"มาแล้วค่ามาแล้ว ข้าวหอมคนสวยมาแล้ว"เสียงหวานสดใสดังขึ้นแต่เช้าพร้อมกับเสียงวิ่งตึงตังลงมาจากชั้นบน จนทำให้พ่อแม่และพี่ชายที่กำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกนั้นต่างพากันหันหน้าไปมองยังต้นเสียงของสาวน้อยวัย 19 ปี ที่เป็นดวงใจของบ้านวิ่งลงมาอย่างเร่งรีบโดยมาในลุคชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดัง
"ข้าวหอม แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่งลงมาแบบนี้เดี๋ยวหกล้มขึ้นมาแข้งขาหักจะทำยังไงค่ะ"ขวัญฤดีแม่ของข้าวหอมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน ถึงแม้ว่าอายุเธอจะเฉียดเลขสี่แล้วแต่เธอก็ยังสวยสง่าคำพูดคำจาก็อ่อนหวานน่าฟังอยู่เสมอ
"ข้าวหอมไม่ล้มหรอกค่ะแม่ข้าวหอมระวังอยู่ค่ะ"สาวน้อยเอ่นขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสดใสก่อนจะเดินไปนั่งแทรกระหว่างกลางระหว่างพ่อกับแม่
"หึ แม่ไม่ต้องห่วงน้องหรอกครับ น้องวิ่งลงมาแบบนี้ทุกวันคงชินแล้วครับ แล้วนี่ทำอะไรอยู่ถึงลงมาช้าเดี๋ยวก็ไปมหาลัย สายตั้งแต่วันแรกหรอก"เจ้าขุนที่อยู่ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังเอ่ยขึ้นเมื่อน้องสาวทำเวลาช้าตั้งแต่วันแรกที่เข้ามหาลัย
เจ้าขุนเป็นพี่ชายของข้าวหอมและตอนนี้เขากำลังเรียน ปี 4 ในขณะที่ข้าวหอมเพิ่งจะเข้าเรียนปี 1 ในคณะนิเทศฯ ส่วนเจ้าขุนนั้นเรียนบริหารธุรกิจ
"แกก็คอยแต่จะว่าน้องทั้งๆที่แกเองก็เพิ่งลงมาเมื่อกี้เองนะ แถมเมื่อคืนก็ไม่กลับบ้านมัวแต่ไปมั่วกับผู้หญิงยังจะมาว่าน้องอีก"เจ้าหยางพ่อของทั้งสองเอ่ยขึ้นเสียงดัง
"โอเคครับๆผมผิดพอใจยังครับ ถ้าพอใจแล้วก็อัญเชิญเจ้าหญิงของพี่โปรดลุกขึ้นแล้วเสด็จไปมหาลัยได้แล้วครับ"เจ้าขุนส่ายหน้าไปมากับความลำเอียงของพ่อ แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเขาเองก็รักน้องสาวของเขามากเหมือนกัน
"ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา"ขวัญฤดีลุกขึ้นพร้อมกับลูกๆและสามีหวังขะเดินออกไปส่งลูกสาวและลูกชายไปมหาลัย
"ไปกันค่ะ"ข้าวหอมเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะยื่นมือเรียวไปโอบเอวของพ่อและแม่แล้วสาวเท้าเดินออกไปที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลอัศวะโยธินของเจ้าหยาง หนุ่มฮ่องกงที่มาตกหลุมรักสาวน้อยขวัญฤดีจนไม่ยอมกลับประเทศ จนเขาทุ่มทุนมาสร้างบริษัทจนกลายเป็นร้านเพชรที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดจนไม่มีไฮโซหรือดาราคนไหนที่จะไม่รู้จักตระกูลของเขาเลย
"วันนี้น้องไปเรียนวันแรก แกเป็นพี่ต้องดูแลน้องให้ดีๆเข้าใจไหม น้องเรียนแต่โรงเรียนหญิงล้วนมาตลอดอาจจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกผู้ชาย"เจ้าหยางหันไปกำชับลูกชายอีกครั้ง
ตอนแรกเขาอยากจะส่งคนไปดูแลลูกสาวมากแต่ข้าวหอมกลับร้องงอแงบอกว่าเธอโตแล้ว อีกอย่างถ้าเขาส่งคนไปเฝ้าเธอ เธอก็จะไม่ไปเรียนนั่นจึงทำให้เขาต้องมอบหน้าที่นี้ให้ลูกชายอย่างเจ้าขุนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน
"ครับพ่อ ผมจะดูแลข้าวหอมให้ดีที่สุด ผมเองก็รักน้องไม่ต่างจากพ่อกับแม่รักน้องหรอกนะครับ สบายใจได้เลยครับ"เจ้าขุนพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน เขาชินแล้วกับความเล่นใหญ่ของพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้
"รีบไปเถอะลูก เดี๋ยวจะสาย"ขวัญฤดีพูดขึ้นหากเธอไม่รีบเอ่ยตัดบทบอกมีหวังลูกๆคงไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยกันพอดี
"ไปแล้วนะคะ จุ๊บ จุ๊บ"พูดจบข้าวหอมก็รีบเขย่งเท้าขึ้นไปจุ๊บแก้มผู้เป็นพ่อกับผู้เป็นแม่คนละครั้งก่อนจะสาวเท้าเดินไปขึ้นรถที่เจ้าขุนเปิดประตูรอ ก่อนที่ตัวเขาเองจะเดินอ้อมนั่งฝั่งคนขับและทันทีที่น้องสาวขึ้นรถแล้วเขาก็ขับรถสปอร์ตคันหรูตรงไปยังมหาลัยทันที
'มหาวิทยาลัย MKL'
หลังจากขับรถมาได้สักพักรถสปอร์ตคันหรูก็แล่นมาจอดเทียบที่หน้าร้านสะดวกซื้อหน้ามหาลัยชื่อดังเพราะก่อนที่ข้าวหอมจะเข้ามหาลัยเธอจะต้องซื้อของกินติดกระเป๋าเข้าไปด้วย
"งั้นพี่ส่งแค่นี้นะถ้าซื้อของเสร็จแล้วก็เดินไปที่คณะได้เลย นั่นไงอยู่ไม่ไกลเลย"เมื่อจอดรถเสร็จเจ้าขุนก็ชี้นิ้วเรียวยาวไปยังคณะที่น้องสาวเรียนเพื่อบอกเส้นทางเธอว่าร้านสะดวกซื้อกับคณะที่เธอเรียนอยู่ อยู่ใกล้ๆกัน
"ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณพี่ชาย จุ๊บ"ข้าวหอมเขย่งเท้าขึ้นไปหอมแก้มเจ้าขุนด้วยความเคยชิน สำหรับครอบครัวของเธอแล้วการกอดและหอมกันเพื่อส่งมอบความรักให้กันและกันถือเป็นเรื่องปกติและเธอก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
"หึ ข้าวหอมทำแบบนี้ได้เฉพาะกับพี่และพ่อแม่นะอย่าไปทำกับหนุ่มๆที่ไหนล่ะถ้าพ่อรู้เข้าไอ้คนนั้นตายแน่ๆ"เจ้าขุนลอบขำในลำคอเบาๆก่อนจะจ้องมองข้าวหอมอย่างคาดโทษแล้วเอ่ยปากสั่งน้องสาวด้วยน้ำเสียงกดต่ำทันทีเพราะข้าวหอมเป็นคนค่อยข้างที่จะเชื่อคนง่ายเสียด้วย
"ชิ ข้าวหอมรู้หรอกน่า พี่คะข้าวหอมตื่นเต้นจังเลยค่ะไม่รู้ว่าจะเจอเพื่อนใหม่บ้างรึเปล่า"ข้าวหอมพูดพร้อมกับมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น ปกติเธอเรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วนซึ่งเธอก็ไม่เคยได้พบปะกับเพื่อนผู้ชายเลย
"เดี๋ยวก็มี จะคบเพื่อนก็ดูดีๆด้วยนะคบแต่เพื่อนผู้หญิงก็ดี ไม่ต้องไปคบเพื่อนผู้ชาย หรือถ้าจะคบก็ส่งชื่อและภาพมันมาให้พี่ตรวจสอบก่อนเข้าใจไหม"
"งั้นเดี๋ยวพี่เดินไปส่งดีกว่า"เมื่อช้อนสายตาคมมองไปรอบๆกายของน้องสาวเขาก็เห็นสายตาของผู้ชายหลายคนจ้องมองมาที่ข้าวหอมต่างก็แสดงออกถึงการชื่นชอบ เขาจึงตัดสินใจจะเดินไปส่งน้องสาวให้ถึงคณะดีกว่าปล่อยให้เธอเดินไปเองแต่ทว่าทันใดนั้น...
"เฮ้ย!!ไอ้เจ้าขุนมึงมากับใครวะ เด็กใหม่มึงหรอ น่ารักจังวะ"เสียงทุ้มเอ่ยทักทายขึ้นจากด้านหลังจนทำให้เจ้าขุนกับข้าวหอมค่อยๆหันไปมองตามทิศทางของต้นเสียง
ทันทีที่หันไปดวงตากลมโตก็ปะทะกับชายหนุ่มสามคนที่กำลังสาวเท้าเดินเข้ามาซึ่งใบหน้าหล่อเหลาของทั้งสามนั้นก็ทำให้หัวใจของข้าวหอมเต้นตึกๆจนจำคำพูดของพี่ชายที่พึ่งบอกไปเมื่อครู่ไม่ได้เลย เมื่อได้สบสายตากับทั้งสามคนมันก็ยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูก จนเธอยื่นมือเรียวไปจับแขนแกร่งของเจ้าขุนแน่นอย่างไม่รู้ตัว นั่นจึงทำให้เจ้าขุนเข้าใจว่าน้องสาวของเขากำลังกลัวเพื่อนของเขาและเหล่าบรรดาน้องชายของเพื่อนอยู่
"เด็กใหม่บ้าบออะไรของมึงวะ นี่ข้าวหอมน้องสาวคนเดียวของกูเองโว้ย!!"เจ้าขุนรีบเอ่ยบอกเพื่อนรักพร้อมกับส่งสายตาปราบๆไปที่พวกเขาทั้งสามคนเชิงจะบอกว่า‘นี่น้องกูโว้ย ห้ามแตะ’
"อ้าวน้องมึงเหรอ"จอมทัพเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าสายตาคมของเขานั้นเอาแต่จ้องมองใบหน้าสวยของข้าวหอมอย่างไม่ละสายตา ซึ่งท่าทางและการแสดงออกของเขาก็ไม่ต่างจากบรรดาน้องชายที่ยืนอยู่ข้างๆเลย
"ใช่ น้องกู ห้ามยุ่ง ห้ามแตะ เข้าใจไหม"เจ้าขุนบอกเพื่อนรักอย่างเน้นคำเพราะสามพี่น้องขึ้นชื่อว่าเป็นเสือประจำมหาลัยยังไงเขาก็ต้องหวงน้องสาวไว้ก่อน
"ไม่ต้องกลัวนะข้าวหอม นี่เพื่อนพี่เองมันชื่อจอมทัพ ส่วนสองคนนั้นชื่อจอมพลกับจอมเดชน้องชายของไอ้จอมทัพมัน"เจ้าขุนเอ่ยแนะนำสามพี่น้องให้ข้าวหอมรู้จักถึงแม้ว่าภายในใจจริงๆไม่อยากให้รู้จักเลยก็เถอะ
"สวัสดีค่ะ พี่จอมทัพ พี่จอมพล พี่จอมเดช ข้าวหอมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"ข้าวหอมผละมือเรียวออกจากวงแขนแกร่งของพี่ชายแล้วยกมือเรียวขึ้นไหว้อย่างคนที่ถูกอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดีพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานๆให้สามพี่น้อง
"หึ ทั้งสวยทั้งน่ารักขนาดนี้ฝากใจด้วยยังได้เลยครับน้องข้าวหอม"เมื่อเห็นรอยยิ้มของสาวน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้า จอมเดชน้องคนเล็กก็เอ่ยขึ้นมาอย่างทะเล้นทันที
"น่ารักมากเลยนะครับรู้ตัวไหม"จอมทัพที่เห็นน้องชายเปิดเขาก็รีบเป็นกำลังเสริมทันที
"พอเลยพวกมึง ไม่ต้องเสือกมายุ่งกับน้องกู กูจะเดินไปส่งน้องก่อน เดี๋ยวกูจะตามไปทีหลัง ไปกันข้าวหอม"
เมื่อเจ้าขุนเริ่มเห็นสกิวล่าเหยื่อของสามพี่น้องเริ่มทำงานเขาก็รีบเอ่ยปากห้ามทันทีเพราะสามพี่น้องขึ้นชื่อในเรื่องล่าแต้มเห็นผู้หญิงสวยๆหน่อยไม่ได้ แถมพวกเขายังเป็นพี่น้องที่รักกันมากเมื่อรวมตัวกันเมื่อไรความชิปต้องมาเยือน พูดจบเจ้าขุนก็โอบเอวบางของน้องสาวแล้วรีบสาวเท้าเดินตรงไปยังคณะนิเทศศาสตร์ทันที
ทันทีที่เจ้าขุนกับข้าวหอมเดินออกไปสามพี่น้องก็ได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กๆของเธอพร้อมกับสบตากันอย่างมีเลศนัย ขาเรียวขาวๆที่พ้นกระโปรงลงมา เอวบางเล็กๆที่เจ้าขุนโอบไว้อย่างหวงแหนแถมใบหน้ายังสวยจนไร้ที่ติมันช่างถูกใจและตรงสเปกพวกเขาเสียจริงๆ
"น้องพี่เจ้าขุนแม่ง!!น่ารักอย่างกับตุ๊กตาเลย ขาก็เรียวสวย น่าเอามาพาดคอชะมัด"เป็นเสียงของจอมพลที่เอ่ยขึ้นเพราะตั้งแต่เขาเจอหน้าเธอวินาทีแรกเขาก็มองเธอตาไม่กะพริบเลย
"เฮ้ย!!ไอ้พลมึงอย่า นั่นน้องสาวไอ้เจ้าขุนนะเว้ยดูทรงมันคงหวงมากด้วย มึงอย่าคิดจะทำอะไรไม่ดีๆก็แล้วกัน"เป็นเสียงของจอมทัพที่เอ่ยแทรกขึ้นมาเชิงตักเตือนน้องชาย
"อย่าบอกว่ามึงไม่ได้คิด..."จอมเดชที่ยืนเงียบอยู่นานก็เอ่ยแซวพี่ชายทันที สวยขนาดนี้เป็นไปไม่ได้หรอกที่ผู้ชายอย่างพวกเขาจะไม่จินตนาการ...
"ไม่ ไม่เหลือว่ะ หึ"จอมทัพเอ่ยขึ้นพร้อมกับลอบหัวเราะออกมาอย่างเขินอายที่น้องชายมักจะรู้ทัน
"หึ กูก็นึกจะมึงจะมีจิตสำนึกที่ดีไม่กินของหวงของเพื่อน แม่งเลวดีว่ะ"จอมพลเอ่ยขึ้นอย่างขบขันซึ่งต่อให้จอมทัพพี่ชายของเขาจะห้ามจริงๆเขาก็ไม่ฟังเพราะตอนนี้เขาสนใจข้าวหอมไปแล้ว
"กูก็ว่างั้น เดี๋ยวกูไปสืบก่อนว่าน้องเรียนคณะอะไรเผื่อกูจะไปลงเรียนวิชาเดียวกันกับน้องเพราะกูอยู่ปี 2 ไม่ได้ ‘แก่’ เหมือนพวกปี 3 ปี 4 อย่างพวกมึง"พูดจบจอมเดชก็เดินออกไปทันทีโดยปล่อยให้คนที่ถูกเรียกว่าแก่ได้แต่มองหน้ากันไปมา
"นี่มันยังนับถือกูเป็นพี่อยู่หรือเปล่าวะ"จอมทัพสบถออกมาเบาๆ
"แล้วมึงคิดว่ามึงทำตัวให้มันนับถือหรือเปล่าวะ"จอมพลเอ่ยแทรกขึ้นแล้วแยกย้ายเดินออกไปอีกทางทันที
"เอ่อ จริงดิกูเป็นพี่แต่พวกมึงไม่เคยเรียกกูว่าพี่เลยไอ้พวกเด็กเวร"จอมทัพที่รู้ตัวช้าก็ได้แต่ตะโกนด่าตามหลังน้องชายไปอย่างไม่คิดอะไรมาก
พวกเขาทั้งสามคนเป็นพี่น้องกันและมีช่วงอายุที่ห่างกันแค่คนละหนึ่งปี เรียกได้ว่าพ่อของพวกเขานั้นขยันทำลูกหัวปีท้ายปีถึงสามปีซ้อนเลยก็ว่าได้ ซึ่งการเลี้ยงดูของพวกเขาทั้งสามคนนั้นจะถูกเลี้ยงแบบเป็นเพื่อนกันต่อหน้าแม่จะมีการเรียกกันว่า พี่ทัพ พี่พล น้องเดชอยู่บ้าง แต่พอลับหลังแม่ มีแต่มึงกับกูเท่านั้น.....