เมื่อเดือนก่อน ม้วนกระดาษที่ถูกเก็บไว้ในกล่องไม้ ถูกหยิบออกมาคลี่อ่านอีกครั้ง ท่านฝู่กั๋วกงรู้สึกหนักใจเพราะเหตุการณ์ในบรรทัดแรกได้เกิดขึ้นแล้ว
“สตรีสูงศักดิ์เทเลือดล้างเมือง
บุรุษลือเลื่องยกดาบทาบบัลลังก์
สงครามหลังยุคกลางก่อเกิด
กำเนิดมหาเสนาบดีค้ำชะตาแคว้น
ฮองเฮาแห่งดินแดนปรากฏ”
เมื่อฮองเฮากับใต้เท้าเถียนร่วมมือกับกองทัพของนายพลเถียนหวังก่อการกบฏ หากแต่ได้ชินอ๋องกับอ๋องเก้าร่วมมือกันช่วยเหลือฮ่องเต้เอาไว้ได้ คราวนี้จากการคำนวณดวงดาวตามวิชาที่ท่านพ่อของท่านฝู่กั๋วกงสอนไว้ ใกล้จะเกิดเหตุการณ์ที่สอง ‘บุรุษลือเลืองยกดาบทางบัลลังก์’
ท่านฝู่กั๋วกงอยากจะหยุดยั้งมิให้เกิดสงครามกลางเมือง แต่เขาเป็นเพียงเชื้อพระวงศ์ปลายแถวที่มิได้มีอำนาจทางการทหารหรืออำนาจทางการเมืองในมือ ยากยิ่งที่จะเปลี่ยนผันสิ่งใด ความสามารถด้านการทำนายทายทักก็ถูกสั่งห้ามมิให้เปิดเผยหรือทำนายให้แก่ผู้ที่อยู่นอกตระกูล การตรวจชะตาเมืองเป็นหน้าที่โดยตรงของคนในตระกูลจีในอดีตแต่เมื่อขั้วอำนาจเปลี่ยน พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ถวายคำทำนายต่อฮ่องเต้ได้อีก...เป็นเพราะคนผู้นั้น!
“พวกเจ้าคงจะยังไม่เคยเห็นม้วนกระดาษนี้ ครั้งก่อน พ่อยังไม่มั่นใจ แต่พอเกิดกบฏฮองเฮาพ่อจึงเอาออกมาดูอย่างจริงจัง และเริ่มคำนวณดวงดาวอีกครั้ง"
จีหลุนหยิบไปอ่าน แล้วส่งให้น้องสาวทั้งสองคน
“ห้าบรรทัดนี้เกี่ยวพันกับตระกูลจีอย่างไรหรือขอรับ?”
“ท่านปู่พวกเจ้าบอกพ่อว่า หากเกิดเรื่องตามบรรทัดแรกแล้ว วังจีจะเกิดเหตุร้ายอาจจะต้องโทษประหารทั้งตระกูล” ท่านฝู่กั๋วกงถอนหายใจอย่างยากลำบากจนฮูหยินหวังต้องเอามือลูบแขนสามี
“มีหนทางแก้ไขหรือไม่ขอรับ?”
“ต้องให้บุตรแต่งงานกับผู้มีชะตามงคล”
“เอ๋!?” บุตรทั้งสามอุทานพลางหันไปสบตากัน
“ท่านพี่น่ะหรือ?” จีลี่อิงหันไปมองพี่ชายที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะต้องใจสตรีนางใดด้วยความเห็นใจ นางรู้ว่าพี่ชายคนโตใฝ่ฝันอยากรบทัพจับศึกยิ่งนัก
ท่านฝู่กั๋วกงหันมามอง “ผู้มีชะตาเกิดมาเพื่อปกป้องตระกูลจีต่างหากเล่า?”ลูกๆ ทั้งสามต่างหันมองหน้ากันเลิกลั่ก ตามธรรมเนียมแล้วพี่ชายคนโตสมควรได้แต่งงานก่อน “เจ้านั่นล่ะ อิงอิง”
“ข้า” จีลี่อิงทำหน้าอึ้ง
เมื่อเห็นท่านพ่อพยักหน้าด้วยแววตาหนักแน่น ท่านหญิงใหญ่จีก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น “เราจะรู้ได้อย่างไรเล่าท่านพ่อว่าผู้ใดมีชะตามงคล?”
“ท่านปู่บอกเพียงว่า ผู้มีความเหมาะสมจะปรากฏตัวขึ้นมาเองเมื่อถึงเวลา” อายุของนางในปีนี้คือสิบแปดซึ่งสตรีในวัยเช่นนางส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่งงานออกเรือน มีบุตรกันไปหมดแล้ว แม้นางจะยังไม่เคยรู้สึกรักชอบผู้ใดมาก่อน หากแต่สักวันก็คงต้องแต่งงานไปกับบุรุษสักคน
“ในเมื่อเป็นภาระหน้าที่ของข้าในการปกป้องตระกูล ข้าจะทำให้ที่สุด” นางหันไปสบตาท่านพ่อและท่านแม่ “เช่นนั้นเราควรเริ่มต้นการค้นหาคนผู้นั้นเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
สามพี่น้องกอดคอกันเอาหัวชนกันแล้วเริ่มประชุมลับ เสียงซุบซิบๆ ดังขึ้นครู่หนึ่งแล้วพวกเขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน แล้วยื่นมือสองข้างออกมาทาบบนมือกันและกัน “พร้อมลุย!”
จีหลุนไปยังตรอกคนโฉดเพื่อหาซื้อหนังสือ ‘อันดับบุรุษโสดในเมืองหลวงปีล่าสุด’ ซึ่งจัดอันดับโดยผู้จัดงานเทศกาลชมดอกไม้ พวกเขาต่างแบ่งรายชื่อกันชายหนุ่มที่น่าสนใจเพื่อไปติดสินบนเอาวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากเพื่อมาตรวจสอบดวงชะตา
“ว้าว! พี่อิงอิงท่านดูรูปคุณชายท่านนี้สิ หล่อเหลาคมเข้มยิ่งนัก” จีเซียงอี๋ตื่นเต้นกับรูปวาดหนุ่มหล่อในหนังสือเล่มนั้นนัก “เอ๊ะ! หน้านี้โดนฉีกไปนี่นา” นางพลิกแล้วพลิกอีก
“ไหนเอามาให้ข้าดูสิ รูปใครกันที่โดนแอบฉีกไป?” จีลี่อิงรับหนังสือจากมือน้องสาวมาพลิกหารายชื่อในบัญชีที่เขียนไว้ตอนต้น “อ้อ! นี่ไง รูปที่หายไปคือ คุณชายฟ่านหลี่เจี๋ย” ด้วยเหตุนี้นางจึงจำชื่อของเขาได้ขึ้นใจ
ท่านหญิงใหญ่จีลอบแต่งกายเป็นสาวใช้ไปนั่งที่ร้านน้ำชานกกระจิบ แหล่งซุบซิบนินทาของชาวบ้านหน้าตลาดอยู่ครึ่งชั่วยามจึงได้เห็นสาวใช้สวมชุดที่บ่งบอกว่ามาจากคฤหาสน์ตระกูลฟ่านมาตลาดในยามเช้า ใบหน้าของนางนั้นดูซื่อและไว้ใจได้
จีลี่อิงเข้าไปตีสนิทโดยอ้างว่าตนเองคือนางกำนัลจากวังจี จีลี่อิงหลอกสาวใช้ผู้นั้นว่าตนเองแซ่ไป๋มาจากหัวเมืองได้ไม่นานนัก วันนี้ติดตามท่านพ่อบ้านออกจากวังจีมาตลาดแต่กลับหลงทางจึงนั่งรอที่ร้านน้ำชา
“เจ้าอยู่ในเรือนไหนของคฤหาสน์ฟ่านหรือ?”
“ข้าอยู่เรือนฮูหยินใหญ่ เพิ่งทำสัญญาว่าจ้างทำงานได้ไม่นาน โชคดีจริงที่ได้ทำงานที่นี่ นายท่านใจดีมาก” สาวน้อยในชุดสาวใช้คฤหาสน์ฟ่านใบหน้าเกลี้ยงเกลา
“เจ้าช่างโชคดีเสียจริง เออ...แล้วเจ้าเคยเห็นคุณชายใหญ่บ้างหรือไม่? ข้าเคยได้ยินคนลือกันว่า เขาเป็นหนุ่มรูปงามนี่”
ใบหน้าของหญิงรับใช้แซ่กัวดูภาคภูมิใจ “ใช่ คุณชายใหญ่ของคฤหาสน์ข้ารูปงามยิ่งนัก ใบหน้าจะว่าไปงดงามยิ่งกว่าสตรีเสียอีก น่าเสียดายที่คุณชายมักจะเก็บตัวอยู่เรือนข้างกำแพง ซ้ำยังไม่ชอบให้มีสาวใช้ไปปรนนิบัติอีกด้วย”
จีลี่อิงดวงตาเบิกกว้าง “หรือว่า...คุณชายใหญ่ของเจ้าจะเป็นพวกตัดแขนเสื้อ”
แม่นางกัวอ้าปากเหวอ รีบเอามือปิดปากจีลี่อิง แล้วชะโงกหน้าเข้ามากระซิบ“เจ้าอย่าเอะอะเสียงดัง พวกข้าก็สงสัยเช่นนั้น แต่ใครเล่าจะกล้าเอ่ย? ประเดี๋ยวก็โดนไล่ออกจากจวนกันพอดี”
“เขาไม่มีสาวใช้ข้างเตียงใช่หรือไม่?”
“ไม่มีแม้สักคน”
“นั่นปะไร”
“นี่ กัวเหมยเจียง เจ้าอยากได้เงินใช้สักสิบตำลึงหรือไม่?”
“หือ! อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะใช้ข้าขโมยของ ข้าบอกไว้ก่อน ข้าเป็นสาวใช้ก็จริง แต่ไม่คิดจะเนรคุณนายท่านหรอกนะ” กัวเหมยเจียงทำหน้าแหย
“ไม่หรอก เอียงหูมานี่” จีลี่อิงกระซิบที่หูของนาง กัวเหมยเจียงได้ยินก็ทำตาโต
“อืม...ถ้าเช่นนั้นก็พอได้ เพราะข้าทำหน้าที่ทำความสะอาดห้องนายหญิง จะจดจำคัดลอกมาให้เจ้า” เคราะห์ดีที่กัวเหมยเจียงอ่านออกเขียนได้ ในเมื่อมิใช่เรื่องขโมยสิ่งของ ซ้ำยังได้เงินใช้อีกตั้งสิบตำลึง ใครเล่าจะปฏิเสธ?
เมื่อได้วันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากของเขามาแล้ว จีลี่อิงรีบเอาไปให้ท่านพ่อตรวจดวงชะตา ท่านฝู่กั๋วกงทำสีหน้าประหลาดใจ
“ชะตาพ่อหนุ่มผู้นี้ประหลาดนัก เป็นดวงที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
“เช่นใดหรือท่านพ่อ?”
“ดวงชะตาผันผวนรุนแรง มีการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน นับจากปีนี้ไป ชายผู้นี้มิอาจจะอยู่สงบสุขได้”
“จะเกิดเหตุอันใดกับเขาหรือเจ้าคะ?”
“คนผู้นี้จะต้องกระทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ เขามีดวงปกป้องบ้านเมือง”
“ถือว่าชะตามงคลหรือไม่เจ้าคะ?”
ท่านฝู่กั๋วกงพยักหน้า “นี่คือผู้ที่เหมาะสมที่สุด ที่จะปกป้องตระกูลจีของเราด้วยเช่นกัน”
หลังจากที่ท่านพ่อกล่าวยืนยัน ท่านหญิงจีลี่อิงจึงไปสะกดรอยแอบตามเขาอยู่หลายวัน เมื่อได้เห็นคุณชายใหญ่นางก็รู้สึกได้ว่า ที่กัวเหมยเจียงกล่าวนั้นไม่น่าสงสัยแต่อย่างใด รูปร่างเขาเพรียวสูง ซ้ำยังมีใบหน้างดงามเหนือกว่านางเสียอีก ‘มิน่า! สตรีส่วนใหญ่จึงกล่าวถึงแต่ไม่อาจเอื้อมถึง ผู้ใดเล่าจะอยากได้สามีรูปงามยิ่งกว่าตนเอง ซ้ำยังดูไม่สนใจสตรีอีก’
ระหว่างไปซุ่มตามเขาก็พบว่า หลายคราที่เขาพบสตรีรูปร่างหน้าตางดงามกลับมิมีทีท่าก้อร่อก้อติกหรือดวงตาเป็นประกายกระตือรือร้น เขามองสตรีเหล่านั้นด้วยสายตาหมางเมิน และพยายามยืนห่างพวกนางอยู่เสมอ เขามีองครักษ์ประจำตัวสองคนรูปร่างล่ำสันหน้าตาหล่อเหลา
‘อืม...ยามจะขึ้นรถม้า ยังต้องเกาะแขนองครักษ์หนุ่มร่างล่ำ หากไม่สงสัยท่านก็ไม่รู้ว่าจะสงสัยผู้ใดแล้ว’
*******************