ตอนที่ 5

1217 Words
รัตติกรร้องเสียงหลงกับภาพที่เห็น พ่อของเธอน่ะเอง! เขาเมามายจนแทบไม่ได้สติ กำลังกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของชายสองคนอย่างไร้ทางสู้  ที่ปากของพ่อเปรอะไปด้วยโลหิตสีแดง               “หยุดเดี๋ยวนี้นะ..! บ้านเมืองมีขื่อมีแปร นึกจะตั้งศาลเตี้ยแล้วลงไม้ลงมือกระทืบกันแบบนี้มันเกินไปหน่อยนะไอ้พวกอันธพาล”             หญิงสาวตะโกนกราดออกไปยังชายใบหน้าเหี้ยมเกรียมสองคนที่กำลังลงไม้ลงมือกับผู้เป็นบิดาซึ่งอยู่ในอาการเมาสุราจนแทบไม่ได้สติ             “อีนังคนนี้ปากจัด…”             หนึ่งในนั้นมีชื่อว่าไอ้เดช มันตวัดสายตามาที่หญิงสาว             “ปากดียังงี้! แหม… มันน่าจับมาจูบปากเสียให้เข็ด”             อีกคนเสริมขึ้นทันที จากนั้นมันสองคนก็หันมาสบตากัน พร้อมกับกวาดสายตาสำรวจเรือนร่างของรัตติกรตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สีหน้าบอกความประสงค์ร้ายอย่างเห็นได้ชัด             “น้องสาวคนสวย… พ่อเธอเป็นหนี้พวกพี่อยู่นะจ๊ะ ในเมื่อไม่มีปัญญาใช้หนี้ คนในครอบครัวก็ควรจะมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย” ไอ้เดชเสียงอ่อนลง สายตาแพรวพราวจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสะสวยของหญิงสาว             “เท่าไร?... พ่อเป็นหนี้พวกแกอยู่เท่าไร?”             รัตติกรถาม เพราะไม่ต้องการให้ทุกอย่างยืดยาว             “ห้าพัน ทั้งไพ่ ทั้งบอล…” ไอ้เดชกระแทกเสียงดุ             รัตติกรนิ่งอึ้ง… หล่อนไม่ได้กล่าวอะไร แต่แอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ แววตากลัดกลุ้มกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ              “ทั้งเนื้อทั้งตัว… ฉันมีอยู่แค่สามพัน” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า             ไอ้เดชขมวดคิ้วเล็กน้อย กระดิกหนวดไปมา ดึงเคราตัวเองเล่นอย่างครุ่นคิด แต่สีหน้าของมันก็ไม่ได้ฉายแววประหลาดใจมากนัก ถ้าทั้งบ้านจะเหลือเงินแค่สามพัน… กับสภาพบ้านเช่าหลังเล็กและซอมซ่ออย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้า                      “สามพันไม่เอา… พี่จะเอาห้าพัน”             มันยื่นคำขาดอย่างมีนัยสำคัญ             สายตาเพ่งจับอยู่ที่หน้าอกรัดรึง ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูป แนบเน้นไปกับลำตัว คัดทรวดทรงองเอวให้แลเห็นเป็นรูปเป็นร่างจนแทบประมาณได้ด้วยสายตา… กับขนาดของสิ่งสงวนที่ซุกซ่อนเอาไว้ภายใต้เนื้อผ้า             “ฉันมีแค่สามพันจริงๆ…”             เธอลดน้ำเสียงลงเล็กน้อย แววตาต่อรองขอความเห็นใจ พวกมันทั้งคู่หันมามองตากันด้วยอาการครุ่นคิด? ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าหวานของเธออีกครั้ง แล้วกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไปพร้อมกัน             “งั้นเอามาสามพันก่อนก็ได้… ส่วนที่เหลือน้องสาวไม่ต้องจ่ายสักบาทเดียว… ดีมั้ย อิอิ” ไอ้เดชเสียงอ่อนลง             มันลดน้ำเสียงเหมือนปราณี ทำทีว่าเห็นใจ หากประกายตาอันชั่วร้ายของมันก็ส่อนัยถึงความประสงค์ในสิ่งอื่นอย่างเห็นไดชัด “อีกสองพันที่เหลือไม่ต้องใช้ พี่ยกให้… แต่มีเงื่อนไขว่าคืนนี้น้องสาวต้องไปนอนกับพี่นะจ๊ะ” มันทำเสียงหวาน             ได้ยินดังนั้น             “ระยำแท้!... ไอ้พวกเวรตะไลใจสัตว์”             เป็นเสียงของดวงแขผู้เป็นแม่ ตะโกนด่าออกมาอย่างเหลืออด             หล่อนไม่พูดเปล่า แต่วิ่งกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปคว้ามีดอีโต้ออกมาขู่             “ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้… ไม่คิดว่าจิตใจของพวกมึงจะระยำต่ำช้าถึงกับตีค่าลูกสาวกูเพื่อแลกกับเงินสองพัน”             ดวงแขกัดฟันด้วยความโกรธ เมื่อคิดถึงความคิดอันต่ำช้าและถ้อยคำอันหยาบคายของมนุษย์ที่กำลังหยิบยื่นข้อเสนอเพื่อย่ำยีมนุษย์ด้วยกัน             เพื่อให้เรื่องจบๆ ไป หล่อนตัดสินใจควักเงินอีกสองพันออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นให้ลูกสาวทั้งมือที่สั่น เพราะรู้ดีว่าเงินนั่นหมายถึงทุนรอนที่เธอมีอยู่ทั้งหมด และจำเป็นมากสำหรับเอาไว้ซื้อของในวันรุ่งขึ้น… เพื่อทำกับข้าวขาย             รัตติกรล้วงเอาเงินสามพันสุดท้ายของเธอออกมาสมทบกับอีกสองพันของแม่ทั้งน้ำตา ดวงแขมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างใจหาย เงินจำนวนน้อยที่พอจะเป็นทุนรอนเลี้ยงชีพต่อไป กลับต้องมาละลายหายในพริบตา เพียงเพราะคนเป็นพ่อที่ทำตัวชั่วช้า จนผีสุรา ผีการพนันเข้าสิงร่าง หล่อนนึกเสียใจที่สามีดีแต่จะนำเอาความเดือดเนื้อร้อนใจมาสู่เธอและลูกอยู่เป็นประจำ             “เอาไป... แล้วรีบไปให้พ้นๆ จากบ้านกู”             รัตติกรกระแทกเสียงใส่ พอได้เงิน มันก็ทิ้งร่างซึ่งเมาหลับของมานพที่กำลังหิ้วปีกอยู่นั้นลงโครมกับพื้นอย่างไม่ไยดี  มันรวบทั้งเงินและมือนิ่มๆ ของรัตติกรอย่างจงใจลวนลาม             “ไอ้เลว!”             หญิงสาวสบถด่า  รีบสะบัดมือจากการบีบกุม             ไอ้คนหื่นทำท่าเอามือข้างที่ได้สัมผัสกับหลังมือนุ่มๆ ของเธอขึ้นสูดดมกลิ่นสาวสะคราญ แววตาของมันวาวโรจน์ไปด้วยกำหนัดอัดแน่น โดยไม่เกรงกลัวต่อสายของดวงแขที่มองดูอยู่ด้วยแววตาเป็นกังวล… อดที่จะนึกห่วงลูกสาวไม่ได้ “กลับโว้ย!...” ไอ้เดชตะโกนบอกลูกน้องอีกคน  เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการ ก่อนจะกวาดสายตาอย่างมีเลศนัย แลสำรวจไปที่บ้านเช่าหลังเล็กๆ ซึ่งครอบครัวของรัตติกรใช้เป็นที่อยู่อาศัย แววตาประสงค์ร้ายพราวอยู่บนใบหน้าเหี้ยมเกรียมของมัน             “บ้านเก่าๆ ซ่อมซ่อแบบนี้ จะมีทรัพย์สินอะไรให้ปล้นล่ะพี่เดช?”             เพราะไม่ทันได้ฉุกคิดถึงแผนการชั่วร้ายของลูกพี่ ลูกน้องที่มาด้วยกัน พาซื่อเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ขณะเดินกลับ              “สมองเท่าเม็ดถั่วของมึงช่างไม่รู้จักคิด บ้านเก่าๆ ที่อยู่ในซอยทั้งลึกทั้งเปลี่ยว แถมยังไม่มีรั้วรอบขอบชิด แล้วลูกสาวมันก็สวยหยาด… อีแม่รึก็ยังผุดผาดบาดใจ มีแต่ไอ้พ่อเฮงซวยที่วันๆ เมาเหมือนตาย นอกจากเงินทอง… แล้วมึงคิดว่าอะไรเสียอีกล่ะ? ที่ทำให้กูคิดปล้นบ้านหลังนี้?”             ไอ้เดชผู้เป็นลูกพี่เปรยความคิดอันชั่วร้ายของมันออกมาอย่างไม่กระดากในดีชั่ว             “ปล้นสวาท…”             อีกคนตอบทันควัน เหมือนรู้เท่าทันในความเลวทรามต่ำช้าของกันและกัน ฮ่าๆ… จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะอันชั่วร้ายขึ้นมาพร้อมกันด้วยความรู้สึกคึกคะนอง             “จะลงมือคืนนี้เลยหรือพี่”             ไอ้ลูกน้องถามขึ้นด้วยความสงสัย ขยี้ฝ่ามือเข้าด้วยกันอย่างนึกกลัดมันในอารมณ์             “ยังก่อน...” “ทำไมล่ะพี่…” “เห็นอยู่ว่าวันนี้กูเพิ่งได้เงินมาหยกๆ กูขอไปกินเหล้าฉลองให้สำราญอุราก่อนดีกว่า” บอกพลางยกมือขึ้นตบกระเป๋าเสื้อเบาๆ กับเงินห้าพันที่เพิ่งได้มา จากนั้นจึงพากันเดินออกมาถึงปากซอย                         ที่บ้านเช่าของดวงแข             รัตติกรกำลังพยุงมานพผู้เป็นบิดาขึ้นจากพื้นถนนในสภาพที่คลุกฝุ่น เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปหมด             ดวงแขถลาเข้าช่วยหิ้วปีกสามีอีกแรง มองด้วยความรู้สึกสมเพชเวทนา 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD