ตั้งแต่วันที่เขาจากไป

1129 Words
ห้าปีก่อน ตั้งแต่วันที่เขาจากไป นางเฝ้าติดตามข่าวคราวของเขา เรื่อยมา จากการสอบถามกับไต้ซือซูจึงได้รู้ว่าเขาชื่อสวินเย่ว์ นางอยากขอบคุณที่เขาเมตตาช่วยเหลือ ซ้ำยังอุ้มนางไว้อย่างไม่รังเกียจ แต่นางรู้จากคำบอกเล่าของผู้อื่น ช่วงเวลาที่ไต้ซือซูรักษานางนั้น สวินเย่ว์ไม่ชอบให้ผู้อื่นเข้าใกล้ วันที่ไต้ซือซูอำลาพร้อมกับพาสวินเย่ว์ไปด้วยนั้น เขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ แม้นางจะอายุแค่สิบขวบกลับรู้ได้ดีว่าเขามิใช่คนธรรมดา นางจึงหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ นางได้แต่มองแผ่นหลังของเขาไปไกลสุดสายตา นับตั้งแต่นั้น นางอาศัยในสำนักคุ้มภัยราชสีห์คำราม ค่อยๆ เก็บเกี่ยวเรื่องราวของเขามาเป็นเรื่องของตนเอง ช่วงที่นางรักษาตัวอยู่ในห้อง ไต้ซือซูบอกเล่าเรื่องของสวินเย่ว์ราวกับเล่านิทานให้นางฟัง นางจึงรู้ฐานะที่แท้จริงของเขาและเหตุผลที่จำเป็นต้องติดตามไต้ซือซูใช้ชีวิตนอกจวนอันใหญ่โตถึงสี่ปี ‘นังหนู’ นางจำได้ว่าวันนั้นไต้ซือซูเล่าเรื่องชะตาทรราชของสวินเย่ว์ให้นางฟัง ‘เจ้าไม่กลัวชายผู้นั้นรึ’ ใบหน้าเปี่ยมเมตตาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เด็กหญิงส่ายหน้าไปมา ‘เขาเป็นผู้มีพระคุณของข้า ข้าจะกลัวเขาได้อย่างไร’ ‘ผู้มีพระคุณรึ’ ไต้ซือซูเอ่ยซ้ำแล้วพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ‘พบกันล้วนเกิดจากวาสนา บางทีเจ้ากับเขาอาจมีวาสนาต่อกัน บางทีอาจเป็น เจ้าที่ช่วยคนผู้นั้นได้’ ‘ข้ารึ’ นางใช้นิ้วชี้ที่ใบหน้าตนเอง ‘อย่างข้าจะช่วยผู้ใดได้’ ไต้ซือซูพยักหน้าอีกครั้ง ‘ขอเพียงมีความตั้งใจจริง ย่อมทำได้แน่นอน’ ภายใต้การดูแลเลี้ยงดูของสกุลเกา เสิ่นฉางซีเติบโตขึ้นตามวัย ในหนึ่งปีไต้ซือซูจะแวะเวียนมาดู อาการบาดเจ็บของนางสักครั้ง นายท่านใหญ่ให้คนไปสืบข่าวจึงรู้ว่าบ้านของนางนั้นถูกไฟไหม้ ไม่มีสิ่งใดเหลือแล้ว นางรอดจากความตายมาครั้งหนึ่งแล้วนั้น จึงมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ แม้มีใบหน้าที่มีรอยแผลเป็น ต้องเดินลากขาข้างขวาและยังไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้ นางจึงพยายามเรียนรู้ทักษะหลายๆ ด้าน เพื่อที่วันหนึ่งนางออกจากสกุลเกาแล้วยังสามารถหาเลี้ยงตัวเองโดยไม่เป็นภาระแก่ผู้ใด สตรีที่ไม่สามารถมีบุตรได้นั้น ย่อมไม่มีใครต้องการ นางจึงคิดจะหาเลี้ยงชีพเพียงลำพัง ด้วยคิดเสมอมาว่าต้องอยู่คนเดียวให้ได้ จึงพยายามเรียนรู้เรื่องต่างๆ ให้มากที่สุด แม้เป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อย แต่ยามอยู่ในครัวก็ใช้เก้าอี้มาต่อขาเพื่อยืนอยู่หน้าเตาได้ นางเรียนรู้การทำอาหารจากพ่อครัว ยามอยู่กับเกาฮูหยินก็ฝึกฝนงานเย็บปัก เการุ่ยเฉียงมักเรียกนางไปฝึกคัดตัวอักษรพร้อมกัน นางทำตามไม่อิดออด ทั้งอ่านตำราท่องโคลงกลอน นายท่านรองกวักมือเรียกนางไปสวนสมุนไพร นางคว้าตะกร้าวิ่งกะโผลกกะเผลกตามไป โดยไม่ต้องให้นายท่านเอ่ยปากเรียกซ้ำ มีเพียงการฝึกยุทธ์ที่นางไม่อาจทำได้ ด้วยสภาพร่างกายที่บาดเจ็บตั้งแต่ครั้งนั้น นางหวังเพียงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ท่านพ่อ ท่านแม่ที่อยู่บน สวรรค์จะได้ไม่เป็นทุกข์ใจเพราะนาง “ฉางซี” “เจ้าคะ” เสียงแม่ครัวหนวนเรียกทำให้เด็กสาวตื่นจากภวังค์ นางช่วยงานร่วมชั่วยาม เห็นทีควรกลับได้แล้ว มิเช่นนั้นนายท่านรองจะรอนาน หรืออาจจะไม่ได้รอนางอยู่ก็เป็นได้ “เจ้านี่น่าจะมาสมัครเป็นแม่ครัวในจวนนี้นะ” “ข้าหรือ?” นางชี้นิ้วที่หน้าตัวเอง แล้วก็ยิ้มออกมา “เจ้าอายุยังน้อย ฝึกฝนเอาดีด้านนี้ย่อมเป็นแม่ครัวใหญ่ได้แน่ อย่าเอาแต่หาของป่าหรือสมุนไพรมาขายเลย” นางส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้ม นางจะออกจากสกุลเกาได้อย่างไร ทุกคนดีต่อนางมาก แม้นางไม่มีเบี้ยรายเดือนเช่นผู้อื่น แต่ทุกครั้งที่ทำงานก็มีคนยื่นก้อนเงินให้นางเสมอ นายท่านรองพานางขึ้นเขาเข้าป่าเรียนรู้การหาของป่าและสมุนไพร อนุญาตให้นางนำออกมาขายได้ด้วยตนเอง นับว่าเป็นการสอนให้นางใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง การที่นางแอบมาเป็นลูกมือแม่ครัวจวนสกุลสวินเช่นนี้ไม่มีผู้ใดรู้ นางเกรงว่าทุกคนเข้าใจผิดคิดว่าเงินทองขาดมือ หรือถูกผู้อื่นรังแกจนอยู่ในสกุลเกาไม่ได้ จนต้องมาทำงานเช่นนี้ เด็กสาวระบายลมหายใจ หมุนตัวเดินออกมาแล้วค่อยๆ เร่งเท้าเดินเร็วขึ้นเพราะเกรงว่าคนที่มาด้วยจะรอนาน นางเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางสายรอง จนมาถึงโรงหมอหวังข่าย เด็กสาวยิ้มให้คนที่เฝ้าหน้าประตูแล้วก้าวเข้าไปด้านในอย่างคุ้นเคย พลันเห็นบุรุษสองคนนั่งประจันหน้ากันอยู่โดยมีกระดานหมากล้อมวางอยู่ตรงกลาง เสิ่นฉางซีลอบยิ้มอย่างโล่งอกแล้วค่อยๆ นั่งลงไม่รบกวนคนทั้งสอง “แพ้ก็ยอมรับว่าแพ้เถิด ท่านเกาเทียนฉี” “ได้อย่างไรกัน ข้ายัง...” จะบอกว่าไม่แพ้ก็พูดได้ไม่เต็มปาก จึงได้แต่กล้ำกลืนคำพูดของตัวเองเสีย “นี่ๆ ท่านเกาเทียนฉี ข้าอยากให้นังหนู อ่อ ไม่สิ เจ้าไม่ใช่นังหนูแล้วนี่” ท่านหมอหวังข่ายชำเลืองตามองเด็กสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แล้วส่งยิ้มเอ็นดูให้นาง “ฉางซีเป็นสาวแล้วนี่นะ” “ท่านหมอหวังอย่าล้อข้าเล่นเลยเจ้าค่ะ” เสิ่นฉางซีหัวเราะเบาๆ แล้วรินน้ำชาให้ทั้งสองท่าน “เจ้ามาศึกษาการรักษาคนกับข้าดีกว่าไปอยู่สวนสมุนไพรชายป่าโน้น” คนเป็นหมออดส่ายหน้าด้วยความเสียดายไม่ได้ เด็กคนนี้มีแววดี แม้เป็นสตรีแต่หากฝึกฝนให้ดี วันข้างหน้าย่อมมีหนทางก้าวหน้าเป็นแน่ “ไม่ได้” เกาเทียนฉีรีบแย้งทันควัน “หากนางมาอยู่กับหมออย่าง เจ้า แล้วใครจะช่วยดูแลสวนสมุนไพรของข้า นางมือเย็น เพาะปลูกสิ่งใดก็งอกงามได้ดี” “เจ้านี่ช่างเห็นแก่ตัวนัก ให้เด็กสาวบอบบางไปทำงานในไร่ในสวนได้รึ!” “แล้วเจ้าเล่า นางเป็นหญิงจะให้ไปเป็นหมอถูกเนื้อต้องตัวบุรุษได้อย่างไรกัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD