EP : 8

2313 Words
“จัดการยังไงคะ เดี๋ยวก็ไม่พอใจมาถลกหัวฉันอีก ไม่ต้องหรอกอยู่ห่าง ๆ คุณก็คงจบเรื่องเอง” “ก็ถ้ายังกล้ามาถลกหัวแฟนเจ้านายตัวเองปล่อยให้เขาทำไปเลย” “...” “เสร็จแล้วเดี๋ยวไปไล่ออกเอง” “ตลกแล้วค่ะ” “ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้” “เหอะ!” ยัยเด็กนี่แค่นเสียง กรอกตามองบน แล้วก็หันหลังเดินหนีผมไปเลย หึ! น่าจับมาฟาดก้นว่ะ ใครเป็นผมก็ต้องรู้สึกแบบนี้กันทั้งนั้น สะบัดหน้าแล้วเดินทิ้งสะโพกไปลิ่ว ๆ โคตรน่าจับมาฟาดก้นสักทีสองที คิดว่าน่ารักรึไงยัยเด็กดื้อ แต่แม่ง...ก็น่ารักจริง ๆ นั่นล่ะ “อ่าส์! คิดเหี้ยไรของมึงไอ้แทน” ผมสะบัดหัวไล่ความคิดอะไรของตัวเองก็ไม่รู้ออกไปแล้วพาตัวเองไปนั่งตรงที่ที่เธอเพิ่งนั่งเมื่อกี้ ความจริงผมไม่ได้รู้อะไรหรอกแค่บังเอิญเห็นเธอเดินออกมาจากห้องทำงานมิลินพอดีหน้าตาก็ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ตอนนั้นผมคุยโทรศัพท์กับลูกค้าอยู่เลยไม่ได้เข้าไปถามอะไรพอตอนเย็นออกมาเดินเล่นก็บังเอิญมาเห็นเธอตรงนี้พอดีแล้วก็ดูหัวเสียมากด้วยแค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องมีเรื่องอะไรมาแน่ ๆ “ก็ถ้ายังกล้ามาถลกหัวแฟนเจ้านายตัวเองปล่อยให้เขาทำไปเลย” “...” “เสร็จแล้วเดี๋ยวไปไล่ออกเอง” ผมจะทำจริง ๆ ถ้ามิลินล้ำเส้น เธอมาที่นี่นอกจากในฐานะเพื่อนของขวัญเอยก็มาในฐานะของนักศึกษาฝึกงาน ผมเป็นเจ้าของที่นี่ก็ควรปกป้องดูแลเด็กในความรับผิดชอบใช่ไหมล่ะครับ ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด ติ๊ด! “คะแทน” “คุณไม่ควรเรียกผมแบบนี้” “ขอโทษค่ะ คุณมีอะไรรึเปล่าคะถึงโทรหากัน กินข้าวรึยังออกไปดินเนอร์กันไหมคะ” “เรียกมิ้งค์เข้าไปทำอะไร” “คะ?” “คุณได้ยินที่ผมถามคุณมิลิน” “...” “ตอบ” “ก็เรียกมาถามเรื่องงานไม่ได้มีอะไรนี่คะ ทำไมคะมีใครไปพูดอะไรให้เข้าผิดรึเปล่า” “ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น” “ค่ะ ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรนั่นล่ะค่ะคุณแทน” น้ำเสียงของมิลินไม่พอใจแต่พยายามเก็บอารมณ์เอาไว้ผมรู้ “ผมไม่ใช่คนโง่นะมิลินที่จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร” “...” “อย่ามาหวงก้าง” เธอไม่พูดก็ตามใจเธอเพราะผมโทรไปเพื่อพูดธุระของผมมากกว่าฟังคำแก้ตัวของเธออยู่แล้ว “...ไม่มีสิทธิ์เลยเหรอคะ” “โต ๆ กันแล้วมิลิน รู้กันดีว่าอะไรคืออะไร ต้องให้พูดตรง ๆ ด้วยเหรอ” ไม่ต้องมีใครคิดว่าผมไม่รักษาน้ำใจคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยเพราะไม่มีสิทธิ์มาว่าผมในเมื่อทั้งผมและเธอต่างก็รู้ดีว่าที่กินกันมันคืออะไร ผมไม่ได้หลอกให้มานอนด้วยแล้วจะรักเป็นการตอบแทน ผมชัดเจนตั้งแต่แรกว่านอนด้วยกันได้เพื่อเซ็กส์ที่วิน ๆ กันทั้งสองฝ่ายแต่ไม่คบเป็นตัวเป็นตนเพราะฉะนั้นห้ามมาหวงก้างแสดงสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าของผมเด็ดขาด “...ไม่ต้องหรอกค่ะ ลินรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร” เสียงเธอสั่นแต่นั่นเป็นเรื่องที่เธอต้องไปจัดการกับมันเอง “ถ้างั้นคราวหลังก็อย่ามายุ่งกับเพื่อนของน้องสาวผมเพราะเรื่องพวกนี้อีก” “...ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ” “อืม มีอะไร” “แค่เพื่อนของน้องสาวจริง ๆ เหรอคะ”​ “ก็คิดเอา แต่บอกไว้ตรงนี้นะมิลินว่าถ้ามายุ่งกับมิ้งค์ด้วยเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกไร่นี้จะไม่มีผู้จัดการชื่อมิลิน” “คุณแทน~” ติ๊ด! ผมไม่มีเวลามานั่งฟังใครฟูมฟาย แล้วก็ไม่ต้องคิดว่าเป็นเพราะเด็กคนนั้นหรอกที่ทำให้ผมใจร้ายกับเธอแต่ถ้ามิลินมาทำตัวตามหึงตามหวงผมกับพนักงานในไร่ไม่ว่าจะกับใครผมก็ไม่ปล่อยไว้ให้เสียการปกครองเสียการทำงานเด็ดขาด -เวลาต่อมา- “เอยล่ะ” ผมเดินมาที่ห้องอาหารแล้วก็เห็นเพื่อนของขวัญเอยอยู่ในนี้คนเดียว “กินข้าวขึ้นนอนแล้วค่ะ” “กินข้าวแล้ว?” “ค่ะ เพิ่งรู้เหมือนกันว่ากินก่อนแล้ว ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อกี้น่ะค่ะขอตัวนะคะ” เธอพูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไป “แล้วนี่กินแล้วรึไง” “ยังค่ะ”​ “แล้วจะไปไหน” “ขึ้นห้องค่ะ” “แล้วทำไมไม่กินข้าว” “ก็...ไม่หิวค่ะ” หึ! อาการแบบนี้ไม่ใช่ไม่หิวหรอกแต่ไม่อยากกินข้าวกับผมสองคนมากกว่า “มากินข้าว” “กินเลยค่ะฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เดี๋ยวค่อยมากินแล้วกัน ขอตัวนะคะ” “แล้วจะให้พี่สร้อยลำบากเก็บอาหารไว้ให้ทำไม” ผมไม่อยากใช้น้ำเสียงดุเด็กคนนี้ทุกครั้งที่คุยกันหรอกแต่ความดื้อรั้นของเธอทำให้อดดุไม่ได้ “ก็...” “ก็อะไร?” “...ไม่มีอะไรค่ะ” “มากินข้าวพี่สร้อยจะได้ยกอาหารมาเสิร์ฟ รีบกินพี่สร้อยเขาก็อยากไปพักผ่อนเหมือนกันไม่มีเวลามานั่งรอบริการใครจนดึกหรอกนะ” “ก็ไม่ได้จะให้พี่สร้อยมาคอยทำอะไรให้นะคะ ฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ จะให้ทำกับข้าวล้างถ้วยล้างจานทำความสะอาดบ้านช่วยพี่สร้อยยังทำได้เลย” ผมพูดจบเธอก็เถียงกลับมาทันที ทั้งเสียงทั้งสีหน้ามีแต่ความไม่พอใจที่แสดงออกมาชัดเจน “ไม่ได้บอกให้ทำงานอย่างอื่น แต่พี่สร้อยเขาก็เกรงใจเจ้านาย ถ้าเจ้านายยังกินข้าวไม่เรียบร้อยเขาจะกล้าไปพักผ่อนได้ยังไงคิดบ้างไม่ใช่เอาแต่ดื้นรั้น” “ยัยเอยกินแล้วค่ะคุณก็กินให้เรียบร้อยสิคะพี่สร้อยจะได้รีบไปพักผ่อน ส่วนฉันไม่ใช่เจ้านายค่ะเดี๋ยวฉันหาข้าวกินเอง” เธอพูดจบก็สะบัดหน้าใส่ผมอีกครั้ง หมับ! “ปล่อย” เธอหันกลับมามองข้อมือตัวเองที่โดนผมรั้งไว้แล้วสั่งให้ผมปล่อย “ไปกินข้าว” “ไม่กินค่ะ” “ไปกินข้าว” “ไม่... / มิ้งค์ อย่ามาดื้อ” “...” “เร็ว” ผมไม่แค่พูดแต่กระชากเธอมาด้วย ทั้งโลกนี้ผมอนุญาตให้ขวัญเอยดื้อกับผมได้คนเดียวไม่เคยอนุญาตให้ผู้หญิงคนไหนไม่ว่าใครก็ตามมาดื้อกับผมซึ่งก็รวมถึงเด็กคนนี้ด้วย “โอ๊ย! คุณจะกระชากแขนฉันทำไมเนี่ย!” เธอพยายามสะบัดแต่พยายามไปเถอะถ้าผมเอาจริงไม่มีใครสู้แรงผมได้หรอก ยิ่งกับยัยเด็กคนนี้ที่ตัวแค่นิดเดียวไม่มีทางหรอกที่จะสู้ผมได้ พยายามไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บตัว “นั่ง” ผมลากเธอมาที่เก้าอี้ตัวที่เธอนั่งตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก่อนจะสั่งออกมา “ไม่นั่งค่ะ!” “อย่าให้โมโห” “...” “นั่ง” “...ชิส์!” สุดท้ายเธอก็ยอมลากเก้าอี้แล้วทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้เต็มแรง พลั่ก! “อ๊ะ!” “หึ! ทำประชดสุดท้ายก็เจ็บเองไหมล่ะ” ผมปลายตามองเธอแล้วลากเก้าอี้นั่งลงบ้างทำยัยเด็กนี่ที่น่าจะเจ็บก้นเพราะทิ้งตัวนั่งแรงรีบเชิดหน้าปั้นหน้าเหมือนตัวเองไม่เจ็บทันที “พี่สร้อย” “คะคุณแทน” พี่สร้อยที่ยืนหลบมุมอยู่แถวนี้รีบเดินมาทันที “ไปพักผ่อนเลยครับ” “คะ?” “ไปพักผ่อนตอนนี้เลยครับ” “แต่พี่ยังไม่... / เชิญครับพี่สร้อย” “ค่ะ ๆ” พี่สร้อยรีบเดินไปทันทีที่เสียงผมเริ่มแข็งขึ้นมาเพราะต้องพูดซ้ำ ๆ พอหันไปมองยัยดื้อรั้นก็เห็นนั่งทำหน้าไม่พอใจมองตรงไปข้างหน้าไม่ปลายตามาทางผมแม้แต่นิดเดียว “ตักข้าว” “...” “ถ้าไม่ตักข้าวจะบังคับให้กินคนเดียวจนหมดหม้อ กินไม่หมดก็จะง้างปากแล้วยัดเข้าไปในปากเธอเอง อย่าดื้อด้านไม่งั้นเธอจะเจอของจริง” “ก็แค่จะไม่กินข้าวไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลยนี่คะ” เถียงผมเสียงแข็งแต่น้ำตาคลอออกมา อ่าส์! ทำไมต้องเถียงแล้วน้ำตาคลอให้รู้สึกผิดเหมือนกำลังแกล้งเด็กไม่มีทางสู้ด้วยวะ “ก็เธองี่เง่าเอง” “งี่เง่าอะไร? ก็ฉันกับคุณไม่ค่อยกินเส้นกันจะให้มานั่งกินข้าวด้วยกันสองคนมันก็อึดอัดไหมล่ะ” “ถ้างั้นก็ยิ่งต้องกินจะได้ไม่อึดอัดก็แค่นั้น เรื่องง่าย ๆ มันยากตรงไหนทำไมไม่คิด” “ก็ไม่ได้อยากลดความอึดอัดเพื่อญาติดีกับคุณนี่คะเลยไม่จำเป็นต้องคิดอะไรที่มันง่าย ๆ” “อ่าส์! ทำไมเธอเถียงเก่งแบบนี้วะ” ผมเริ่มปวดประสาทกับเด็กคนนี้แล้ว เถียงแม่งโคตรเก่ง น้ำตาคลอเบ้าจนแทบจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ยังเถียงไม่หยุดไม่หย่อน ถ้ามีแข่งเถียงจะส่งไปแข่งคนแรกเลยคอยดู “แล้วทำไมคุณเอาแต่บังคับแบบนี้วะ! เอ่อ...คะ” “...หึ!” ผมมองหน้าเธอที่หน้าเจื่อนลงไปเพราะเผลอหลุดคำพูดไม่ค่อยเหมาะสมออกมาก่อนจะแค่นเสียงแล้วขยับตัวลุกขึ้นไปหยิบโถข้าวมาตักข้าวเองซะ ว่าจะโมโหที่กล้าใช้คำพูดไม่ค่อยดีแต่พอเห็นเธอรีบหุบปากแล้วทำท่าเหมือนสำนึกนิดหน่อยก็โกรธไม่ลง โกรธไม่ลงแต่อาการอยากจับมาฟาดก้นมีมากขึ้น ผมว่าถ้าเธอยังเอาแต่ดื้อรั้นแบบนี้ต่อไปอีกไม่นานผมคงได้จับมาฟาดก้นจริง ๆ แล้วดูยัยเด็กนี่ทำหน้าสำนึกผิดได้แป๊บเดียวก็นั่งเชิดหน้าไม่สนใจเจ้าของบ้านที่พ่วงตำแหน่งเจ้านายอย่างผมเลยว่ากำลังตักข้าวกินเอง “นี่! คุณ! จะตักอะไรเยอะขนาดนี้!” พอผมตักให้ตัวเองเสร็จแล้วตักให้เธอบ้างเธอก็เริ่มโวยวายเพราะผมตักให้เธอจนพูนจาน หมั่นไส้แกล้งให้กินข้าวให้ท้องแตกตายแม่งเลยดีกว่า “กิน ๆ เข้าไป กินให้หมดจะได้มีแรงมางี่เง่ากับฉันต่อ” “ใครงี่เง่ากับคุณพูดให้มันดี ๆ นะคะ” “กิน” “ไม่ค่ะ” “อย่าดื้อ” โคตรดื้อจนผมเริ่มโมโหแต่แม่งเอ๊ยจะโกรธจริง ๆ ก็โกรธไม่ลงทั้งที่ถ้ามีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ใช่ขวัญเอยมาทำแบบนี้กับผมคงได้เละไปนานแล้วแต่กับเด็กคนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร ผมแม่งเป็นห่าอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ว่ะ “...” “กินซะ อย่าให้ถึงขั้นตักอาหารให้ไม่งั้นฉันจะผสมข้าวให้เธอเหมือนข้าวหมาแน่นอน” “คุณ! ฉันเป็นคนนะ!” “รู้ว่าเป็นคนถึงได้เตือน อย่าให้ขู่บ่อย ๆ เพราะฉันไม่ใช่คนที่ชอบขู่ใครเท่าไหร่ ที่บอกก่อนฉันเรียกว่าสงเคราะห์” ผมส่งสายตากดดันไปให้ทำให้สุดท้ายเธอก็จำใจหยิบช้อนขึ้นมากินข้าวด้วยใบหน้าที่ปากยู่เข้าหากันจนแทบจะเป็นตูดอยู่แล้ว “เตือนให้แล้วนะ” กินข้าวกันเงียบ ๆ ไปพักหนึ่งผมก็เอ่ยขึ้นทำให้ยัยเด็กงี่เง่าที่กินข้าวโดยที่ไม่มองหน้าผมเลยหันมามองทันที “…อะไรคะ” “เรื่องที่บอกเมื่อเย็น” “เดี๋ยวก็มีคนมากินหัวฉัน ถึงไม่กินตรง ๆ ก็คงแอบกิน” เธอบ่นพร้อมกับทำหน้าเซ็ง “กลัวด้วยเหรอ? ขนาดฉันใหญ่ที่สุดในนี้เธอยังไม่กลัวแล้วเธอจะยอมให้คนอื่นรังแกเธอจริง ๆ เหรอ ฉันว่าไม่หรอกมั้ง” “ก็ไม่อยากยอมหรอกค่ะแต่ไม่อยากมีปัญหาในที่ทำงาน ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงเรื่องที่ฉันตามยัยเอยมาฝึกงานที่นี่ แต่ฉันขอบอกตรงนี้ว่าฉันอยากตั้งใจฝึกงานให้ตัวเองได้ความรู้มากที่สุดเพราะถ้าไม่จบไปแล้วไม่มีความรู้เรื่องงานติดสมองฉันทำงานที่ไหนไม่ได้แน่นอน”​ “โอเค ถ้างั้นก็เอาตามที่ฉันบอก โดนเมื่อไหร่ก็มาบอกไม่ใช่ไปหงุดหงิดอยู่คนเดียวแล้วเดี๋ยวจะจัดการให้” พอผมพูดจบเธอก็มองหน้าด้วยสายตาที่ดูก็รู้ว่าไม่เชื่อคำพูดของผม “กล้าไล่คุณมิลินออกจริง ๆ เหรอคะ” “เอาไว้ให้ถึงเวลาก็รู้เอง” ผมตอบเธอแล้วก็สนใจอาหารต่อ “ไม่ต้องถึงเวลาก็คิดว่าเดาออกนะคะว่าไม่” “แล้วแต่เธอจะคิด ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องอธิบายอะไรมากมายเพราะมันยังไม่เกิด พูดไปก็เท่านั้น” “รู้ค่ะว่ามันยังไม่เกิดแต่จะให้เชื่อว่าคุณจะทำจริง ๆ น่ะเหรอ ไม่เอาอ่ะเชื่อไม่ลงหรอกค่ะ คุณจะไล่ผู้หญิงคนนั้นออกแค่เพราะเขามารังแกฉันนี่นะ ไม่มีความจำเป็นต้องปกป้องฉันจากผู้หญิงของคุณขนาดนั้นหรอกมั้ง ไม่จำเป็นสักนิด” อ่าส์! ยัยเด็กนี่ทำผมหงุดหงิดเพราะคำพูดยาว ๆ ประโยคนี้ของเธอแล้วสิ หงุดหงิดจนผมวางช้อนเพราะไม่มีอารมณ์จะกินข้าวต่อแล้วมองหน้าเธอด้วยความหงุดหงิด “ไม่ต้องพูดมากได้ไหมวะ ถ้าฉันไม่ปกป้องเธอแล้วไอ้ห่าที่ไหนมันจะปกป้องไหนตอบมาทีซิ?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD