บทนำ

1259 Words
“จบเรื่องนี้เมื่อไรเราสองคนคงได้พักกันยาว ๆ เสียทีนะเมธี” เสียงจากผู้เป็นนายซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งผู้กำกับส่งผลให้ลูกน้องมือดีที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานานถึงกับลอบยิ้ม เมื่อในที่สุดงานชิ้นใหญ่ที่กินเวลานานหลายเดือนก็ใกล้จะเสร็จสิ้นเสียที            จะห่วงก็แต่ผู้เป็นนายที่นับจากนี้คงถูกหมายหัว เพราะเจ้าตัวเพิ่งนำกำลังไปบุกจับนักการเมืองชื่อดังของประเทศด้วยข้อหาค้ายาเสพติด จากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุทำให้อีกฝ่ายดิ้นไม่หลุด แถมยังซัดทอดไปถึงผู้ร่วมกระบวนการอีกหลายคน ที่เหลือก็แค่ส่งตัวขึ้นศาลเท่านั้นก็เป็นอันปิดคดีใหญ่ระดับประเทศไปได้อีกคดี            “ครับนาย”            “แล้วนี่ลูกสาวเป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ” อกคนเป็นพ่ออดไม่ได้ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปถ่ายของลูกสาวให้เจ้านายได้ชื่นชม ซึ่งก็นับว่าเป็นบุญที่ยัยหนูถอดแบบผู้เป็นแม่มาราวกับแกะ เลยทำให้แกน่ารัก น่าเอ็นดู  จะมีก็แต่ดวงตาเท่านั้นที่เหมือนจะได้เขาไป            “สบายดีครับ อีกสามวันก็จะครบเจ็ดขวบแล้วครับ” มันคงดีถ้าหากของขวัญวันเกิด    ที่เขาจะมอบให้ลูกสาวในปีนี้คือใบลาออก            เพราะอาชีพที่ทำอยู่ทำให้เขาต้องเลือกว่าจะยอมเสียมันไปในวันนี้ หรือทำต่อไปเพื่อรอวันที่ตัวเองถูกลอบฆ่าเหมือนกับเพื่อนนักสืบคนอื่น ๆ แน่นอนว่าสุดท้ายหลังจากใช้เวลาคิดมานานในที่สุดเขาก็เลือกได้ว่าเขาอยากมีชีวิตต่อไปเพื่อจะได้เห็นลูกเติบใหญ่ อยากอยู่ดูทุกช่วงเวลาของแกไปจนแก่เฒ่า อย่างที่เคยได้รับปากภรรยาไว้            “ไว้ฉันจะฝากของขวัญไปให้ ยังไงก็ต้องขอบใจนายมากนะสำหรับทุกสิ่ง”  แม้จะใจหาย   แต่อย่างไรงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา            ชีวิตของคนทุกคนต่างก็มีหนทางที่ต้องเลือกเดินกันทั้งนั้น เขาเองก็เช่นกัน ที่หลังจากจบคดีนี้คงต้องคิดทบทวนใหม่ว่าควรไปต่อหรือควรหยุดแค่นี้ แน่นอนว่าเหตุผลที่ทำให้เกิดความคิดเหล่านี้นั้นส่วนหนึ่งก็มาจากคนในครอบครัว            “ผมจะไม่มีวันลืมนายเลยครับ ถ้าเลือกได้ผมอยากอยู่รับใช้นายไปเรื่อย ๆ แต่เพราะลูกสาวผม...” อีกฝ่ายหยุดคำพูดทั้งหมดเอาไว้เพียงเท่านั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบเข้ากับสายตาของผู้เป็นนาย            “ฉันเข้าใจนายนะ ฉันเองก็มีลูกเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าวันหนึ่งข้างหน้านายลำบากอยากให้ฉันช่วย ไม่ว่าเรื่องอะไรขอให้บอกมาได้เลย ฉันยินดีช่วย” หากเป็นลูกน้องมือดีผู้ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันเขายินดีช่วย ไม่ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายร้องขอจะยากเย็นแค่ไหน ดนูคิดต่อในใจ            “ขอบคุณครับนาย ชีวิตผมสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดก็เห็นจะมีแต่ลูก ลองถ้าขาดผมไปสักคนลูกผมคงไม่พ้นต้องไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า” อกของคนเป็นพ่อย่อมไม่อาจปล่อยให้บุตรสาวเพียงคนเดียวของตนมีชะตากรรมเช่นนั้นได้            เพราะอย่างนั้นเขาถึงตัดสินใจลาออกเพื่อที่จะได้มีลมหายใจอยู่กับลูกไปนาน ๆ เพราะนับตั้งแต่ภรรยาที่รักเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนด้วยโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษา ลูกก็เหมือนจะเป็นความสุขเดียวในชีวิตที่หลงเหลืออยู่            “อย่าไปคิดอะไรแบบนั้น นายยังต้องอยู่กับลูกสาวของนายไปอีกนาน” ดนูเอ่ยขึ้นอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินนำลูกน้องออกมาจากโรงพัก มุ่งหน้าไปที่ศาลเพื่อเข้าร่วมฟังการตัดสินคดีที่เขากับลูกน้องเพิ่งจะร่วมกันปิดลง ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนไกลกลับมีรถกระบะคันหนึ่งขับตรงเข้ามาหาพร้อมกับบางสิ่งที่เกิดขึ้น            “นายครับ ระวัง!”            เสียงปืนที่ดังขึ้นติดต่อกันหลายนัดส่งผลให้ผู้กำกับชื่อดังได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ถึงกับชีวิต เพราะแรงกระแทกจากการถูกผลักทำให้กระสุนไม่ถูกจุดสำคัญ เขาจึงรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด            หากแต่ลูกน้องมือดีกลับไม่ได้โชคดีเท่า เมธีเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนเขาถูกส่งเข้าห้องผ่าตัด ได้สติอีกทีก็สองวันให้หลัง ก่อนจะพบกับข่าวร้าย ข่าวร้ายที่ทำให้ล้มทั้งยืน            “ผมต้องตามหาลูกสาวของเขาให้เจอ เด็กคนนั้นไม่มีใคร” หลายเดือนต่อมา            เป็นเวลาจวนค่ำเห็นจะได้ยามที่รถคันหรูค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่บ้านเมศธารา ซึ่งมีทุกคนในบ้านที่ตอนนี้กำลังยืนรอต้อนรับการมาของใครบางคนอยู่ที่บริเวณปากทางเข้าตามคำสั่งของผู้เป็นนาย            “ลงมาสิลูก ต่อไปนี้ที่นี่จะเป็นบ้านของหนู” ดนูเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น ไม่บีบคั้นจนทำให้คนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าเงียบมาตลอดทางต้องรู้สึกอึดอัดจนเกินไปตามคำแนะนำของแพทย์ที่เขาได้พาเด็กน้อยที่ตั้งแต่รู้เรื่องการจากไปของผู้เป็นพ่อเธอก็ไม่ยอมพูดอีกเลย ซึ่งกว่าการรักษาจะได้ผลก็กินเวลาไปอยู่หลายเดือน ไหนจะเรื่องเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องจัดการ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพราะความใจเย็นของคนตรงหน้าทำให้เด็กน้อยยอมก้าวขาลงมาจากรถ โดยมีลุงผู้ใจดีคอยประคับประคองไม่ห่าง ด้วยกลัวว่าขาเล็ก ๆ อาจก้าวพลาดจนตกลงมาจากรถเอาได้            ท่านยังคงจำได้ดีถึงวันแรกที่พบเด็กน้อยคนนี้ ภาพใบหน้าของแกที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตานั้นทำให้ท่านได้แต่เจ็บร้าวอยู่ในอก            “นี่อีกวันถ้ายังไม่มีใครมารับฉันเองก็ว่าจะพาเด็กมันไปแจ้งความอยู่เหมือนกัน แล้วนี่คุณเป็นใคร พ่อเด็กไปไหน ทำไมไม่มาด้วยกัน ปกติคุณเมธีไม่เคยหายไปนานแบบนี้นี่ เงินค่าจ้างก็ไม่โอนให้ตามกำหนด นี่มันที่รับเลี้ยงเด็กนะคุณ ไม่ใช่สถานสงเคราะห์”          “ผมจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เอง คุณไม่ต้องห่วง จากนี้ไปเด็กคนนี้จะอยู่ในความดูแลของผม เขาจะมีชีวิตที่ดี ให้สมกับที่พ่อของเขาวาดฝันเอาไว้” เขารับปากถึงเรื่องเงินก่อนจะย่อตัวลงต่ำให้อยู่ในระดับเดียวกันกับลูกสาวของคนสนิท “ไปอยู่กับลุงนะลูกนะ”          “ไม่ไปค่ะ หนูจะรอพ่อ” แม้จะเป็นเด็กแต่มุกดาก็จดจำได้ดีทุกคำสั่งสอนของผู้เป็นพ่อว่าไม่ให้ไปไหนมาไหนกับคนแปลกหน้า พ่อบอกให้เธอรออยู่ที่นี่ เธอจะรอจนกว่าพ่อจะกลับมารับ          “หนูมุกฟังลุงนะ ตอนนี้พ่อของหนูเขาไปสบายแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะลุงไม่ดีเอง ลุงขอโทษ ลุงสัญญาว่าจะดูแลหนูให้ดี หนูมุกไปอยู่กับลุงนะ” ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตเด็กคนนี้ให้ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD