเย้า มือหนาตะปบลงบนต้นแขนกลมกลึง เขย่าร่างอวบอิ่มด้วยแรงโมโหวูบขึ้นมา แต่การถูกจับเขย่าหัวสั่นหัวคลอน ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้วิรามรเท่าคำพูดที่ออกจากปากหยักได้รูป “เอะอะก็จิกหัวด่า พฤติกรรมแบบนี้มีแต่พวกพ่อแม่ไม่เคยอบรมสั่งสอนท่านั้นแหละที่ทำกัน แล้วที่ด่าว่าโสมมเป็นหมูโสโครกสกปรก ก็ไอ้คนสกปรกชั่วชาติคนนี้ไม่ใช่รึที่ทำให้คุณวิรามรคนสวยครางหงิงๆ ร้องขอให้ผมเย็ดแรงๆจนน้ำแตกทุกครั้ง” ทันทีที่ร่างอวบอิ่มสะบัดหลุดจากมือหนาที่เกาะกุมต้นแขน ที่ตามมาคือเสียงดัง ‘เผียะ!’ แววตาเข้มคมเหมือนจะลุกวาบแทบมองเห็นเปลวเพลิง วิรามรถอยฉะ แต่วาจายังไม่ลดละแม้เสียงจะสั่นระริก ขณะดวงตาก็วาวด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ “พฤติกรรมฉันอาจมาจากพ่อแม่ไม่สั่งสอน แต่แกน่ะเป็นโดยกำพืด!” “ปากอย่างนี้มันน่า...” ดอนหยุดสูดหายใจเข้าลึก สำนึกได้ว่าเรื่องราวกำลังจะเลยเถิดไปกันใหญ่ เขาไม่ได้ต้องการทะเลาะ และสิ่งที่เขาต้องการนั้นก็เป็นตรงข้าม “น่าอะไร? แน่จริงก็พูดมาเลย” วิรามรคนเก่ง แม้จะนึกกลัวขึ้นมาวูบหนึ่ง ก็ยังอดไม่ได้ที่ท้าทายออกไปตามนิสัย ดอนรับคำท้าโดยไม่ลังเล “น่าจูบให้ขาดใจกันไปข้าง” เพราะนึกว่าชายหนุ่มจะตอบเป็นอย่างอื่น วิรามรเลยถึงกับสตั๊น ปากแทบจะอ้าค้าง “หรืออีกที...”   ดอนพูดต่อ แต่หยุดไว้แค่นั้น “อีกทีอะไร?”   วิรามรหลงกล “บังคับให้อมดอนน้อยทั้งคืน” “ไอ้บ้า!” วิรามรร้องกรี๊ดเป็นครั้งสอง และยังลืมตัวกระโจนเข้าใส่ร่างหนาเป็นหนสอง มือกำหมัดทุบไม่ยั้งลงบนอกกว้าง จนดอนต้องรีบจับข้อมือเล็กนั้นไว้ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD