บทที่ 1

1088 Words
“พ่อของเด็กนี่ตายแล้วเหรอคุณ ได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไร” ความสับสนในคำบอกเล่าของลุงแปลกหน้าถูกเฉลย เมื่อบางคำถูกพูดออกมาจากป้าใจร้ายที่มักทุบตีเธอบ่อย ๆ เวลาที่ร้องหาพ่อ          “ไม่เอา มุกไม่ให้พ่อตาย มุกจะหาพ่อ”          เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นช่างเป็นเสียงที่กรีดใจดนูไม่น้อย ท่านไม่เพียงแต่คว้าลูกสาวคนสนิทมากอดเท่านั้น ยังปลอบโยนอีกฝ่ายด้วยทุกคำพูดที่ตัวเองพอนึกออก แม้จะรู้ว่านี่คงไม่ช่วยอะไรมากนัก ไม่ช่วยอะไรเลย            “นี่คือหนูมุกดา ต่อไปนี้หนูมุกจะมาอยู่ที่นี่กับเราในฐานะสมาชิกใหม่ของครอบครัว ฉันอยากให้ทุกคนให้ความรักและเคารพหนูมุกเหมือนที่เคารพฉันกับทุก ๆ คน” กระทั่งเมื่อทั้งสองเดินมาหยุดที่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งมีใครหลายคนรออยู่ เสียงเข้มที่เต็มไปด้วยความดุดันถึงได้กล่าวแนะนำให้ทุกคนในบ้านได้รู้จักกับสมาชิกใหม่            “ตัวชื่อมุกดาเหรอ เราชื่อทิวานะ ไปเล่นด้วยกันไหม ที่ห้องเรามีตุ๊กตาเยอะแยะเลยนะ เราจะแบ่งให้มุกหนึ่งตัว” เป็นทิวา ลูกสาวคนเล็กของเจ้าของบ้านที่เดินตรงเข้ามาหาพร้อมคำชวนที่ดังขึ้น ต่างจากคนเป็นพี่ชายที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตาจ้องมองเด็กผู้หญิงแปลกหน้าที่พ่อของเขาเพิ่งจะจูงมือลงมาจากรถไม่วางตา            เดือดร้อนคนเป็นแม่ที่ต้องเอ่ยเรียก เพราะเหมือนสมาชิกใหม่ของบ้านนั้นจะกลัวสายตาของลูกชายนางจนไม่กล้าที่จะขยับไปไหน            ไม่ใช่แค่หนูมุกหรอกที่กลัว คนอื่น ๆ ในบ้านต่างก็พากันหวาดผวากับสายตาดุ ๆ ของลูกชายนางไม่ต่างกัน กลัวกันถ้วนหน้าเลยล่ะ            “เข้ามาทำความรู้จักกับน้องสิตาธัญญ์ ต่อไปนี้หนูมุกจะมาเป็นน้องอีกคนของลูกนะ” เพราะไม่ใช่เรื่องปกติที่ครอบครัวจะมีสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่ม ความรู้สึกของลูก ๆ จึงเป็นสิ่งแรกที่คนเป็นพ่อและแม่ย่อมต้องให้ความสำคัญ            เพราะหากลูกคนใดคนหนึ่งเข้ากับหนูมุกดาไม่ได้ ความคิดที่ว่าพวกท่านทั้งสองจะรับเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรมก็ต้องพับเก็บไปก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าทั้งสามคนจะเข้ากันได้ ซึ่งลูกสาวคนเล็กนางไม่ห่วง จะห่วงก็แต่ลูกชายคนโตมากกว่า            “น้องผมมีแค่ทิวาคนเดียวครับ และผมไม่ยินดีต้อนรับเด็กนี่!” คำตวาดนั้นรุนแรงพอที่จะทำให้สมาชิกใหม่ของบ้านผวาจนก้าวถอยหนี เดือดร้อนญาดาที่ต้องรีบขยับเข้ามาประคองไว้ด้วยสองมือ            “ตาธัญญ์!” ไม่อยู่รอให้ตัวเองถูกดุเด็กชายก็พาตัวเองวิ่งหนีออกไปอีกทาง ไม่สนเลยสักนิดว่าจะมีเสียงเรียกของมารดาดังไล่หลังมา            “เดี๋ยวผมจัดการเองคุณ คุณพาเด็ก ๆ เข้าบ้านไปก่อนเถอะ” เหมือนจะมีแค่ดนูเท่านั้นที่รู้วิธีจัดการกับลูกชาย ท่านจึงรับอาสาก่อนจะตั้งท่าเดินตามหลังพ่อลูกชายตัวแสบไปยังบริเวณหลังบ้าน            “มาเถอะจ้ะหนูมุก ป้าจะพาไปดูห้องนอนใหม่ของหนู” คราแรกเด็กน้อยไม่กล้าขยับ เพราะนอกจากลุงดนูแล้วเธอไม่รู้จักใครเลยสักคน แต่เมื่อหันไปเห็นท่านพยักหน้าให้จึงค่อย ๆ ยื่นมือออกไป            “ผมฝากด้วยนะคุณ”            “อย่าห่วงเลยค่ะ ดื้อกว่านี้น้องก็ปราบจนอยู่หมัดมาแล้ว นับประสาอะไรกับเด็กน่ารักแบบนี้ ไปลูกทิวา พามุกไปดูห้องกันดีกว่า” เด็กสาวยิ้มรับก่อนจะฉุดมือเพื่อนใหม่เดินตามผู้เป็นแม่เข้าไปในบ้าน                      “ทำไมเขาต้องมาอยู่กับเราที่นี่ด้วยครับ ผมไม่อยากให้เขาอยู่” เป็นธัญญ์ที่ชิงถามขึ้นมาก่อน ราวกับจะรู้ว่าผู้เป็นพ่อกำลังจะพูดอะไร            ท่าทีเอาจริงเอาจังนั้นทำให้ผู้เป็นพ่อต้องกลับมานั่งคิดทบทวนถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทีแรกเขากับภรรยาตั้งใจว่าจะเก็บเรื่องของผู้มีพระคุณเอาไว้เป็นความลับ แต่เพราะลูกชายเป็นแบบนี้จึงตัดสินใจเอาเองว่าควรบอกความจริงกับลูก เพื่อที่อย่างน้อย ๆ ธัญญ์จะได้ลดท่าทีที่กำลังแสดงออกนี้ลงไปบ้าง หากได้รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมหนูมุกดาถึงได้กลายมาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน            “ธัญญ์จำลุงเมธีได้ไหมลูก”            “จำได้ครับ” ลุงเมธีคือหนึ่งในไม่กี่คนที่เขาจำได้ เพราะเป็นคนสนิทที่ไม่ว่าพ่อของเขาจะไปที่ไหน อีกฝ่ายก็มักจะตามติดเป็นเงา            “ถ้าไม่ได้เขาป่านนี้พ่อคงตายไปแล้ว ลุงเมธีเป็นคนผลักพ่อให้พ้นวิถีกระสุน แล้วเอาตัวเองมารับกระสุนแทน พ่อถึงได้มีชีวิตรอดกลับมาหาธัญญ์กับน้อง แต่ลุงเมธีต้องมาตายก็เพราะเขาเลือกที่จะปกป้องพ่อ และหนูมุกก็คือลูกสาวของลุงเมธี น้องไม่เหลือใครแล้วตอนนี้ ถ้าเราไม่ให้น้องอยู่ที่นี่ น้องจะถูกส่งตัวไปที่บ้านเด็กกำพร้า ธัญญ์ก็เห็นใช่ไหมลูกว่าเด็ก ๆ ที่นั่นน่าสงสารแค่ไหน ธัญญ์ไม่สงสารน้องเหรอลูก”            คำบอกเล่านี้ทำให้แววตาไม่ชอบใจต่อเด็กคนนั้นลดน้อยลงไปเกินครึ่ง พลันพอคิดถึงภาพเด็ก ๆ ในบ้านกำพร้าที่เคยไปเห็น เพราะพ่อกับแม่มักจะพาเขากับน้องสาวไปเลี้ยงอาหารเด็กพวกนั้นอยู่บ่อย ๆ ในใจก็เกิดความสงสารขึ้นมา “ให้เขาอยู่กับเราที่นี่ก็ได้ครับ แต่ต้องไม่ใช่น้องสาวของผม” อย่างไรก็ไม่อยากได้น้องเพิ่ม เพราะเท่าที่มีคนเดียวก็ปวดหัวจะแย่            อีกอย่างเขาไม่ต้องการแบ่งความรักจากพ่อและแม่ให้ใคร ต่อให้พ่อของเด็กคนนั้นจะเคยช่วยชีวิตพ่อของเขาเอาไว้ก็เถอะ            “ก็ได้ลูก” เพราะลูกชายยื่นคำขาดมาเช่นนั้นดนูจึงไม่กล้าขัด ด้วยรู้ฤทธิ์ของพ่อตัวดีอยู่บ้างว่าเป็นคนอารมณ์ร้อนแค่ไหน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD