จีลี่อิงนอนคว่ำบนเตียงนอน ปานเหมยกุ้ยจุดตะเกียงให้นางหลายดวงใกล้หัวนอน หนังสือที่นางสอดไว้ใต้หมอนใบใหญ่เล่มค่อนข้างหนา นางเอาเศษกระดาษมาคั่นส่วนที่อ่านค้างไว้
“ท่านหญิง ข้าว่าท่านขยับมาอ่านฝั่งนี้จะสว่างกว่านะเจ้าคะ”
“อืม...ก็ดีเหมือนกัน เจ้าคอยเตือนด้วย อย่าให้ข้าอ่านเพลินนัก” นางเปิดไปยังหน้าที่คั่นเอาไว้ "เรื่องนี้สนุกดีนะ เสียดายที่พี่หลุนเพิ่งซื้อมาให้ เห็นบอกว่าเถ้าแก่สามตารับซื้อมือสองมาจากเมืองฉู่จิ้ง” นางพลิกดูชื่อผู้ประพันธ์อีกครั้ง “ข้าอ่านนิยายที่คุณชายท้ายตรอกเขียนมาหลายเรื่องแล้ว แต่เรื่องนี้สนุกจริงๆ”
“อย่าบอกข้าว่า ท่านหญิงทำแบบนางเอกนิยายเรื่องนี้จริงๆ”
“ใช่น่ะสิ! นางเอกในเรื่องนี้เป็นจอมยุทธ์ที่ได้ช่วยชีวิตพระเอก เมื่อนางช่วยแล้วกลับไม่ยอมบอกชื่อแซ่ เดินจากไปอย่างงามสง่า ทำให้พระเอกประทับใจในตัวนาง ข้าก็ทำแบบนี้เช่นกันเมื่อวานนี้”
ปานเหมยกุ้ยกับปานหวงหลานสองพี่น้องอ้าปากค้างมองนายหญิงของตนเอง “เหลือเชื่อ!” นางกำนัลทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน
จีเซียงอี๋เดินเข้ามาสมทบ “พี่ลี่อิง ท่านเล่าอะไรให้สองคนนี้ฟังเหรอ? ข้าอยากฟังด้วย”
“กำลังเล่านิยายเรื่องนี้น่ะสิ” นางพับหน้าปกให้น้องสาวคนเล็กดู
“เล่าให้ข้าฟังด้วย”
“ข้ายังอ่านไม่จบเลย เพิ่งอ่านไปได้แค่ครึ่งเรื่องเอง เจ้าเอาเล่มนี้ไปก็แล้วกัน เมื่อวานข้าเพิ่งอ่านจบลืมเก็บ” นางล้วงเอานิยายอีกเรื่องใต้หมอนออกมายื่นให้น้องสาว
“เล่มนี้คุณชายท้ายตรอกก็เขียนใช่หรือไม่? ข้าชอบผู้เขียนคนนี้นัก เล่าได้สนุก เนื้อเรื่องก็ดำเนินเร็วด้วย” จีเซียงอี๋ที่มักจะมายืมหนังสือจากพี่สาวไปอ่านเอ่ยชื่นชม
“เจ้าซ่อนไว้ดีๆ เล่า ท่านพ่อเห็นล่ะก็ ระวังโดนริบ” จีลี่อิงรีบกำชับน้องสาว นิยายรักๆ ใคร่ๆ พวกนี้ ท่านพ่อของพวกนางเห็นว่าเป็นหนังสือขยะ ไม่คู่ควรให้เสียเวลานั่งอ่านนอนอ่าน หากวางไว้สะเปะสะปะแล้วท่านพ่อมาเจอเข้าไม่ถึงหนึ่งเค่อก็จะพบว่ากลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว
“ข้ารู้น่า พี่หลุนอุตส่าห์ไปหาซื้อมาอย่างยากลำบาก ข้าจะปล่อยให้ท่านพ่อเห็นได้อย่างไร
“เจ้ารู้เช่นนั้นก็ดี”
จีเซียงอี๋ขยับเข้าไปใกล้ มือยื่นไปเปิดหน้าปกนิยายที่พี่สาวถือค้างไว้ หน้าปกมีภาพวาดลวดลายคล้ายยันต์เอาไว้
“นิยายเรื่องนี้ชื่อแปลกจริง รักเหนือชะตา”
“นี่ล่ะ สนุกแล้ว ข้าเบื่อนิยายโศกเศร้า นิยายเรื่องก่อนรันทดเหลือเกิน ข้าอ่านไปร้องไห้ไป เช้ามาตาบวมเป่งไปฝึกยุทธ์แทบจะมองดาบพวกองครักษ์ไม่ทัน”
“โอ....วันนั้นที่ข้าไปไหว้พระกับท่านแม่ใช่หรือไม่?”
“อืม...มิน่า ท่านพ่อถาม พี่จึงโกหกว่าตัวเองไม่สบาย”
จีลี่อิงหรี่ตามองน้อง “หากเรื่องนี้แพร่งพรายเจ้าจะไม่มีแหล่งให้ยืมนิยายอ่านล่ะนะ”
จีเซียงอี๋พยักหน้า นางเป็นน้องเล็กที่มิใคร่ได้ออกจากบ้าน ท่านพ่อเคร่งครัดให้อาจารย์เข้ามาสอนร่ำเรียนเขียนอ่านและยังเคร่งเรื่องฝึกยุทธ์โดยมิให้คนในวังจีบอกกล่าวผู้ใด ในวัยเด็กนางนึกสงสัยว่า เหตุใดเมื่อไปวัดเจอคุณหนูตระกูลอื่น ถามเรื่องฝึกยุทธ์นางเหล่านั้นกลับหัวเราะและกล่าวว่า ‘นั่นมันเรื่องของบุรุษนะ เซียงอี๋’ พวกนางล้วนฝึกคัดลายมือ อ่านบทกวี วาดภาพ และดีดพิณ
ท่านหญิงเล็กจีจึงได้เห็นว่า ครอบครัวของนางช่างแตกต่างพี่ชายคนโตนอกจากจะชื่นชอบอาวุธและการต่อสู้เยี่ยงบุรุษผู้อยากออกรบแล้ว ยังชอบเย็บปักถักร้อยและทำอาหาร ส่วนพี่สาวคนกลางมีพละกำลังมหาศาลที่ต้องปกปิด
ในยามเยาว์วัย พี่ลี่อิงเพียงแค่เคาะโต๊ะเก้าอี้สักหน่อยก็แตกหัก จนท่านพ่อและท่านแม่ต้องคอยฝึกฝนให้นางใช้กำลังให้พอดี ส่วนตัวนางนั้นแม้จะต้องร่ำเรียนสิ่งที่อิสตรีทั้งหลายกระทำกัน แต่ท่านแม่มักกล่าวเสมอว่า การฝึกวิทยายุทธ์สำคัญกับชีวิตของนางที่สุด
เมื่อไม่นานมานี้ท่านพ่อจึงเปิดเผยคำทำนายน่าสะพรึงกลัวนั้น และบอกกล่าวให้พวกนางได้เตรียมตัวรับมือเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับตระกูลจี
“พี่ลี่อิง ข้าถามหน่อยเถิดว่า ท่านมีแผนจะทำเช่นใดกับคุณชายใหญ่ฟ่าน ในเมื่อเขามิใช่คนที่จะยอมแต่งงานกับผู้ใดโดยง่าย”
จีลี่อิงมองหน้าน้องสาว “ระหว่างข้ากับเขา ล้วนต้องทำให้เป็นเรื่องบังเอิญ”
“รวมทั้งเรื่องรถม้าด้วยหรือไม่?”
“นั่นมันชะตาสวรรค์ แต่นับจากนี้ ข้าต้องสร้างเรื่องบังเอิญให้มากขึ้น” ท่านหญิงใหญ่จ้องตาน้องสาวเขม็ง “และเจ้ากับพี่หลุนก็ต้องมาคอยช่วยข้า”
จีเซียงอี๋กระตือรือร้น “จริงหรือ? เช่นนั้นก็น่าสนุกนัก”
เห็นสายตามุ่งมั่นจะช่วยเหลือของน้องสาว จีลี่อิงชักเริ่มไม่แน่ใจ ‘จะให้จีเซียงอี๋คนใสซื่อมาช่วยข้านี่? ข้าคิดถูกหรือเปล่านะ?’
น้องสาวคนเล็กของนาง ปีนี้เพิ่งอายุสิบหก ซ้ำชีวิตที่ผ่านมา นอกจากร่ำเรียนเขียนอ่านได้เก่งกางและฝึกวิทยายุทธ์ด้วยความมีวินัยและอดทนจนก้าวล้ำแล้ว นางกลับเป็นคนมองโลกในแง่ดีจนบางคราดูว่า ซื่อเกินไปด้วยซ้ำ หากจะหาใครสักคนมาช่วยโกหกล่ะก็ คนๆ นั้นก็ไม่ควรเป็นจีเซียงอี๋นี่แหละ
“เอาเถอะ ข้าจะหาบทบาทที่เหมาะสมให้เจ้าเอง” จีลี่อิงเห็นว่า เรื่องนี้คงต้องปรึกษาพี่หลุนก่อนจะลงมือ จีเซียงอี๋เอาไว้แค่สังเกตการณ์ช่วยก็ยังดี อย่างน้อยวิทยายุทธ์ของนางก็ไว้ใจได้ “เช่นนั้นคืนนี้ ข้าจะเร่งอ่านนิยายเล่มนี้ให้จบ ดูว่าพอจะมีกลยุทธ์ใดซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่องให้นำไปปรับใช้ได้หรือไม่? พรุ่งนี้ค่อยคิดแผนอีกที”
“พี่ลี่อิง ท่านคิดเหมือนข้าหรือไม่? ข้าว่า คุณชายท้ายตรอกคงเป็นบุรุษอ่อนโยนยิ่งนัก ไม่ว่าเขียนเรื่องใดล้วนอ่านแล้วทำให้ใจอบอุ่น” จีเซียงอี๋ทำหน้าเพ้อฝันกอดหนังสือนิยายแนบอกหลับตาพริ้ม
จีลี่อิงโคลงศีรษะ “คงเป็นจอมเจ้าชู้ผู้หนึ่งในปฐพีสิไม่ว่า จึงจะเข้าใจสตรีมากหน้าหลายตาได้เช่นนี้ หากให้ข้าคาดเดา เขาคงมีภรรยาหลายคนและบุตรมากมายเสียกระมัง” แม้นางจะชอบอ่านนิยายที่เขาเขียน ทว่าเมื่อทบทวนดูแล้ว บุรุษผู้นี้คงจะมากรักยิ่ง ไม่ควรจะได้พบปะ “เราอ่านแค่ผลงานของเขาก็พอแล้ว อย่าได้อยากพบเจอตัวจริงเลย เกรงว่า หากเขารู้ว่ามีสตรีชื่นชมอาจจะลำพองใจและคิดว่า เราอยากจะเป็นหนึ่งในสตรีบนเตียงของเขาไปเสีย”
จีเซียงอี๋ได้ยินเช่นนั้นใบหน้าจึงสลดลง “นั่นสินะ”
พี่สาวโบกมือไล่นางอีกครั้ง นางจึงลากลับเรือนนอนของนางพร้อมด้วยนิยายของคุณชายท้ายตรอกนักประพันธ์ที่นางหวังไว้ว่าสักวันจะได้พบตัวจริง
********************