เกิดใหม่เป็นเถ้าแก่เหลาสุรา
เกิดใหม่ครั้งที่ 10
“ลูกแป้งที่นายน้อยให้ข้าทำนั้นน่าจะได้ที่แล้วนะขอรับ แล้วก็เมื่อคืนข้าแช่ข้าวเหนียวให้ท่านแล้วเรียบร้อย” เจียงเฉิงพูด
“ได้ๆ เดี๋ยวข้าเสร็จแล้วจะรีบออกไป”
วันนี้ซุยหลินตื่นเช้าได้แล้วเนื่องจากเจียงเฉิงเข้ามาปลุกในยามเหม่าเพื่อไปทำเครื่องดื่มใหม่ที่ซุยหลินบอกว่าอยากทำ ตอนนี้ร่างบางกำลังจัดการตัวเองอยู่ในห้องน้ำตะโกนตอบเจียงเฉิงที่กำลังทำความสะอาดภายในห้องนอน เมื่อหลายวันก่อนซุยหลินสอนสองพี่น้องเจียงทำลูกแป้งเนื่องจากตอนนี้เครื่องดื่มที่มีนั้นลูกค้าดื่มจนเบื่อกันแล้ว เบียร์ที่หมักก็ยังไม่ได้ที่เท่าไหร่ต้องรออีกเล็กน้อย ซุยหลินเลยอยากทำเครื่องดื่มที่ใช้เวลาไม่มากเพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่หนีหายไปไหนเสียก่อน
“ไปกันเถอะ”
เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วซุยหลินก็พยักหน้าเรียกให้เจียงเฉิงเดินตามออกมา ทั้งคู่เดินไปที่โรงต้มเหล้าก่อนจะเห็นว่าเจียงสุ่ยนั้นกำลังล้างเมล็ดข้าวให้อยู่
“เจ้าสองพี่น้องนี่ทำงานไม่เคยพลาดเลย เมื่อคืนข้าสั่งอะไรไว้ก็ทำไว้เรียบร้อยหมดเลย เก่งกันจริงๆ” ซุยหลินพูดอย่างภูมิใจ “ล้างได้กี่ครั้งแล้วล่ะอาสุ่ย”
“สองครั้งแล้วขอรับนายน้อย”
“ดีๆ งั้นเดี๋ยวตั้งหม้อนึ่งข้าวเหนียวได้เลยนะ”
“ได้ขอรับเดี๋ยวข้าจัดการให้” เจียงเฉิงขยับไปก่อไฟในเตา
ซุยหลินที่คิดว่าทุกอย่างน่าจะให้สองพี่น้องเจียงเป็นคนทำแทนได้เลยมานั่งเอนหลังดูสองพี่น้องช่วยกันทำงาน ไม่นานข้าวเหนียวกว่าหกสิบจินก็ถูกนึ่งจนเสร็จเรียบร้อยในสองชั่วยาม
“เดี๋ยวเร่งมือหน่อยนะ นี่ก็ใกล้ยามอู่แล้ว จะไปเปิดร้านไม่ทันเอา”
“ขอรับนายน้อย”
ทั้งสามคนช่วยกันแบ่งกองข้าวเหนียวที่นึ่งเสร็จแล้วออกเป็นสองกองเพราะว่าซุยหลินจะทำทั้งเหล้าสาโทและข้าวหมาก
“กองนั้นที่ทำข้าวหมากเดี๋ยวอาเฉิงล้างน้ำให้ข้าหน่อย เอาให้คราบเหนียวๆ ของข้าวหายจนหมดเลยนะ”
“ได้ขอรับ”
“ส่วนอาสุ่ยเจ้ามาช่วยข้าเอาลูกแป้งใส่ในกองที่จะทำเหล้าสาโทหน่อย เดี๋ยวข้าคลุกลูกแป้งนี่เอง ส่วนเจ้าก็ค่อยๆ เทน้ำลงมานะ”
“ขอรับนายน้อย”
ซุยหลินและเจียงสุ่ยช่วยกันคลุกลูกแป้งและเทน้ำลงในส่วนของข้าวเหนียวที่จะทำเหล้าสาโท เมื่อเข้ากันดีแล้วก็ค่อยๆ ตักใส่ไหหมักแล้วเอาผ้าขาวบางมาปิดปากไหไว้
“อาสุ่ยยกไปเก็บในห้องหมักเหล้านะ เดี๋ยวข้าจะช่วยอาเฉิงต่อ”
“ขอรับนายน้อย”
ซุยหลินขยับมาช่วยเจียงเฉิงคลุกลูกแป้งให้เข้ากัน เมื่อเรียบร้อยดีแล้วก็ตักใส่จอกไม้ไผ่เอาไว้ มองดูจำนวนแล้วก็พยักหน้าเล็กน้อยเนื่องจากได้จำนวนที่อยู่ในระดับพอใจ
“แล้วข้าวหมากนี่ต้องหมักกี่วันขอรับ” เจียงเฉิงถาม
“ข้าวหมากนี้สองวันก็พอ แต่ว่าเหล้าสาโทน่าจะราวหนึ่งเดือนเลย แต่ยังไงข้าก็ต้องลองชิมรสชาติเรื่อยๆ เมื่อเหล้าสาโทมีรสหวานก็ขายได้แล้วล่ะ”
“อย่างน้อยก็มีข้าวหมากนี่ให้ลูกค้าได้ลองของใหม่ๆ นะขอรับ”
“ใช่ บ่นกันระงมเลยว่าเมื่อไหร่เครื่องดื่มใหม่ๆ จะมา ข้าเองอยากรอให้เบียร์หมักได้ที่ก่อนแต่ว่าลูกค้าคงไม่อยากจะรอแล้ว ถ้าเราทิ้งช่วงนานเดี๋ยวลูกค้าหนีหายอีก”
เจียงเฉิงพยักหน้า “จริงด้วยขอรับ ไม่ควรทิ้งช่วงนาน นายน้อยของข้าฉลาดที่สุดเลย”
“ข้าไม่ได้บ้ายอ” ซุยหลินขมวดคิ้วใส่เจียงเฉิงก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“นายน้อยขอรับงั้นข้าขนเหล้าที่ต้องขายวันนี้ไปที่เหลาสุราเลยนะขอรับ” เจียงสุ่ยเดินมาบอกซุยหลิน
“ไม่รอหน่อยหรือ ข้ากับอาเฉิงจะเสร็จแล้ว”
“ไม่ดีกว่าขอรับ ข้าขนไปเองได้ อีกทั้งที่เหลาสุรายังมีพวกของหลงกั๋วอยู่ เดี๋ยวข้าให้พวกเขาช่วยก็ได้ขอรับ”
“อ่า.. ถ้าเจ้าว่าแบบนั้นก็ได้” ซุยหลินพยักหน้าก่อนจะโบกมือให้เจียงสุ่ยน้อยๆ
เจียงสุ่ยโค้งให้กับซุยหลินก่อนจะเดินไปขนไหเหล้าขึ้นเกวียน ซุยหลินกับเจียงเฉิงเลยได้นั่งคุยกันต่ออีกเล็กน้อย
“เอ๊ะ.. แต่ว่าสามพี่น้องจินก็น่าจะเข้าไปที่ร้านแล้วเหมือนกันนี่นา”
“มีอะไรหรือขอรับนายน้อย”
“ไม่มีอะไรๆ ข้าก็แค่คิดอะไรไปเรื่อย”
ซุยหลินส่ายหัวรัวๆ ก่อนจะบอกปัดเจียงเฉิงไป ทั้งคู่ช่วยกันตักข้าวหมากใส่จอกไม้ไผ่จนเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไปทำความสะอาดตัวเองเพื่อไปเริ่มทำงานที่เหลาสุรา
“อีกนานไหมท่านลุง ข้าอยากเปิดรับลูกค้าเยอะๆ แล้ว” ซุยหลินแหงนหน้าถามช่างไม้ที่กำลังต่อเติมร้านด้านหลังอยู่
“น่าจะอีกสามถึงสี่วัน แต่ว่าโต๊ะและเก้าอี้ที่เจ้าสั่งเพิ่มจะเข้ามาส่งวันนี้นะ”
“ได้ขอรับ ด้านข้างก็ต่อเติมเสร็จไปแล้ว เดี๋ยวข้าจะได้จัดพื้นที่หน้าร้านรอ” ซุยหลินพยักหน้าน้อยๆ
“ข้าจะเร่งมือให้ก็แล้วกัน เพราะว่าเจ้าจ้างข้าแต่ละครั้งไม่เคยต่อราคาเลย”
“ขอบคุณขอรับ ข้าขอตัวไปดูลูกค้าก่อนนะ”
ซุยหลินเดินกลับมาในร้านก่อนจะเดินไปบอกจินเยว่ว่าเดี๋ยววันนี้จะมีโต๊ะชุดใหม่เข้ามาส่ง ถ้ามาถึงแล้วให้เข้าไปเรียกที่ห้องทำงาน ซุยหลินกวาดตาดูความเรียบร้อยในร้านอีกเล็กน้อย เนื่องจากว่ายังไม่ได้เวลาเปิดร้านจึงมีแค่คนงานช่วยกันทำความสะอาด แต่มันแปลกตรงที่ว่าหลงกั๋วที่ไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้มาหยิบไม้กวาดช่วยกวาดพื้นทำไม
ซุยหลินยืนกอดอกมองหลงกั๋วที่กำลังกวาดพื้นอย่างตั้งใจ จนร่างสูงรู้สึกว่ามีใครมองอยู่ค่อยๆ หันหน้ามาสบตาซุยหลินแวบหนึ่งก่อนจะรีบหันหน้าหนีไปทางอื่นซ่อนใบหน้าที่กำลังแดง ซุยหลินหรี่ตามองก่อนจะทำปากเบะใส่แล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเองเพื่อไปทำงาน
“ว่าไปที่ร้านก็ดูเงียบหูอยู่นะเนี่ย เราออกไปหานักร้องมาช่วยเพิ่มบรรยากาศน่านั่งด้วยดีมั้ย ลูกค้าจะได้ไม่เบื่อ”
ซุยหลินที่ทำบัญชีเสร็จเรียบร้อยพูดกับตัวเองเนื่องจากตอนนี้เปิดร้านแล้วแต่ว่าได้ยินเพียงแค่เสียงพูดคุยกันเล็กน้อยของลูกค้าและเสียงขานรับเมนูของลูกน้องเท่านั้น
เมื่อตัดสินใจกับตัวเองแล้วซุยหลินก็เดินออกไปบอกลูกน้องทุกคนว่าเขาจะออกไปข้างนอก
“เดี๋ยวเจ้าสองพี่น้องเจียงช่วยดูแลร้านนี่แหละ เพราะเจ้าอยู่ใกล้ชิดข้าที่สุดน่าจะดูแลร้านได้” ซุยหลินยกมือขึ้นห้ามเมื่อสองพี่น้องเจียงทำท่าจะเดินตาม “ข้าเอาอาหลานไปแล้วกัน เจ้าไปที่ตลาดเป็นเพื่อนข้าหน่อย ขับเกวียนเป็นใช่ไหม”
“ขับเป็นขอรับ”
“ดี งั้นพาข้าไปตลาดในเมืองหน่อย ข้าอยากไปเดินเล่น” ซุยหลินกวักมือเรียกจินหลานให้ออกไปด้วยกันแทน ก่อนจะพยักหน้าให้กับลูกน้องทุกคน “ข้าจะรีบไปรีบกลับ พวกเจ้าดูแลร้านกันให้ดี”
“ขอรับ”
เมื่อทุกคนรับปากแล้วซุยหลินก็เดินขึ้นเกวียนให้จินหลานเป็นคนขับ เป้าหมายตอนนี้คือตลาดที่ใหญ่ที่สุดซึ่งก็ต้องเข้าไปในเมือง โชคดีที่ไม่ต้องเดินทางไกลขับเกวียนแค่เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น
มองบรรยากาศที่อยู่โดยรอบแล้วซุยหลินก็รู้สึกพึงพอใจกับความเจริญของคนที่อยู่ใกล้เมืองหลวง ถึงแม้ว่าหมู่บ้านที่ซุยหลินอยู่นั้นจะไม่ไกลกับเมืองหลวงเท่าไหร่แต่ว่าความเจริญนั้นเทียบกันไม่ได้เลย
“โคตรเหลื่อมล้ำเลยแม่ มันมีมาตั้งแต่ยุคนี้เลยสินะ”
ซุยหลินบ่นกับตัวเองก่อนจะลุกออกมาจากเกวียนเมื่อจินหลานจอดสนิทแล้ว
“ไปเถอะอาหลาน ข้าว่าที่นี่น่าจะมีสิ่งที่ข้าต้องการ”
ซุยหลินเรียกจินหลานให้เดินตามไปก่อนจะจ่ายค่าฝากเกวียนให้คนรับดูแลเกวียนแถวนั้น ร่างบางค่อยๆ ไล่สายตามองร้านต่างๆ ที่เปิดขายสินค้าอยู่ มีของแปลกใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมลายสวยงาม เครื่องประดับผม หรือแม้กระทั่งอาหารก็มีบางอย่างหน้าตาแปลกๆ แต่ก็น่าลองยิ่งนัก
“พี่หลินมาหาอะไรที่นี่หรือขอรับ” จินหลานถาม
ถึงแม้ว่าซุยหลินจะจ้างสามพี่น้องจินมาทำงานแต่ก็ไม่ได้กดขี่ว่าตนเป็นนายจ้างแล้วสามพี่น้องจินเป็นลูกจ้างเลย อย่างไรทั้งสามคนก็คือลูกชายของเถ้าแก่จินที่เป็นเพื่อนสนิทของเถ้าแก่ซุยพ่อของซุยหลิน การเรียกขานกันจึงเป็นเหมือนที่เคยเรียกกันตอนเด็กๆ
“ข้ามาหานักดนตรีน่ะ”
“นักดนตรีหรือขอรับ” จินหลานเอียงขอ
“อื้อ.. ข้าว่าที่ร้านมันเงียบๆ ไปหน่อยเลยอยากได้ความบันเทิงไปให้ลูกค้าได้ผ่อนคลาย”
“แล้ว.. มาที่ตลาดทำไมหรือขอรับ เราน่าจะไปสำนักดนตรีมากกว่านะขอรับ”
ซุยหลินโบกมือพร้อมเบะปาก “ข้าพนันได้เลยว่าคนจบมาจากสำนักดนตรีจะต้องหัวแข็งและเอาใจยากแน่นอน แบบว่าคนเรียนจบสูงมีนามสำนักดนตรีแขวนอยู่ท้ายชื่อก็คงจะลำพองตัวในประมาณหนึ่งเลย มาหาเอาตามตลาดแบบนี้ดีกว่า บางทีเราอาจจะเจอเพชรเม็ดงามก็ได้”
“อ่า.. ท่านพี่ฉลาดยิ่งนัก” จินหลานปรบมือ
ซุยหลินยักไหล่ขึ้นน้อยๆ ราวกับรับคำชม “ข้าไม่ได้บ้ายอเสียหน่อย”
จินหลานหัวเราะน้อยๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินหานักดนตรีเพชรเม็ดงามกันต่อด้วยคาดหวังว่าถ้าหาในตลาดนี้ไม่ได้จริงๆ ซุยหลินก็คงต้องไปติดต่อที่สำนักดนตรีแทน
ระหว่างทางเจอขนมหรือของที่น่าสนใจซุยหลินก็จะแวะดูอยู่ตลอด ทั้งคู่เดินไปพร้อมกับยัดถังหูลู่เข้าปากไปด้วยอย่างเอร็ดอร่อย
“อื้ม.. น่าเอาไปเป็นของตกแต่งในแก้วเหล้า” ซุยหลินเคี้ยวไปพลางบ่นกับตัวเองเบาๆ
“นั่นน่าจะเป็นการแสดงอะไรสักอย่างนะขอรับท่านพี่ คนมุงเยอะเขียว” จินหลานชี้ไปที่จุดจีนมุง
“ไปเถอะ คนมุงขนาดนี้ต้องดีแน่นอน”
ทั้งสองคนวิ่งไปตรงที่มีคนมุงเยอะๆ แต่ยังเดินไม่ถึงดีก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีดังออกมา เมื่อสามารถแหวกผู้คนจนมายืนอยู่ด้านหน้าได้แล้วซุยหลินก็เจอกับชายคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าผีผา
“ว้าว.. โคตรเพราะเลย”
เสียงผีผาของนักดนตรีหนุ่มทำเอาคนที่หยุดฟังคล้อยตามไปกับเสียงเพลงจนบางคนโยกเบาๆ ไปตามท่วงทำนองที่ดีดออกมาอย่างหลงใหล เบื้องหน้าที่กำลังเล่นผีผาอยู่นี้เป็นชายหนุ่มที่น่าจะอายุมากกว่าซุยหลินราวสี่ถึงห้าปีได้ รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาพอไปวัดไปวา ซุยหลินพยักหน้าน้อยๆ อย่างพึงพอใจ
จนเมื่อบทเพลงจบลงนักดนตรีหนุ่มก็หยิบเอาถ้วยไม้ที่อยู่ข้างตัวลุกขึ้นเดินมาหาคนที่ยืนดูการแสดงของเขา แต่ทุกคนกลับเดินแตกฮือกันออกไปคนละทิศละทาง มีเพียงบางคนเท่านั้นที่ให้สินน้ำใจ
“เจ้าสนใจไปเล่นที่เหลาสุราของข้าไหม” ซุยหลินถือเหรียญเงินในมือพร้อมเอ่ยถาม
ชายนักดนตรีลังเลเล็กน้อย “ท่านจะไม่หลอกข้าไปใช้งานแบบไม่จ่ายเงินใช่หรือไม่”
“ข้าจะหลอกเจ้าทำไมล่ะ” ซุยหลินขมวดคิ้ว
“ว่าแต่ร้านของท่านอยู่ที่ไหนล่ะ”
“อยู่หมูบ้านซิวเฟิ่งที่ห่างออกไปครึ่งชั่วยามถ้าหากนั่งรถเกวียน”
เมื่อพูดชื่อของหมูบ้านขึ้นมาชายนักดนตรีก็ทำหน้าไม่พอใจ “ข้าไม่มีทางกลับไปที่หมู่บ้านเฮงซวยนั่นอีกแล้ว” พูดจบก็เดินไปเก็บของใส่ถุงผ้าก่อนจะเดินหนี
“เดี๋ยวๆๆๆๆ ท่านจะไปไหน” ซุยหลินวิ่งไปคว้าแขนเอาไว้
“ข้าไม่มีวันกลับไปให้ท่านหลอกอีกครั้งแน่นอน”
“ข้าเคยหลอกอะไรท่านเล่า เราเพิ่งเคยเจอกันเนี่ย” ซุยหลินขมวดคิ้ว
“เจ้าอย่ามาโกหกข้าดีกว่า เมื่อปีที่แล้วข้าเพิ่งถูกพ่อของท่านหลอกไปเล่นดนตรีที่ร้านแต่ไม่ยอมให้ค่าจ้างกับข้าแม้แต่อีแปะเดียว”
“พ่อข้าเนี่ยนะ?”
“ใช่! ไม่ให้ค่าแรงข้าแถมยังทุบตีไล่ข้าออกมาราวกับว่าข้าเป็นหมาตัวหนึ่ง เถ้าแก่ปาพ่อของเจ้ามันชั่วยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก”
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ” ซุยหลินกระตุกมือของชายนักดนตรี “ท่านว่าอะไรนะ พ่อข้าคือเถ้าแก่ปางั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ข้าว่าท่านเข้าใจผิดแล้ว พ่อข้าแซ่ซุยต่างหาก”
“....” ชายนักดนตรีเงียบลงทันทีก่อนจะหันไปมองหน้าจินหลานที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ใช่ขอรับ” จินหลานพยักหน้ารัวๆ
“ทีนี้ท่านจะคุยกับข้าดีๆ ได้หรือยัง”
“เจ้าไม่ใช่ลูกเถ้าแก่ปาจริงหรือ”
“ก็จริงน่ะสิ” ซุยหลินปล่อยแขนหนุ่มนักดนตรีก่อนจะเท้าเอว “ข้ากับเถ้าแก่ปาเป็นคู่แข่งกันต่างหากไม่ใช่พ่อลูก”
“จริงหรือ” เขาหรี่ตาอย่างไม่เชื่อใจ
“จริงสิขอรับ หรือท่านจะไปที่ร้านพร้อมกับข้าเพื่อพิสูจน์เลยไหม จะได้กลับกันเลย”
“แล้วทำงานกับท่านมีที่พักหรือเปล่า”
“อืม..ให้เขาพักที่ไหนดีล่ะอาหลาน” ซุยหลินหันไปถามจินหลาน
“ข้าไม่มีที่พักและไม่มีเงินนะ ทุกวันนี้ก็มาเล่นผีผาเพื่อหาเงินซื้อข้าวกินไปวันต่อวันเท่านั้น”
“แล้วท่านนอนที่ไหนล่ะ”
“ข้านอนที่วัดท้ายตลาดโน่น” ชายนักดนตรีชี้ไปที่ท้ายตลาด
“ต้องกลับไปเก็บของไหม ถ้าไม่ไปข้าจะได้พาไปที่เกวียนเพื่อเดินทางเลย”
“ข้าจะไปกับท่านง่ายเพียงนี้เชียวหรือ ชื่อแซ่ท่านข้าก็ยังไม่รู้จัก”
ซุยหลินถอนหายใจออกมาน้อยๆ “ข้ามีนามว่าซุยหลิน เป็นลูกชายของเถ้าแก่ซุยเจ้าของเหลาสุรา ข้ามีลูกน้องในร้านอีกสี่คนรวมจินหลานนี่เข้าไปด้วยก็เป็นห้าคนพอดี ถ้าเจ้าสนใจเป็นคนที่หกก็ไปกับข้า เราจะไปคุยรายละเอียดกันพร้อมหน้าลูกน้องของข้าทุกคน” ซุยหลินกอดอกก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง “พอใจหรือยัง ว่าแต่ท่านน่ะชื่ออะไร”
“ข้ามีนามว่าซีห่าว” เขาแนะนำตัวแค่นั้น
“แค่นี้?” ซุยหลินรอให้ซีห่าวพูดต่อแต่ก็ไม่มีอะไรออกมาจากปากเขาอีก “อือๆ รู้แค่ชื่อก็ยังดี ว่าแต่จะไปกับข้าไหม ข้าต้องรีบกลับไปดูแลร้าน”
“ก็ได้ ลองดูก็ไม่เสียหลาย อย่างน้อยเจ้าก็เป็นคู่แข่งของเถ้าแก่ปา”
“กู๊ดจ๊อบ” ซุยหลินชูนิ้วโป้ง “เช่นเรากลับไปที่เหลาสุรากันเถิดอาหลาน ออกมาเที่ยวนานเดี๋ยวพวกที่อยู่ร้านจะบ่นเอา”
ทั้งสามคนเดินทางโดยเกวียนคันเดิมกลับไปที่เหลาสุราเพื่อที่จะไปตกลงรายละเอียดการทำงานกับซีห่าวที่นั่น
ซุยหลินรอจนเวลาปิดร้านแล้วพาทุกคนมานั่งล้อมเข้าหากันโดยมีซีห่าวอยู่ตรงกลาง
“เอาข้ามานั่งอะไรตรงนี้หรือ” ซีห่าวหมองหน้าของทุกคน
“ต้อนรับคนงานคนใหม่ไง” ซุยหลินพูด
“ข้ายังไม่ตกลงเสียหน่อย”
“ข้าก็ยังไม่ได้พูดเรื่องค่าแรงและงานที่ท่านต้องทำเลย” ซุยหลินส่ายหน้าน้อยๆ “ข้าจะให้ค่าแรงท่านที่สามร้อยเหรียญทองแดง ถ้าท่านจะเล่นดนตรีเพียงอย่างเดียว แต่ข้าก็ไม่ได้จะให้มาสยเล่นทั้งวันนะ ข้าเปิดร้านแค่สี่ชั่วยาม จะให้ท่านเล่นดนตรียามโหย่วถึงยามสวี มีแบ่งพักเหนื่อยทุกครึ่งชั่วยามเป็นเวลาหนึ่งเค่อ”
“แล้วถ้าข้าไม่เล่นดนตรีเพียงอย่างเดียวเล่า”
“ข้าก็จะให้ท่านห้าร้อยเหรียญทองแดงเท่าทุกคน แต่ว่าก็จะมีเพิ่มหน้าที่ช่วยทำความสะอาดและดูแลลูกค้าอย่างที่ทุกคนในร้านนี้ช่วยกันทำ”
“งานแค่นั้นหรือ”
ซุยหลินยิ้มน้อยๆ “ท่านอาจจะมองว่างานมันเล็กน้อยมาก แต่ถ้าได้มาลงมือทำจริงๆ ท่านก็จะรู้ว่ามันไม่ได้สบายขนาดนั้น”
“ข้าอาจจะเก่งกว่าพวกท่านก็ได้” ซีห่าวยกไหล่ทั้งสองข้างขึ้นอย่างอวดดี
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ท่านก็รู้” จินซ่านพูด
“สรุปว่าท่านจะเลือกแบบไหน ถ้าเล่นดนตรีอย่างเดียวก็เข้างานยามโหว่วเลิกงานยามสวี” ซุยหลินถามอีกครั้ง
“ข้าเอาแบบห้าร้อยเหรียญทองแดงแล้วกัน”
“ดี งั้นคืนนี้ท่านนอนที่ท้ายจวนของข้าก็แล้วกัน ข้าให้แม่บ้านทำความสะอาดเรือนหลังเล็กเอาไว้รอท่านแล้ว”
“ขอบคุณท่านชาย” ซีห่าวโค้งให้ซุยหลินเล็กน้อย
“ว่าแต่ท่านมานั่งทำอะไรหรือ” ซุยหลินหันไปมองหลงกั๋วที่นั่งอยู่ตรงประตูร้าน
เมื่อทุกคนหันไปมองที่หลงกั๋วเป็นตาเดียวทำเอาร่างสูงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยจนกระแอมไอออกมาเบาๆ แก้เขิน
“อะแฮ่ม.. ข้าเห็นว่าท่านยังไม่ได้ปิดร้านก็เลยมานั่งดูแลความปลอดภัยให้ท่านไง”
ซุยหลินหรี่ตาเล็กน้อย “ท่านกลับไปได้แล้วแหละ ข้าว่ามันคงไม่มีเหตุการณ์อะไรแล้ว”
“อ่า.. งั้นข้ากลับก่อนนะ” ประโยคบอกลาที่ไม่ได้มองตาคู่สนทนาทำเอาซุยหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อหลงกั๋วเดินออกไปแล้วซุยหลินก็มองลูกน้องทุกคนก่อนจะคิดปะติดปะต่อเรื่องราวภายในหัวเล็กๆ ของตัวเอง ซุยหลินห้ามมุมปากไม่ให้ยกขึ้นไม่ได้เลยจนเหล่าลูกน้องที่นั่งมองอยู่หันหน้าไปส่งสัญญาณเพื่อถามกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าให้กันและกันราวกับว่าไม่มีใครรู้เลยว่าซุยหลินกำลังเป็นอะไร
Talk. มาแล้วค่า มาทันด้วยยยยย เราตรวจคำผิดไปแล้วนะคะ แต่ว่าถ้าใครเจอคำผิดบอกได้เลยฮะ เผื่อว่าเราอาจจะพลาดไป
มีใครหาอีสเตอร์เอ้กเจอหรือยังเอ่ย? เพราะว่าเท่าที่อ่านในคอมเม้นยังไม่เจอเลยน้าว่าใครทายถูก อิอิ
ลูกแป้งที่ใช้ทำสาโทเราหาวิธีทำไม่ได้เลยค่ะ ก็เลยตัดภาพไปเป็นว่าน้องหลินให้สองพี่น้องเจียงช่วยกันทำเรียบร้อยแล้ว นั่งหาตั้งนานก็เจอแค่ส่วนผสมแต่ไม่เจอวิธีทำเลย เขาก็คงจะหวงเอาไว้สูตรใครสูตรมันแหละเนาะ