รัตติกรร้องเสียงหลงกับภาพที่เห็น
พ่อของเธอน่ะเอง!
เขาเมามายจนแทบไม่ได้สติ กำลังกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของชายสองคนอย่างไร้ทางสู้ ที่ปากของพ่อเปรอะไปด้วยโลหิตสีแดง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ..! บ้านเมืองมีขื่อมีแปร นึกจะตั้งศาลเตี้ยแล้วลงไม้ลงมือกระทืบกันแบบนี้มันเกินไปหน่อยนะไอ้พวกอันธพาล”
หญิงสาวตะโกนกราดออกไปยังชายใบหน้าเหี้ยมเกรียมสองคนที่กำลังลงไม้ลงมือกับผู้เป็นบิดาซึ่งอยู่ในอาการเมาสุราจนแทบไม่ได้สติ
“อีนังคนนี้ปากจัด…”
หนึ่งในนั้นมีชื่อว่าไอ้เดช มันตวัดสายตามาที่หญิงสาว
“ปากดียังงี้! แหม… มันน่าจับมาจูบปากเสียให้เข็ด”
อีกคนเสริมขึ้นทันที
จากนั้นมันสองคนก็หันมาสบตากัน พร้อมกับกวาดสายตาสำรวจเรือนร่างของรัตติกรตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สีหน้าบอกความประสงค์ร้ายอย่างเห็นได้ชัด
“น้องสาวคนสวย… พ่อเธอเป็นหนี้พวกพี่อยู่นะจ๊ะ ในเมื่อไม่มีปัญญาใช้หนี้ คนในครอบครัวก็ควรจะมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย” ไอ้เดชเสียงอ่อนลง สายตาแพรวพราวจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสะสวยของหญิงสาว
“เท่าไร?... พ่อเป็นหนี้พวกแกอยู่เท่าไร?”
รัตติกรถาม เพราะไม่ต้องการให้ทุกอย่างยืดยาว
“ห้าพัน ทั้งไพ่ ทั้งบอล…” ไอ้เดชกระแทกเสียงดุ
รัตติกรนิ่งอึ้ง…
หล่อนไม่ได้กล่าวอะไร แต่แอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ แววตากลัดกลุ้มกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ
“ทั้งเนื้อทั้งตัว… ฉันมีอยู่แค่สามพัน” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า
ไอ้เดชขมวดคิ้วเล็กน้อย กระดิกหนวดไปมา ดึงเคราตัวเองเล่นอย่างครุ่นคิด แต่สีหน้าของมันก็ไม่ได้ฉายแววประหลาดใจมากนัก ถ้าทั้งบ้านจะเหลือเงินแค่สามพัน… กับสภาพบ้านเช่าหลังเล็กและซอมซ่ออย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้า
“สามพันไม่เอา… พี่จะเอาห้าพัน”
มันยื่นคำขาดอย่างมีนัยสำคัญ
สายตาเพ่งจับอยู่ที่หน้าอกรัดรึง ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูป แนบเน้นไปกับลำตัว คัดทรวดทรงองเอวให้แลเห็นเป็นรูปเป็นร่างจนแทบประมาณได้ด้วยสายตา… กับขนาดของสิ่งสงวนที่ซุกซ่อนเอาไว้ภายใต้เนื้อผ้า
“ฉันมีแค่สามพันจริงๆ…”
เธอลดน้ำเสียงลงเล็กน้อย แววตาต่อรองขอความเห็นใจ
พวกมันทั้งคู่หันมามองตากันด้วยอาการครุ่นคิด? ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าหวานของเธออีกครั้ง แล้วกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไปพร้อมกัน
“งั้นเอามาสามพันก่อนก็ได้… ส่วนที่เหลือน้องสาวไม่ต้องจ่ายสักบาทเดียว… ดีมั้ย อิอิ” ไอ้เดชเสียงอ่อนลง
มันลดน้ำเสียงเหมือนปราณี ทำทีว่าเห็นใจ หากประกายตาอันชั่วร้ายของมันก็ส่อนัยถึงความประสงค์ในสิ่งอื่นอย่างเห็นไดชัด
“อีกสองพันที่เหลือไม่ต้องใช้ พี่ยกให้… แต่มีเงื่อนไขว่าคืนนี้น้องสาวต้องไปนอนกับพี่นะจ๊ะ” มันทำเสียงหวาน
ได้ยินดังนั้น
“ระยำแท้!... ไอ้พวกเวรตะไลใจสัตว์”
เป็นเสียงของดวงแขผู้เป็นแม่ ตะโกนด่าออกมาอย่างเหลืออด
หล่อนไม่พูดเปล่า แต่วิ่งกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปคว้ามีดอีโต้ออกมาขู่
“ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้… ไม่คิดว่าจิตใจของพวกมึงจะระยำต่ำช้าถึงกับตีค่าลูกสาวกูเพื่อแลกกับเงินสองพัน”
ดวงแขกัดฟันด้วยความโกรธ เมื่อคิดถึงความคิดอันต่ำช้าและถ้อยคำอันหยาบคายของมนุษย์ที่กำลังหยิบยื่นข้อเสนอเพื่อย่ำยีมนุษย์ด้วยกัน
เพื่อให้เรื่องจบๆ ไป หล่อนตัดสินใจควักเงินอีกสองพันออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นให้ลูกสาวทั้งมือที่สั่น เพราะรู้ดีว่าเงินนั่นหมายถึงทุนรอนที่เธอมีอยู่ทั้งหมด และจำเป็นมากสำหรับเอาไว้ซื้อของในวันรุ่งขึ้น… เพื่อทำกับข้าวขาย
รัตติกรล้วงเอาเงินสามพันสุดท้ายของเธอออกมาสมทบกับอีกสองพันของแม่ทั้งน้ำตา
ดวงแขมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างใจหาย
เงินจำนวนน้อยที่พอจะเป็นทุนรอนเลี้ยงชีพต่อไป กลับต้องมาละลายหายในพริบตา เพียงเพราะคนเป็นพ่อที่ทำตัวชั่วช้า จนผีสุรา ผีการพนันเข้าสิงร่าง
หล่อนนึกเสียใจที่สามีดีแต่จะนำเอาความเดือดเนื้อร้อนใจมาสู่เธอและลูกอยู่เป็นประจำ
“เอาไป... แล้วรีบไปให้พ้นๆ จากบ้านกู”
รัตติกรกระแทกเสียงใส่
พอได้เงิน มันก็ทิ้งร่างซึ่งเมาหลับของมานพที่กำลังหิ้วปีกอยู่นั้นลงโครมกับพื้นอย่างไม่ไยดี
มันรวบทั้งเงินและมือนิ่มๆ ของรัตติกรอย่างจงใจลวนลาม
“ไอ้เลว!”
หญิงสาวสบถด่า รีบสะบัดมือจากการบีบกุม
ไอ้คนหื่นทำท่าเอามือข้างที่ได้สัมผัสกับหลังมือนุ่มๆ ของเธอขึ้นสูดดมกลิ่นสาวสะคราญ แววตาของมันวาวโรจน์ไปด้วยกำหนัดอัดแน่น โดยไม่เกรงกลัวต่อสายของดวงแขที่มองดูอยู่ด้วยแววตาเป็นกังวล… อดที่จะนึกห่วงลูกสาวไม่ได้
“กลับโว้ย!...”
ไอ้เดชตะโกนบอกลูกน้องอีกคน เมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการ ก่อนจะกวาดสายตาอย่างมีเลศนัย แลสำรวจไปที่บ้านเช่าหลังเล็กๆ ซึ่งครอบครัวของรัตติกรใช้เป็นที่อยู่อาศัย แววตาประสงค์ร้ายพราวอยู่บนใบหน้าเหี้ยมเกรียมของมัน
“บ้านเก่าๆ ซ่อมซ่อแบบนี้ จะมีทรัพย์สินอะไรให้ปล้นล่ะพี่เดช?”
เพราะไม่ทันได้ฉุกคิดถึงแผนการชั่วร้ายของลูกพี่ ลูกน้องที่มาด้วยกัน พาซื่อเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ขณะเดินกลับ “สมองเท่าเม็ดถั่วของมึงช่างไม่รู้จักคิด บ้านเก่าๆ ที่อยู่ในซอยทั้งลึกทั้งเปลี่ยว แถมยังไม่มีรั้วรอบขอบชิด แล้วลูกสาวมันก็สวยหยาด… อีแม่รึก็ยังผุดผาดบาดใจ มีแต่ไอ้พ่อเฮงซวยที่วันๆ เมาเหมือนตาย นอกจากเงินทอง… แล้วมึงคิดว่าอะไรเสียอีกล่ะ? ที่ทำให้กูคิดปล้นบ้านหลังนี้?”
ไอ้เดชผู้เป็นลูกพี่เปรยความคิดอันชั่วร้ายของมันออกมาอย่างไม่กระดากในดีชั่ว
“ปล้นสวาท…”
อีกคนตอบทันควัน เหมือนรู้เท่าทันในความเลวทรามต่ำช้าของกันและกัน
ฮ่าๆ…
จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะอันชั่วร้ายขึ้นมาพร้อมกันด้วยความรู้สึกคึกคะนอง
“จะลงมือคืนนี้เลยหรือพี่”
ไอ้ลูกน้องถามขึ้นด้วยความสงสัย ขยี้ฝ่ามือเข้าด้วยกันอย่างนึกกลัดมันในอารมณ์
“ยังก่อน...”
“ทำไมล่ะพี่…”
“เห็นอยู่ว่าวันนี้กูเพิ่งได้เงินมาหยกๆ กูขอไปกินเหล้าฉลองให้สำราญอุราก่อนดีกว่า”
บอกพลางยกมือขึ้นตบกระเป๋าเสื้อเบาๆ กับเงินห้าพันที่เพิ่งได้มา จากนั้นจึงพากันเดินออกมาถึงปากซอย
ที่บ้านเช่าของดวงแข
รัตติกรกำลังพยุงมานพผู้เป็นบิดาขึ้นจากพื้นถนนในสภาพที่คลุกฝุ่น เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปหมด
ดวงแขถลาเข้าช่วยหิ้วปีกสามีอีกแรง มองด้วยความรู้สึกสมเพชเวทนา