สืบประวัติ
☆☆>>>>>♡
“สุวิทย์มารึยัง เตรียมตัวเดินทางในอีกครึ่งชั่วโมงนะ กูจะพาเฟรนด์ไปซื้อของใช้ส่วนตัวก่อน มึงเข้ามาหากูที่ห้องทำงานด้วย กูมีงานสำคัญให้ทำ” ผมมีเรื่องสำคัญที่จะให้ภพไปทำให้ในช่วงที่ผมกับเฟรนด์ไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่ห้างใกล้ ๆ แถวนี้ก่อนเดินทาง
“เฟรนด์ไปรอพี่ที่ห้องก่อนนะ อีกครึ่งชั่วโมงเราจะไปซื้อของใช้ส่วนตัวของ
เฟรนด์กัน เดี๋ยวพี่พาไปเที่ยวทะเลที่ตราด” ผมบอกคนตัวเล็กให้ไปรอที่ห้องนอนก่อนเพราะงานที่ผมจะสั่งให้ภพไปทำ เฟรนด์จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้
“ได้ครับ”
“ใครอยู่ข้างนอก พาเฟรนด์ไปห้องพักที”
“แค่นี้เอง เฟรนด์ไปเองก็ได้ครับ” คนที่ยืนอยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงนายตนเองก็รีบเข้ามาตามคำสั่งทันที
“เชิญครับคุณเฟรนด์” คนชุดดำเดินนำหน้าเฟรนด์ไปที่ห้องพักที่อยู่บริเวณชั้นสองของผับซึ่งไม่ไกลจากห้องทำงานของภากรมากนัก
“เฝ้าหน้าห้องดี ๆ นะมึง”
“ครับนาย”
'นี่ไงครับ ตอนนี้เฟรนด์กลายเป็นนักโทษที่ต้องมีคนเฝ้าแล้วเหรอครับ'
“นายมีอะไรด่วนให้ผมทำเหรอครับ” ภพที่รู้ใจเจ้านายถามขึ้นทันทีที่เห็นว่าเฟรนด์เดินออกไปแล้ว
“ไปสืบประวัติเฟรนด์มาให้ละเอียดเท่าที่จะทำได้ ภายในเวลา 2 ชั่วโมงก่อนเดินทางไปตราด ไปเจอกูที่ห้างนะเอารถคันใหญ่ตามกูไปด้วย” เห็นว่าสั่งได้ก็สั่งเอา ๆ เลยนะภากร
“ครับนาย” ภพไปจัดการงานที่นายตัวเองสั่ง ระดับณัฐภากร อภิวัฒน์สิริอยากรู้อะไรแล้ว ใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงข้อมูลทุกอย่างก็มาอยู่ในมืออย่างง่ายดาย
“เฟรนด์ออกไปกัน รถพร้อมแล้วครับ” ภากรเดินมาตามเฟรนด์ด้วยตัวเองก่อนจะเดินโอบเอวคนข้าง ๆ เดินมาขึ้นรถที่ถูกเตรียมไว้
“ไม่ต้องโอบก็ได้มั้งครับ ไม่อายลูกน้องพี่ภากรบ้างเหรอ” เฟรนด์คัดค้านการโดนโอบเอวของภากร ที่ดูเป็นเรื่องธรรมดามากที่เขาทำประจำ
“อายใครรับ นี่ณัฐภากรนะ มีแต่พวกมันต้องอายเรา เดินดี ๆ อย่าดื้อ” นี่มีความมั่นหน้าระดับเกินร้อยเลยนะคุณณัฐภากร ถ้าจะพูดมาขนาดนี้เฟรนด์จะทำอะไรได้ล่ะ เฟรนด์มีท่าทางต่อต้านเบา ๆ แต่เพียงพองาม ก็ได้แต่เดินตามคนที่เอาแต่ใจอย่างว่าง่าย
“เฟรนด์นี่สุวิทย์เป็นลูกน้องคนสนิทพี่ สุวิทย์นี่เฟรนด์คนที่จะเดินทางไปตราดกับเราด้วย” ภากรแนะนำสุวิทย์กับเฟรนด์ให้รู้จักกันก่อนสุวิทย์จะออกรถ
“สวัสดีครับคุณสุวิทย์”
“ไม่ต้องเรียกคุณหรอกครับคุณเฟรนด์ เรียกพี่สุวิทย์ก็ให้เกียรติผมมากแล้วครับ” สุวิทย์ตอบกลับเฟรนด์ ด้วยท่าทางที่รู้ว่าตัวเองกับเฟรนด์อยู่กันคนละชั้นกัน
“ครับ พี่สุวิทย์” ทั้งเฟรนด์และสุวิทย์หัวเราะเบา ๆ ออกมาพร้อมกัน
“อะ แฮ่ม” นี่มีอะไรไปติดคอภากรรึเปล่านะ
“ขอโทษครับนาย” สุวิทย์ที่รู้ใจเจ้านายรีบขอโทษทันที เพราะภากรไม่ชอบให้ลูกน้องมาสนิทกับคนของเขา ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นแค่คนที่ควงกันแค่ข้ามคืนก็ตาม
“เออ ออกรถได้แล้ว”
“ครับนาย”
ผมกับพี่ภากรเดินเข้ามาในห้างพร้อมด้วยลูกน้องอีก 2 คน คนก็มองกันทั้งห้างสิครับ ก็มาธรรมดาเป็นซะที่ไหน
“อยากได้อะไรก็เลือกซื้อได้ตามสบายนะครับ ไปประมาณ 3 วัน”
“พี่ภากรจ่ายใช่ไหม? เฟรนด์บอกให้ไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องเฟรนด์แล้วนะ” ให้จ่ายเองไม่ไหวหรอก ทั้งเสื้อผ้าของใช้อีกบ้านยิ่งรวย ๆ อยู่ (ประชด)
“ครับ พี่พร้อมจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่อั้น”
“อย่าท้าเฟรนด์นะเดี๋ยวเอาให้จนเลย”
“ได้ เอา แน่ ๆ ครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น”
“พี่ภากรน่ะ คนละเอาแล้วนะ” นี่จะหน้าแดงทำไมเฟรนด์
“คุณภากร...ขา” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกเข้ามาระหว่างการสนทนาของคนทั้งคู่ พร้อมเดินเข้ามาทักพี่ภากรและมาคล้องเข้าที่แขน เอิ่มเธอพยายามเอาเต้าคู่งามของเธอมาถูกแขน ถูไปมาอย่างเชื้อเชิญอะไรแบบนั้น พี่ภากรหันไปสนใจผู้หญิงคนนั้นทันที จับปลายคางคนข้าง ๆ อย่างเอ็นดู เป็นภาพที่น่ามองไม่น้อยครับ
“เคทรี่มาทำอะไรครับ” พี่ภากรถามผู้หญิงคนนั้นอย่างสนิทสนม
“เคทรี่นัดเพื่อนมาทานข้าวค่ะ” เสียงใส ๆ ปนจริตสาวตอบออกมา
“ไปนั่งรอที่ร้านเป็นเพื่อนเคทรี่หน่อยสิคะ นะคะคุณภากร” เสียงเธอยังคงออดอ้อนพี่ภากร เต้าคู่งามยังคงบดเบียดอยู่ที่แขนข้างเดิม พี่ภากรพยักหน้า 2 ทีเป็นอันเข้าใจกันว่าผมกับลูกน้องเขาอีกคนต้องเดินออกไปจากตรงนั้นแล้ว เหลืออีกคนที่รออยู่กับพี่ภากร
“ภพถึงรึยังวะ กูรออยู่ร้าน EFG กูให้ไอ้โลพาเฟรนด์ไปซื้อของรอ” ผมได้ รับข้อความจากภพว่ากำลังจะถึงแล้ว ประจวบกับเจอเคทรี่พอดี ผมเลยถือโอกาสมาคุยกับไอ้ภพเรื่องของเฟรนด์ นี่ผมจะอยากรู้เรื่องของเด็กคนนี้มากเกินไปแล้วนะ
“เคทรี่ ผมขอตัวก่อนนะมีธุระต้องไปต่างจังหวัด ขอโทษทีนะครับ”
“อยู่เป็นเพื่อนเคทรี่ก่อนไม่ได้เหรอคะ เพื่อน ๆ เคทรี่ใกล้มาถึงแล้ว”
“ใกล้ถึงแล้วก็ดีครับ จะได้ไม่รอนาน” ผมรีบเดินออกไปหาที่คุยกับภพทันที
“นายครับ คุณเฟรนด์เป็นเด็กต่างจังหวัด ที่บ้านทำสวนผลไม้แบบผสม มีพี่สาวหนึ่งคนทำงานอยู่ที่สวน พ่อป่วยเป็นมะเร็งต้องรักษาตามหมอนัด ตอนนี้เรียนที่มหาวิทยาลัย LMU คณะบริหารครับนาย อยู่ปี 2 พักอยู่คนเดียวที่หอพักใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัย อีก 2 วันก็เป็นวันเกิดคุณเฟรนด์แล้วครับ เหมือนว่าคุณเฟรนด์โดนคนรักนอกใจ เพิ่งอกหักมาครับนาย”
“อันนี้กูรู้”
“นายรู้ได้ไงครับ”
“เออน่า...เรื่องของกู”
>>>>>อีกด้านหนึ่งของห้างสรรพสินค้า
“คุณเฟรนด์ตามสบายนะครับ ผมรออยู่หน้าร้านครับ” ที่นี้มีแต่ของแบรนด์ดังราคาเริ่มต้นก็หลายพันบาทแล้ว เอาไงดีวะเฟรนด์ เขาได้แต่บ่นในใจและตัดสินใจ เดินเข้าร้านที่ดูเป็นเสื้อผ้าวัยรุ่นที่เหมาะกับตัวเอง
“โหแค่เสื้อยืดราคาตั้งเกือบสี่พัน แค่ 299 ก็แพงเกินไปละสำหรับเฟรนด์ แต่ก็ไม่ใช่เงินเรานี่ แฮร่ ๆ ใครบอกไม่พาไปเอาที่ห้องเองนะ” เฟรนด์เดินดูเสื้อผ้าเพลิน ๆ ยังไม่ได้ตัดสินใจจะเอาตัวไหน เพราะมันเยอะแยะไปหมด มีแต่สวย ๆ ทั้ง นั้นเลย มีพนักงานเดินตามคอยบริการไม่ห่าง
“ไม่ต้องตามหรอกครับเดี๋ยวผมขอเวลาดูสักหน่อย” มีคนเดินตามก็เขินเป็นเหมือนกันนะ เพราะเฟรนด์เล่นดูราคาที่คอเสื้อทุกตัวที่ตัวเองสนใจ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกแค่เดินดูก็เพลินตาดีนะ ปกติก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสมาห้างหรูแบบนี้เท่าไหร่ส่วนใหญ่มาแค่เดินไม่ได้มาซื้อของ
ภากรเดินมาตามพิกัดที่ลูกน้องคนที่เฝ้าเฟรนด์บอกไว้ ก็มองเห็นคนตัวเล็กของเขากำลังเดินดูเสื้อผ้าในร้านหรูอยู่อย่างสบายใจ ‘เข้าใจเลือกร้านซะด้วยนะ’ แต่ในมือยังไม่มีเสื้อผ้าที่จะเอาเลยสักชิ้น หรือร้านนี้จะไม่ถูกใจ
“ว่าไงครับ ตั้งนานแล้วทำไมยังไม่ได้เสื้อผ้าล่ะครับ ไม่ถูกใจเหรอ” ทันทีที่เข้ามาในร้านภากรก็เข้ามาโอบเฟรนด์จากทางด้านหลัง ฟอด ฟอด คลอเคลียที่คออย่างไม่อายใคร
“มากอดเฟรนด์ทำไมครับ ไม่อายคนอื่นรึไง”
“นี่ใครครับ ณัฐภากรเอง” นี่คือความหน้าไม่อายของภากรสินะพนักงานที่เห็นภากรเดินเข้ามาในร้านรีบวิ่งเข้ามาให้บริการทันที
“คุณภากร มีอะไรให้ทางร้านรับใช้เหรอครับ” พนักงานดูนอบน้อมมาเชียว นี่ท่าจะเป็นผู้จัดการร้านใช่ไหม ทีเฟรนด์มามีแค่พนักงานธรรมดามาต้อนรับ
“ไม่ใช่ผม แต่เป็นคนนี้” จุ๊บ จุ๊บ ภากรจุ๊บลงที่แก้มใสของเฟรนด์ ตอนนี้ไม่ใสแล้วแต่ดูเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความอายแทน
“พี่ให้เวลา ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงนะครับ”
“ครับ พี่ภากร” เฟรนด์เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ตั้งใจเลือกไว้แต่แรกอยู่แล้ว เป็นเสื้อยืด ชุดนอน เชิ้ตแขนสั้น กางเกงขาสั้นและขายาวอย่างละ 3 ชุดยื่นให้พนักงาน ที่เดินตามถือเอาไว้ ภากรเห็นเฟรนด์หยิบมานิดเดียวเลยจัดการเลือกชุดที่ตัวเองคิดว่าเหมาะกับเฟรนด์ 3 - 4 ชุด ตามมาที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
“มันเยอะไปนะครับเราไปแค่ 3 วันเองนะ”
“เอาไว้เลือกไงครับ พี่ว่าเหมาะกับเฟรนด์นะ ถ้าเฟรนด์ใส่คงจะน่ารักดี”
“แล้วจะให้เฟรนด์มาเลือกเองทำไมตั้งแต่แรก” เฟรนด์บ่นงึมงำไม่จริงจังนัก
“บ่นอะไรครับได้ยินนะ” ภากรหันขวับมาทันทีที่ได้ยินเสียงบ่นเบา ๆ
“เปล่าบ่นนะ ของใช้ส่วนตัวเฟรนด์ไปที่ร้าน BBV นะครับ”
“ได้ครับ” ภากรจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วยื่นถุงให้ภพและลูกน้องถือ
“เฟรนด์ถือเองครับพี่ภพ”
“ไม่ได้ครับคุณเฟรนด์ คุณเฟรนด์เดินตามสบายเลยครับ”
“เฟรนด์เกรงใจนี่ครับ มีแต่ของเฟรนด์ทั้งนั้นเลย”
“ไม่เป็นไรครับคุณเฟรนด์รีบตามนายไปเถอะครับ”
เสื้อผ้าเฟรนด์ถูกแบ่งกันถือโดยลูกน้องของภากรทั้งสองคน เฟรนด์เดินตามหลังภากรโดยเว้นระยะห่างเท่ากับที่ภพกับลูกน้องอีกคนเดิน พูดง่าย ๆ ตอนนี้เฟรนด์เดินคู่มากับภพนั่นแหละ เพราะดู ๆ แล้วคนระดับอย่างภากร เฟรนด์คงไม่เหมาะที่จะเดินคู่กับเขามากนักหรอก
“ทำไมเดินห่างพี่จังครับ เฟรนด์ไม่ใช่ลูกน้องพี่นะ” ภากรหันมาเจอว่า
เฟรนด์เดินอยู่ระดับเดียวกับภพก็หงุดหงิดในใจไม่น้อย ทำไมสองคนดูสนิทกัน
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ภากรทั้งนั้นแหละครับ” เฟรนด์บ่นพึมพรำเบา ๆ
“บ่นจังอายุแค่นี้เอง” ภากรหยุดเดินเอามือมายีหัวคนตรงหน้าอย่างเอ็นดูแล้วเขาสองคนก็เดินเคียงคู่กันเข้าร้านที่เฟรนด์บอกไว้
เฟรนด์หยิบของใช้ทั้งหมดเป็นกลิ่นดอกไม้ ไม่ว่าจะเป็นโรลออน ครีมอาบน้ำ น้ำหอม โลชั่น มิน่าล่ะเฟรนด์หอมละมุนเหมือนกลิ่นดอกไม้บานตอนเช้า น่าดอมดมยิ่งนัก ของใช้ส่วนตัวเฟรนด์ภากรจ่ายไปเกือบสองหมื่น เพราะต้องซื้อหมดทุกอย่างไงล่ะ ช่วยเฟรนด์ประหยัดค่าครีมไปตั้งหลายเดือนเลยนะนี่
“แวะที่ไหนอีกไหมเฟรนด์”
“ไม่แล้วครับ ไม่มีอะไรต้องซื้อแล้ว พี่ภากรจะซื้ออะไรอีกไหมครับ”
“ไม่ครับ เราออกเดินทางกันเลยนะ” คราวนี้พวกของใช้ส่วนตัวที่ซื้อมาใหม่ เฟรนด์ขอเป็นคนถือเอง เพราะของในมือภพดูจะล้นมือแล้ว
“ให้ภพถือครับ”
“ไม่เป็นไรครับช่วยกัน”
“เฟรนด์!!!” ภากรกดเสียงต่ำจนเฟรนด์กลัว เลยรีบยื่นถุงผ้าในมือให้ภพอย่างรวดเร็ว
‘ทำไมต้องดุด้วยนะ’