ตอนที่ 10 สืบประวัติ

2028 Words
สืบประวัติ ☆☆>>>>>♡ “สุวิทย์มารึยัง เตรียมตัวเดินทางในอีกครึ่งชั่วโมงนะ กูจะพาเฟรนด์ไปซื้อของใช้ส่วนตัวก่อน มึงเข้ามาหากูที่ห้องทำงานด้วย กูมีงานสำคัญให้ทำ” ผมมีเรื่องสำคัญที่จะให้ภพไปทำให้ในช่วงที่ผมกับเฟรนด์ไปซื้อของใช้ส่วนตัวที่ห้างใกล้ ๆ แถวนี้ก่อนเดินทาง “เฟรนด์ไปรอพี่ที่ห้องก่อนนะ อีกครึ่งชั่วโมงเราจะไปซื้อของใช้ส่วนตัวของ เฟรนด์กัน เดี๋ยวพี่พาไปเที่ยวทะเลที่ตราด” ผมบอกคนตัวเล็กให้ไปรอที่ห้องนอนก่อนเพราะงานที่ผมจะสั่งให้ภพไปทำ เฟรนด์จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้ “ได้ครับ” “ใครอยู่ข้างนอก พาเฟรนด์ไปห้องพักที” “แค่นี้เอง เฟรนด์ไปเองก็ได้ครับ” คนที่ยืนอยู่หน้าห้องเมื่อได้ยินเสียงนายตนเองก็รีบเข้ามาตามคำสั่งทันที “เชิญครับคุณเฟรนด์” คนชุดดำเดินนำหน้าเฟรนด์ไปที่ห้องพักที่อยู่บริเวณชั้นสองของผับซึ่งไม่ไกลจากห้องทำงานของภากรมากนัก “เฝ้าหน้าห้องดี ๆ นะมึง” “ครับนาย” 'นี่ไงครับ ตอนนี้เฟรนด์กลายเป็นนักโทษที่ต้องมีคนเฝ้าแล้วเหรอครับ' “นายมีอะไรด่วนให้ผมทำเหรอครับ” ภพที่รู้ใจเจ้านายถามขึ้นทันทีที่เห็นว่าเฟรนด์เดินออกไปแล้ว “ไปสืบประวัติเฟรนด์มาให้ละเอียดเท่าที่จะทำได้ ภายในเวลา 2 ชั่วโมงก่อนเดินทางไปตราด ไปเจอกูที่ห้างนะเอารถคันใหญ่ตามกูไปด้วย” เห็นว่าสั่งได้ก็สั่งเอา ๆ เลยนะภากร “ครับนาย” ภพไปจัดการงานที่นายตัวเองสั่ง ระดับณัฐภากร อภิวัฒน์สิริอยากรู้อะไรแล้ว ใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงข้อมูลทุกอย่างก็มาอยู่ในมืออย่างง่ายดาย “เฟรนด์ออกไปกัน รถพร้อมแล้วครับ” ภากรเดินมาตามเฟรนด์ด้วยตัวเองก่อนจะเดินโอบเอวคนข้าง ๆ เดินมาขึ้นรถที่ถูกเตรียมไว้ “ไม่ต้องโอบก็ได้มั้งครับ ไม่อายลูกน้องพี่ภากรบ้างเหรอ” เฟรนด์คัดค้านการโดนโอบเอวของภากร ที่ดูเป็นเรื่องธรรมดามากที่เขาทำประจำ “อายใครรับ นี่ณัฐภากรนะ มีแต่พวกมันต้องอายเรา เดินดี ๆ อย่าดื้อ” นี่มีความมั่นหน้าระดับเกินร้อยเลยนะคุณณัฐภากร ถ้าจะพูดมาขนาดนี้เฟรนด์จะทำอะไรได้ล่ะ เฟรนด์มีท่าทางต่อต้านเบา ๆ แต่เพียงพองาม ก็ได้แต่เดินตามคนที่เอาแต่ใจอย่างว่าง่าย “เฟรนด์นี่สุวิทย์เป็นลูกน้องคนสนิทพี่ สุวิทย์นี่เฟรนด์คนที่จะเดินทางไปตราดกับเราด้วย” ภากรแนะนำสุวิทย์กับเฟรนด์ให้รู้จักกันก่อนสุวิทย์จะออกรถ “สวัสดีครับคุณสุวิทย์” “ไม่ต้องเรียกคุณหรอกครับคุณเฟรนด์ เรียกพี่สุวิทย์ก็ให้เกียรติผมมากแล้วครับ” สุวิทย์ตอบกลับเฟรนด์ ด้วยท่าทางที่รู้ว่าตัวเองกับเฟรนด์อยู่กันคนละชั้นกัน “ครับ พี่สุวิทย์” ทั้งเฟรนด์และสุวิทย์หัวเราะเบา ๆ ออกมาพร้อมกัน “อะ แฮ่ม” นี่มีอะไรไปติดคอภากรรึเปล่านะ “ขอโทษครับนาย” สุวิทย์ที่รู้ใจเจ้านายรีบขอโทษทันที เพราะภากรไม่ชอบให้ลูกน้องมาสนิทกับคนของเขา ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นแค่คนที่ควงกันแค่ข้ามคืนก็ตาม “เออ ออกรถได้แล้ว” “ครับนาย” ผมกับพี่ภากรเดินเข้ามาในห้างพร้อมด้วยลูกน้องอีก 2 คน คนก็มองกันทั้งห้างสิครับ ก็มาธรรมดาเป็นซะที่ไหน “อยากได้อะไรก็เลือกซื้อได้ตามสบายนะครับ ไปประมาณ 3 วัน” “พี่ภากรจ่ายใช่ไหม? เฟรนด์บอกให้ไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องเฟรนด์แล้วนะ” ให้จ่ายเองไม่ไหวหรอก ทั้งเสื้อผ้าของใช้อีกบ้านยิ่งรวย ๆ อยู่ (ประชด) “ครับ พี่พร้อมจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่อั้น” “อย่าท้าเฟรนด์นะเดี๋ยวเอาให้จนเลย” “ได้ เอา แน่ ๆ ครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น” “พี่ภากรน่ะ คนละเอาแล้วนะ” นี่จะหน้าแดงทำไมเฟรนด์ “คุณภากร...ขา” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกเข้ามาระหว่างการสนทนาของคนทั้งคู่ พร้อมเดินเข้ามาทักพี่ภากรและมาคล้องเข้าที่แขน เอิ่มเธอพยายามเอาเต้าคู่งามของเธอมาถูกแขน ถูไปมาอย่างเชื้อเชิญอะไรแบบนั้น พี่ภากรหันไปสนใจผู้หญิงคนนั้นทันที จับปลายคางคนข้าง ๆ อย่างเอ็นดู เป็นภาพที่น่ามองไม่น้อยครับ “เคทรี่มาทำอะไรครับ” พี่ภากรถามผู้หญิงคนนั้นอย่างสนิทสนม “เคทรี่นัดเพื่อนมาทานข้าวค่ะ” เสียงใส ๆ ปนจริตสาวตอบออกมา “ไปนั่งรอที่ร้านเป็นเพื่อนเคทรี่หน่อยสิคะ นะคะคุณภากร” เสียงเธอยังคงออดอ้อนพี่ภากร เต้าคู่งามยังคงบดเบียดอยู่ที่แขนข้างเดิม พี่ภากรพยักหน้า 2 ทีเป็นอันเข้าใจกันว่าผมกับลูกน้องเขาอีกคนต้องเดินออกไปจากตรงนั้นแล้ว เหลืออีกคนที่รออยู่กับพี่ภากร “ภพถึงรึยังวะ กูรออยู่ร้าน EFG กูให้ไอ้โลพาเฟรนด์ไปซื้อของรอ” ผมได้ รับข้อความจากภพว่ากำลังจะถึงแล้ว ประจวบกับเจอเคทรี่พอดี ผมเลยถือโอกาสมาคุยกับไอ้ภพเรื่องของเฟรนด์ นี่ผมจะอยากรู้เรื่องของเด็กคนนี้มากเกินไปแล้วนะ “เคทรี่ ผมขอตัวก่อนนะมีธุระต้องไปต่างจังหวัด ขอโทษทีนะครับ” “อยู่เป็นเพื่อนเคทรี่ก่อนไม่ได้เหรอคะ เพื่อน ๆ เคทรี่ใกล้มาถึงแล้ว” “ใกล้ถึงแล้วก็ดีครับ จะได้ไม่รอนาน” ผมรีบเดินออกไปหาที่คุยกับภพทันที “นายครับ คุณเฟรนด์เป็นเด็กต่างจังหวัด ที่บ้านทำสวนผลไม้แบบผสม มีพี่สาวหนึ่งคนทำงานอยู่ที่สวน พ่อป่วยเป็นมะเร็งต้องรักษาตามหมอนัด ตอนนี้เรียนที่มหาวิทยาลัย LMU คณะบริหารครับนาย อยู่ปี 2 พักอยู่คนเดียวที่หอพักใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัย อีก 2 วันก็เป็นวันเกิดคุณเฟรนด์แล้วครับ เหมือนว่าคุณเฟรนด์โดนคนรักนอกใจ เพิ่งอกหักมาครับนาย” “อันนี้กูรู้” “นายรู้ได้ไงครับ” “เออน่า...เรื่องของกู” >>>>>อีกด้านหนึ่งของห้างสรรพสินค้า “คุณเฟรนด์ตามสบายนะครับ ผมรออยู่หน้าร้านครับ” ที่นี้มีแต่ของแบรนด์ดังราคาเริ่มต้นก็หลายพันบาทแล้ว เอาไงดีวะเฟรนด์ เขาได้แต่บ่นในใจและตัดสินใจ เดินเข้าร้านที่ดูเป็นเสื้อผ้าวัยรุ่นที่เหมาะกับตัวเอง “โหแค่เสื้อยืดราคาตั้งเกือบสี่พัน แค่ 299 ก็แพงเกินไปละสำหรับเฟรนด์ แต่ก็ไม่ใช่เงินเรานี่ แฮร่ ๆ ใครบอกไม่พาไปเอาที่ห้องเองนะ” เฟรนด์เดินดูเสื้อผ้าเพลิน ๆ ยังไม่ได้ตัดสินใจจะเอาตัวไหน เพราะมันเยอะแยะไปหมด มีแต่สวย ๆ ทั้ง นั้นเลย มีพนักงานเดินตามคอยบริการไม่ห่าง “ไม่ต้องตามหรอกครับเดี๋ยวผมขอเวลาดูสักหน่อย” มีคนเดินตามก็เขินเป็นเหมือนกันนะ เพราะเฟรนด์เล่นดูราคาที่คอเสื้อทุกตัวที่ตัวเองสนใจ แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกแค่เดินดูก็เพลินตาดีนะ ปกติก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสมาห้างหรูแบบนี้เท่าไหร่ส่วนใหญ่มาแค่เดินไม่ได้มาซื้อของ ภากรเดินมาตามพิกัดที่ลูกน้องคนที่เฝ้าเฟรนด์บอกไว้ ก็มองเห็นคนตัวเล็กของเขากำลังเดินดูเสื้อผ้าในร้านหรูอยู่อย่างสบายใจ ‘เข้าใจเลือกร้านซะด้วยนะ’ แต่ในมือยังไม่มีเสื้อผ้าที่จะเอาเลยสักชิ้น หรือร้านนี้จะไม่ถูกใจ “ว่าไงครับ ตั้งนานแล้วทำไมยังไม่ได้เสื้อผ้าล่ะครับ ไม่ถูกใจเหรอ” ทันทีที่เข้ามาในร้านภากรก็เข้ามาโอบเฟรนด์จากทางด้านหลัง ฟอด ฟอด คลอเคลียที่คออย่างไม่อายใคร “มากอดเฟรนด์ทำไมครับ ไม่อายคนอื่นรึไง” “นี่ใครครับ ณัฐภากรเอง” นี่คือความหน้าไม่อายของภากรสินะพนักงานที่เห็นภากรเดินเข้ามาในร้านรีบวิ่งเข้ามาให้บริการทันที “คุณภากร มีอะไรให้ทางร้านรับใช้เหรอครับ” พนักงานดูนอบน้อมมาเชียว นี่ท่าจะเป็นผู้จัดการร้านใช่ไหม ทีเฟรนด์มามีแค่พนักงานธรรมดามาต้อนรับ “ไม่ใช่ผม แต่เป็นคนนี้” จุ๊บ จุ๊บ ภากรจุ๊บลงที่แก้มใสของเฟรนด์ ตอนนี้ไม่ใสแล้วแต่ดูเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความอายแทน “พี่ให้เวลา ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงนะครับ” “ครับ พี่ภากร” เฟรนด์เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ตั้งใจเลือกไว้แต่แรกอยู่แล้ว เป็นเสื้อยืด ชุดนอน เชิ้ตแขนสั้น กางเกงขาสั้นและขายาวอย่างละ 3 ชุดยื่นให้พนักงาน ที่เดินตามถือเอาไว้ ภากรเห็นเฟรนด์หยิบมานิดเดียวเลยจัดการเลือกชุดที่ตัวเองคิดว่าเหมาะกับเฟรนด์ 3 - 4 ชุด ตามมาที่เคาน์เตอร์คิดเงิน “มันเยอะไปนะครับเราไปแค่ 3 วันเองนะ” “เอาไว้เลือกไงครับ พี่ว่าเหมาะกับเฟรนด์นะ ถ้าเฟรนด์ใส่คงจะน่ารักดี” “แล้วจะให้เฟรนด์มาเลือกเองทำไมตั้งแต่แรก” เฟรนด์บ่นงึมงำไม่จริงจังนัก “บ่นอะไรครับได้ยินนะ” ภากรหันขวับมาทันทีที่ได้ยินเสียงบ่นเบา ๆ “เปล่าบ่นนะ ของใช้ส่วนตัวเฟรนด์ไปที่ร้าน BBV นะครับ” “ได้ครับ” ภากรจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วยื่นถุงให้ภพและลูกน้องถือ “เฟรนด์ถือเองครับพี่ภพ” “ไม่ได้ครับคุณเฟรนด์ คุณเฟรนด์เดินตามสบายเลยครับ” “เฟรนด์เกรงใจนี่ครับ มีแต่ของเฟรนด์ทั้งนั้นเลย” “ไม่เป็นไรครับคุณเฟรนด์รีบตามนายไปเถอะครับ” เสื้อผ้าเฟรนด์ถูกแบ่งกันถือโดยลูกน้องของภากรทั้งสองคน เฟรนด์เดินตามหลังภากรโดยเว้นระยะห่างเท่ากับที่ภพกับลูกน้องอีกคนเดิน พูดง่าย ๆ ตอนนี้เฟรนด์เดินคู่มากับภพนั่นแหละ เพราะดู ๆ แล้วคนระดับอย่างภากร เฟรนด์คงไม่เหมาะที่จะเดินคู่กับเขามากนักหรอก “ทำไมเดินห่างพี่จังครับ เฟรนด์ไม่ใช่ลูกน้องพี่นะ” ภากรหันมาเจอว่า เฟรนด์เดินอยู่ระดับเดียวกับภพก็หงุดหงิดในใจไม่น้อย ทำไมสองคนดูสนิทกัน “ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ภากรทั้งนั้นแหละครับ” เฟรนด์บ่นพึมพรำเบา ๆ “บ่นจังอายุแค่นี้เอง” ภากรหยุดเดินเอามือมายีหัวคนตรงหน้าอย่างเอ็นดูแล้วเขาสองคนก็เดินเคียงคู่กันเข้าร้านที่เฟรนด์บอกไว้ เฟรนด์หยิบของใช้ทั้งหมดเป็นกลิ่นดอกไม้ ไม่ว่าจะเป็นโรลออน ครีมอาบน้ำ น้ำหอม โลชั่น มิน่าล่ะเฟรนด์หอมละมุนเหมือนกลิ่นดอกไม้บานตอนเช้า น่าดอมดมยิ่งนัก ของใช้ส่วนตัวเฟรนด์ภากรจ่ายไปเกือบสองหมื่น เพราะต้องซื้อหมดทุกอย่างไงล่ะ ช่วยเฟรนด์ประหยัดค่าครีมไปตั้งหลายเดือนเลยนะนี่ “แวะที่ไหนอีกไหมเฟรนด์” “ไม่แล้วครับ ไม่มีอะไรต้องซื้อแล้ว พี่ภากรจะซื้ออะไรอีกไหมครับ” “ไม่ครับ เราออกเดินทางกันเลยนะ” คราวนี้พวกของใช้ส่วนตัวที่ซื้อมาใหม่ เฟรนด์ขอเป็นคนถือเอง เพราะของในมือภพดูจะล้นมือแล้ว “ให้ภพถือครับ” “ไม่เป็นไรครับช่วยกัน” “เฟรนด์!!!” ภากรกดเสียงต่ำจนเฟรนด์กลัว เลยรีบยื่นถุงผ้าในมือให้ภพอย่างรวดเร็ว ‘ทำไมต้องดุด้วยนะ’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD