ตอนที่ 11 ผมจำคุณได้นะครับ
วาคิมยิ้มกลับมา เขายอมยื่นมือมารับเอกสารไปจากฉัน ใบหน้าหล่อๆของเขายังเอาแต่จ้องมาที่ใบหน้าของฉันพร้อมกับรอยยิ้มแสนเป็นมิตร เขาก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เพราะฉันยังไม่สามารถปล่อยวางจากเรื่องนั้นได้เลย แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ดีแล้วที่เรื่องแย่ ๆ แบบนั้นมันมีแค่ฉันคนเดียวที่จำได้ ปล่อยให้มันเป็นความลับแบบนี้ต่อไปดีกว่า เพราะถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้เพิ่มมากขึ้นจะมีแต่ยุ่งยากไปเปล่าๆ โดยเฉพาะไอด้า
“ผมจำคุณได้นะครับ”
เฮือก!!
ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรที่เข้าประเด็น จู่ ๆ นายแพทย์วาคิมก็โพล่งประโยคที่ดูจะเข้าประเด็นกว่าฉันไปมากออกมา ทำเอาฉันต้องหยุดชะงักทำตาค้างอ้าปากพะงาบ ๆ อย่างไปไม่เป็น ฉันควรจะรู้สึกยังไงดี เขากำลังหมายถึงเรื่องอะไร เขาจำฉันได้หมายความว่าอะไรเนี่ย…
ฉันหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว พร้อมกับเหล่าคำพูดที่อันตธารหายไปในลำคอเช่นกัน หัวสมองของฉันมันเออเร่อจนขาวโพลนไปหมด สายตาของฉันเห็นอีกฝ่ายยิ้มขึ้นเล็กๆแล้วจ้องตามาที่ฉันเหมือนต้องการจะพูดอะไรต่อ รู้สึกได้เลยว่าภายใต้ภาพพจน์ที่ดูแสนเป็นมิตรของเขามันอาบไปด้วยยาพิษที่ใครได้แตะก็คงจะกระอักเลือดตายได้ทันที เช่นฉันไง่ล่ะ !
“ว..ว่าไงนะคะ…”
ฉันตัดสินใจถามอีกครั้ง แม้ว่าในใจจะรู้ถึงคำตอบอยู่แล้วชัดแจ้งแดงแจ๋
“ครับ ผมรู้ว่าคุณก็จำผมได้ อันนา”
นี่ตลอดมาอีกฝ่ายจำฉันได้ตั้งแต่แรก แต่ว่าเสแสร้งงั้นเเหรอ
ภูเขาร้อย ๆ ล้านๆ ลูกถูกอีกฝ่ายยกมาถมที่อกของฉันจนฉันหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี ความรู้สึกวุ่นวายเตลิดเปิดเปิงไปคนละทิศคนละทาง มีแค่กายหยาบของฉันเท่านั้นที่ยังนิ่งงันเพราะความช็อคอย่างสุดขีด หน้าของแฟนหนุ่มคนปัจจุบันและยัยไอด้าลอยเข้ามา ทำให้ฉันยิ่งรู้สึกผิดและสับสนจนมึนงงไปหมด
ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไป ปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปพร้อมกับความเงียบที่ทวีคูณ แต่ผิดกับเขาที่เหมือนจะไม่ยอมให้เวลามันหมุนไปอย่างเปล่าประโยชน์แบบนี้ เขาอ้าปากขึ้นอีกครั้งเพื่อพูดอะไรบางอย่างออกมา ฉันเห็นได้ชัดเลยว่า ตอนนี้บนหัวของเขาเหมือนจะมีเขาปีศาจงอกออกมาด้วย
“ผมจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ถ้าคุณยอมทำตามที่ผมสั่ง”
สั่งเหรอ? คนที่ตีหน้าซื่อตาใสเหมือนจำฉันไม่ได้กำลังจะออกคำสั่งฉัน ฉันอยากจะหัวเราะให้กับตัวเองด้วยความสมเพช เพราะว่าได้พาตัวเองเข้ามาติดกับดักของอีกฝ่ายไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ
“คุณต้องการอะไรคะ?”
ฉันตัดสินใจ ถามไปตรง ๆ อยากรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ ทั้งที่มีลางสังหรณ์มาแล้วว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการนั้นน่าจะไม่ใช่เรื่องอะไรธรรมดาแน่ ๆ
ตาบ้านี่ไม่ธรรมดา คิดให้ดีนะ เรื่องนี้มันแต่ฉันคนเดียวที่เสียกับเสีย แล้วตอนนี้ยังจะมาแบล็คเมลฉันอีก โคตรจะร้ายกาจ
“รับปากก่อนสิครับว่าจะทำ”
เขาเอ่ยปากต่อรอง ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา แล้วก็เย็นจนหนาวสั่นในเวลาเดียวกัน
“ค.. คุณบอกฉันก่อนสิคะ ว่าจะให้ฉันทำอะไร ?”
ทางเลือกของฉันมันมีที่ไหนล่ะ ? ฉันถามออกไปอย่างจนตรอก พยายามคิดหาวิธีต่อรองกับอีกฝ่าย
นายแพทย์วาคิมยิ้มออกมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มแสนเป็นมิตร แต่ตอนนี้มันกลับฉาบเคลือบไปด้วยประสงค์ร้ายล้านเปอร์เซ็นต์ มือหนาของเขาค่อยๆยกมาประสานกันบนโต๊ะ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลานั่นจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่าง
“แบบคืนนั้น...”
“อะไรนะคะ!”
ฉันโพล่งออกไปทันที นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ซะยิ่งกว่าเรื่องใหญ่ ฉันมองเขาด้วยสายตาแสนรังเกียจ นอกจากอีกฝ่ายจะฉวยโอกาสฉันแล้ว ตอนนี้ยังมีหน้ามาแบล็คเมลฉันเพื่อให้ฉันไปเสียตัวให้เขาครั้งที่สองอีกเหรอ ความคุกรุ่นพุ่งขึ้นทันที
ปึง !
ฉันตบโต๊ะหนึ่งครั้งอย่างฉุนเฉียวก่อนจะลุกขึ้นยืน
“มันจะมากไปแล้วนะคะ!”
ฉันปรี๊ดอย่างสุดขีด คิดว่าฉันจะยอมคนไปตลอดหรือยังไง ยังไงฉันก็จะไม่มีทางถูกอีกฝ่ายบังคับและแบล็คเมลฉันอยู่ฝ่ายเดียวแน่ๆ แค่นี้มันก็มากพอแล้ว
“ไม่มากไปหรอกครับ ถ้าแลกกับการให้ผมเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับต่อไป”
“...”
คำพูดที่เขาพ่นออกมาทำฉันนิ่งค้างไปชั่วขณะแล้วคิดตามอีกฝ่ายทันที ใบหน้าของนายแพทย์วาคิมเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอด เหมือนคนที่กำลังเล่นสนุกอะไร แต่ฉันกลับไม่ได้รูสึกสนุกด้วยเลยแม้แต่น้อย
“ว่ายังไงครับ? คิดให้ดีๆนะ ถ้าเรื่องนี้แดงถึงหูเพื่อนคุณล่ะก็…”
ร่างสูงช้อนใบหน้ามามองตาของฉัน พร้อมกับยังพูดข่มขู่ฉันไม่หยุด เขาพยามหว่านล้อมฉันก่อนจะเว้นคำพูดไปที่ประโยคสุดท้าย แล้วปล่อยให้ความคิดของฉันได้ทำงานต่อ
ถ้ายัยไอด้ารู้น่ะเหรอ… ฉันคิดตามอีกฝ่ายไปสักพัก ใช่แล้ว ยังไงฉันก็จะไม่ยอมเอาอีโก้มาทำลายเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันอย่างแน่นอน แต่ว่า การทำแบบนี้ มันก็ไม่ได้ต่างกันเลยไม่ใช่เหรอ…
“ฉัน.. ฉัน..”
ฉันอึกอัก ในขณะที่อีกฝ่ายค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินอ้อมโต๊ะเพื่อมายืนซ้อนหลังของฉัน ใบหน้าคมคายโน้มใกล้เข้ามาหยุดอยู่ที่บริเวณซอกคอก่อนที่วาคิมจะจงใจปล่อยให้ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาเป่ารดมาที่ซอกคอของฉันจนรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่าง
“ว่ายังไงครับ คุณจะปฏิเสธผมไปก็ได้นะ แต่ว่าถ้าไอด้ารู้เรื่องนี้เข้าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะว่ายังไง…”
เสียงแหบพร่าดังขึ้นที่ข้างหู ในโทนเสียงที่ฉันได้ยินได้เพียงคนเดียวเท่านั้น อีกฝ่ายเพียงแค่กระซิบเบา ๆ ไม่ได้ลงมือทำอะไรไปมากกว่านั้น แต่หัวใจมันกลับเต้นถี่กระชั้นจนเหมือนจะทะลุออกจากอก ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองวิ่งมาถึงทางตันโดยมีปีศาจร้ายที่ชื่อวาคิมตามหลังฉันมาก็มิปาน
“แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับไอด้า”
ฉันหลับตาลงแล้วกลั้นใจถามออกไป เพราะสิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดและห่วงมากที่สุดในตอนนี้กลับเป็นความรู้สึกของไอด้า ผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือว่าทำผิดอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉันไม่อยากจะให้เธอมารับรู้ว่าแฟนของตัวเองเคยมีอะไรกับเพื่อนสนิท เรื่องแบบนี้ต่อให้เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งอย่างฉันมาเจอก็คงจะทำใจไม่ได้เหมือนกัน แล้วถ้ายิ่งเป็นไอด้าด้วยแล้ว…
“ผมว่า...ผมลูกผู้ชายพอครับ”
ลูกผู้ชาย ลูกผู้ชายที่ไหนเขาแบล็คเมลผู้หญิงไปทั่วแบบนี้กัน ฉันนึกกร่นด่าอีกฝ่ายในใจ แต่ก็ไม่กล้าต่อว่าอะไรออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจเอาเรื่องนี้ไปบอกกับไอด้าเสียก่อน