“...ช้องก็ไม่อยากอยู่กับคนใจร้ายอย่างคุณขุนหรอกค่ะ”
“ก็ดี! ถ้างั้นก็ตั้งใจเรียน ส่งให้เรียนก็ตั้งใจบ้าง หรือถ้าไม่ชอบเรียนก็ไปลาออก แต่ถ้าคิดได้ก็เรียนซะ เรียนให้มันจบ! เรียนจบเมื่อไหร่อยากไปไหนก็ไป ไม่อยากอยู่กับฉันก็ไปตามทางของเธอได้เลย”
“...”
“ขุน ทำไมพูดจารุนแรงกับน้องแบบนี้ลูก”
“อยากโอ๋ เอาใจกันก็ตามสบายครับป้ากรอง ผมมีหน้าที่แค่ส่งเด็กคนนี้เรียนให้จบ เรียนจบเมื่อไหร่ก็ทางใครทางมัน” เขาพูดกับป้ากรองจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปเลย
“ขุน ขุนเขา ตาขุน!”
“...ฮึก!” ไม่อยากร้องแต่ใครมันจะกลั้นได้ในเมื่อโดนเขาว่าขนาดนี้
“ไม่เอาลูกไม่ร้อง พี่เขาคงเป็นห่วงกลัวน้องเสียการเรียนเท่านั้น” ป้ากรองรีบกุมมือฉันที่นั่งก้มหน้ากำลังพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้
“ไม่หรอกค่ะป้ากรอง ฮึก! คุณขุนไม่อยากดูแลช้องมานานแล้วช้องรู้ดี” ฉันกลั้นสะอื้นพร้อมกับตอบป้ากรองทั้งที่ยังก้มหน้า พูดจบก็รีบปาดน้ำตาของตัวเอง
“ไม่เอาอย่าคิดแบบนั้นลูก พี่เขาโมโหอย่าโกรธกันป้าขอ”
“ช้องรู้ค่ะว่าช้องผิด แต่ช้องไปกับเพื่อนผู้หญิงนะคะป้ากรอง ช้องโดดเรียนพิเศษวิชาแรกเพราะเพื่อนนัดกันไปกินขนมหลังเลิกเรียนฉลองวันเกิดให้เพื่อนในกลุ่ม ช้องขอโทษนะคะป้ากรองที่โดดเรียน แต่ช้องไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีเลยนะคะ”
“ป้ารู้ลูก ป้ารู้ว่าช้องนางของป้าเป็นเด็กดี แต่พี่เขาห่วงน้องมากก็เลยดุ หนูก็รู้ว่าพี่เขาเป็นคนดุ”
“ดุแต่กับช้อง ไม่เห็นจะเอคยดุคนอื่นเลย ไม่รู้จะเกลียดอะไรช้องนักหนา” น้ำตาฉันหยดลงมาที่ฝ่ามือทันทีที่พูดประโยคนี้จบ
“ไม่เอาลูก ทำไมพูดแบบนี้ พี่เขารักน้องนะลูกนะ ไม่เอา ๆ ไม่ร้องให้ ป้ารู้ว่าพี่เขาพูดแรงเดี๋ยวป้าจะดุให้ แต่หนูก็ทำผิด รอให้พี่เขาใจเย็นขึ้นก็ไปขอโทษพี่เขานะ”
“ฮึก! ค่ะป้ากรอง” ฉันไม่อยากให้ป้ากรองไม่สบายใจ อีกอย่างก็รู้ดีว่าตัวเองผิดที่โดดเรียน ผิดก็ส่วนผิด พูดจารุนแรงก็อีกส่วนยังไงก็ต้องขอโทษเขาฉันรู้ดี
-วันต่อมา-
“ทานข้าวก่อนนะคะคุณช้อง”
“ค่ะพี่ทิพย์” เดินลงมาจากชั้นบนกำลังจะไปโรงเรียน พอลงมาก็เจอพี่ทิพย์แต่พอเดินมาถึงห้องอาหารก็ไม่เจอป้ากรองเลย
“คุณป้าล่ะคะพี่ทิพย์”
“คุณกรองไปวัดค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อกี้เองค่ะคุณช้อง”
“อ่อ ช้องลืมเลยค่ะพี่ทิพย์ว่าวันนี้วันพระ พอแล้วค่ะพี่ทิพย์เดี๋ยวช้องกินไม่หมด” ฉันยิ้มให้พี่ทิพย์ที่กำลังจะตักโจ๊กให้ฉันจนเต็มถ้วย
“กินเยอะ ๆ จะได้มีแรงค่ะ”
“กินอิ่มมากจะหลับตอนอาจารย์สอนน่ะสิคะ” ฉันฉีกยิ้มแล้วก็รีบกินอาหารเช้าเพราะถ้ากินช้านั่นหมายความว่าออกจากบ้านช้าแล้วก็จะเจอกับรถติด
พอกินข้าวเสร็จก็เดินมาขึ้นรถที่น้ามิ่งคนขับรถของที่บ้านจอดรออยู่ ปกติถ้าไม่ได้มีปากเสียงกันเมื่อคืนวันนี้คนที่ต้องไปส่งฉันก็คือเขา แต่ดีแล้วค่ะ ไม่อยากไปกับหรอกคนใจร้ายปากร้ายแบบนั้น
-หลายวันต่อมา-
“ได้คุยกับพี่บ้างรึยังลูก” ในระหว่างที่นั่งทานข้าวเย็นกันอยู่ป้ากรองก็ถามฉันด้วยความเป็นห่วง
“ยังเลยค่ะป้ากรอง ช้องยังไม่ได้เจอคุณขุนเลยค่ะ” ฉันตอบและยิ้มให้ท่านที่มองด้วยความไม่สบายใจ
“หายโกรธพี่เขารึยัง”
“ช้องไม่โกรธหรอกค่ะ ช้องก็อยากขอโทษคุณขุนเหมือนกันค่ะป้ากรองแต่ช้องยังไม่เจอ ป้ากรองไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทะเลาะกันเป็นล้านครั้งแล้วค่ะ” ฉันฉีกยิ้มให้ท่านแต่ท่านก็ไม่สบายใจเหมือนเดิม
“ห่วงสิ ทะเลาะกันแค่ไหนแต่พี่เขาไม่เคยพูดไล่น้องแบบนี้สักครั้ง ป้าไม่สบายใจ” ใช่ค่ะ เขาไม่เคยเอ่ยปากไล่มาก่อน ทำให้คำพูดเขาในวันนั้นฉันจำได้ไม่เคยลืมเลย
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จช้องจะโทรไปขอโทษคุณขุนนะคะป้ากรอง” ฉันสงสารท่านที่ต้องมาเป็นกังวลกับเรื่องการทะเลาะกันของฉันกับเขา
“ดีแล้วลูก น้องเป็นเด็กทำผิดก่อนก็ขอโทษพี่เขานะลูกนะ ป้ารู้ว่าพี่ขุนรักหนู”
“ค่ะ” ฉันยิ้มให้ป้ากรองที่เอื้อมมือมาลูบผมฉันด้วยความเอ็นดู ไม่อยากโทรหาเลยค่ะ รอเจอหน้าแล้วจะขอโทษแต่ผ่านมาเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่ได้เจอ เห็นป้ากรองไม่สบายใจฉํนก็รู้สึกไม่ดี
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ติ๊ด!
“มีอะไร” แค่รับสายทั้งที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาทั้งอาทิตย์เขาก็เสียงแข็งใส่แล้วค่ะ ใครต่อใครก็อยากให้คุยกันดี ๆ แต่เขาเป็นแบบนี้ต่อให้ฉันคุยดีแค่ไหนเขาก็ไม่ดีกลับมาเหมือนเดิม
“ช้องจะโทรมาขอโทษค่ะ”
“ขอโทษ?”
“ค่ะ อยากขอโทษคุณขุนที่ช้องโดดเรียน”
“ป้ากรองสั่ง?”
“เปล่าค่ะไม่ได้สั่ง แต่ท่านไม่สบายใจ”
“หึ! ช่างมันเถอะ ชีวิตเธอใครจะไปขีดเส้นให้เดินได้ ฉันมีหน้าที่แค่ส่งเรียน อย่าลืมที่ฉันบอกก็พอ”
“...ค่ะ”
ติ๊ด!
ฉันไม่ได้เป็นคนตัดสาย เขาต่างหากที่ทำ
...อย่าลืมที่ฉันบอกก็พอ
ไม่ลืมหรอก บอกแล้วไงว่าจำคำพูดของเขาในวันนั้นได้ดี
...เรียนจบเมื่อไหร่อยากไปไหนก็ไป ไม่อยากอยู่กับฉันก็ไปตามทางของเธอได้เลย
...ผมมีหน้าที่แค่ส่งเด็กคนนี้เรียนให้จบ เรียนจบเมื่อไหร่ก็ทางใครทางมัน
ได้ค่ะฉันไปแน่ ไม่อยู่ให้เป็นภาระใครอีกต่อไปหรอกไม่ต้องกลัว