วันรายงานตัวของนักศึกษาชั้นปีที่ 1
“ฐิสา เร็วๆ หน่อยสิลูกเดี๋ยวไม่ทันนะ”
“จ้าป้า ฐิสามาแล้ว”
เสียงกึกกักดังมาจากด้านบน ก่อนเจ้าของใบหน้าผุดผ่องเรือนร่างสวยสะพรั่งสมวัยเป็นสาวเต็มตัวจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งซอยเท้าลงมา หทัยรัตน์ถอนหายใจ ทว่าใบหน้ากลับระบายยิ้มด้วยความภาคภูมิใจกับภาพหลานสาวในชุดนักศึกษาน้ำตาปริ่ม แต่ไม่วายปากก็บ่นออกไปตามใจคิด
“ทำอะไรให้มันเป็นกุลสตรีหน่อยได้มั้ยเรา เป็นสาวจนเข้ามหาลัยเเล้ว สอนไม่จำเลยหลานคนนี้”
หทัยรัตน์จับเสื้อผ้าที่เข้าที่อยู่เเล้วบนตัวหลานสาวให้เรียบร้อยกว่าเดิม ส่วนคนถูกบ่นหาได้โกรธซะที่ไหน มิหนำซ้ำยังยิ้มอย่างเอาใจ วรฐิสารู้ดีว่าบนโลกนี้ไม่มีใครจะรักและทำทุกอย่างให้เธอได้เท่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้อีกเเล้ว
ก็มีอย่างที่ไหน บ่นไปก็น้ำตาคลอไป เธอรู้ว่าป้าภูมิใจในตัวเธอ
“โถ่ ป้า อย่าบ่นเลยนะจ๊ะ บ่นมากเดี๋ยวแก่เร็วนะ ไหนป้าบอกเรารีบไม่ใช่เหรอจ๊ะ ไปกินข้าวกันดีกว่า ฐิสาหิวเเล้ว เดี๋ยวเราได้รีบไปกัน”
หลานโผเข้ากอดเอาหน้ามาซบแล้วพาเดินควงเเขนไป จนนางต้องส่ายหน้ากับความฉอเลาะช่างเอาอกเอาใจนั้น
กินข้าวเรียบร้อย สองป้าหลานพากันเดินออกมาจากบ้าน ปิดประตูรั้วเรียบร้อย จูงมือกันเดินไปปากซอยเรียกรถเเท๊กซี่เพราะไม่อยากไปสายเกินกว่าเวลาที่กำหนดไว้
หน้าหอประชุมมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
นักศึกษาเดินกันขวักไขว่ บรรยากาศดูคึกคักไม่น้อย การรายงานตัวผ่านพ้นไปด้วยดี เธอได้เข้าเป็นนักศึกษาคณะบริหารอย่างเต็มตัว แม้มีส่วนอื่นที่วรฐิสาต่างจากคนอื่นบ้าง ก็ตรงการกู้ยืม กยศ ที่ทำให้กระบวนการของเธอเสร็จสิ้นช้ากว่าคนอื่นหน่อย และถูกมองด้วยสายตาเย้ยหยันเล็กน้อยจากเพื่อนบางคนตั้งเเต่ยังไม่ได้รู้จักกัน
“ไม่ต้องก็ได้นะลูก” หทัยรัตน์ถาม นานาจิตตัง แต่นางเห็นสายตาเพื่อนบางคนที่มองหลานเช่นกัน วรฐิสาส่ายหน้า
“ไม่เลยจ๊ะป้า ไม่เป็นไรหรอก อย่าไปใส่ใจเลย เราไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย ดีซะอีกฐิสาจะได้แบ่งเบาภาระป้าได้ด้วย” สองมือจับจูงเดินออกไปข้างหน้าด้วยกัน เสียงใสว่าต่อ
“เเล้วฐิสายังวางแผนไว้อีกนะจ๊ะ ว่าถ้าเรื่องการเรียนลงตัวแล้วสักพักจะรับสอนพิเศษช่วยป้าอีกทาง”
พ่อเธอเป็นชาวต่างชาติ หลังจากมีเธอได้สามปี พ่อแม่ก็เลิกรา แม่เเต่งงานไปอยู่กับครอบครัวใหม่ ทิ้งเธอให้อยู่กับป้าแรกๆ ส่งเงินมาให้บ้าง แต่พอแม่ท้องลูกอีกคน เงินที่ส่งมาก็หายไป ป้าเลี้ยงเธออย่างเต็มตัว เปรียบเหมือนแม่
“มันจะเหนื่อยไปมั้ยลูก ป้ายังไหว แค่ที่ช่วยป้าทำขนม ตั้งใจเรียนได้ใบปริญญามาให้ป้าชื่นใจ แค่นี้ก็พอเเล้วลูก”
“อันนั้นมันแน่นอนอยู่เเล้วจ๊ะ ฐิสาจะตั้งใจเรียน ป้ารออีกหน่อยนะจ๊ะ เรียนจบแล้วฐิสาก็จะหางานทำ ทีนี้จะได้มีเงินเดือนเลี้ยงป้า จะเลี้ยงให้นั่งกินนอนกินให้อ้วนเลย”
“เด็กคนนี้นี่”
“แต่ตอนนี้เรากลับไปทำขนมกันดีกว่าเนอะ”
“วันนี้มีออเดอร์เยอะเลย เดี๋ยวแวะซื้อของไปเพิ่มหน่อยนะลูกนะ”
สองป้าหลานต่างหัวเราะ เดินออกมาพร้อมกัน เป็นอีกวันที่ชื่นมื่นมีความสุข ทั้งสองเดินมาถึงด้านหน้ามหาวิทยาลัยเธอบอกให้ป้ายืนรอ ส่วนตัวเองเดินออกไปเรียกรถเเท๊กซี่ ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ว้าย!!
ผู้คนแถวนั้นต่างเเตกตื่น วรฐิสาหันกลับไป พริบตาแรกไม่ทันตั้งตัว แต่พอเห็นเป็นทป้าที่หมดสติล้มลงไป ดวงตาคู่หวานเบิกกว้าง เธอรีบวิ่งเข้าไปหา ทรุดตัวลงนั่งกลางวง
“ป้ารัตน์!!”
หญิงสาวร้องเรียก หวังให้คนหมดสติตอบสนองบ้าง แต่ไม่เลย มีคนเข้ามาช่วยพัด โทรตามรถพยาบาล เสียงตื่นตกใจหนึ่งที่ดังขึ้นทำให้เด็กสาวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ไม่หายใจ!!
ไม่หายใจ… หมายความว่ายังไง
ไม่นะ!!
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยป้าหนูด้วย!!”
วรฐิสาน้ำตาไหลพรากส่งเสียงร้องตะโกน มีคนขึ้นมาพยายามปั๊มหัวใจ แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้น
ท่ามกลางวงล้อมเสียงเซ็งแซ่ของผู้คน น้ำตาหญิงสาวยังไหลลงมาไม่ขาดสาย แล้วเธอควรจะทำอย่างไร
จนมีเสียงทุ้มเข้มของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ผมเป็นหมอ ขอทางหน่อยครับ”