(นิโคลไล)
"บอริส ฉันมีเรื่องให้นายช่วยหน่อย"
(เรื่องอะไรว่ามา ถ้าหากฉันช่วยนายได้ก็จะช่วย)
"นายช่วยได้อยู่แล้ว เดี๋ยวเราสองคนนัดเจอกันที่คลับหากวันไหนนายว่าง"
(สรุปจะให้ช่วยเรื่องอะไร)
หลังจากที่อารียาเดินลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านของผมไปด้วยความทุลักทุเล โดยที่ผมก็ไม่คิดจะห้ามเธอใด ๆ สักนิด ก็เธอมันผยองก๋ากั่น จนผมต้องดัดหลังให้เธอหลาบจำ ผมต่อสายหาเพื่อนสนิทที่เป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอยู่ที่สนามบินดามาเดียตดาวา
"ฉันส่งข้อมูลเข้าไปในอีเมล์ของนายแล้ว ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนักหรอก แค่อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นบินออกนอกประเทศได้ และทำยังไงก็ได้ให้เธอซมซานกลับมาบ้านของฉัน โดยที่ไม่ต้องให้เธอรู้"
(เด็กนายเหรอ?)
"ไม่ใช่เด็กเลี้ยง แต่เป็นเด็กในปกครองที่พ่อฝากฝังไว้ แต่เธอมันดันจองหองปากดีไม่ยอมอยู่ภายใต้คำสั่งของฉัน ต้องดัดหลังกันหน่อยว่าอย่ามาเล่นกับคนอย่างฉัน"
ผมจัดการส่งข้อมูลของอารียาที่เชรคมันเคยส่งมาให้ จากนั้นก็ส่งเข้าเมล์ของบอริสเพื่อให้มันจัดการต่อตามที่ผมต้องการ แต่เพื่อนก็ดันปากดีอย่างกับรู้ทัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนของผมคิด ผิดพลาดไปนิดเดียวเพราะอารียาคือเด็กภายใต้การปกครอง ไม่ใช่เด็กในแบบที่เพื่อนสนิทของผมคิด
(เด็กมันต่อต้านนายว่างั้น?) ดูมันพูดเย้ยผมครับ
"นายอยากตายเหรอบอริส" ทำให้ผมต้องขู่เสียงแข็งผ่านโทรศัพท์มือถือ
(เออ...เดี๋ยวดูแลให้รอรับเธอที่หน้าบ้านได้เลย) บอริสรับปากและแน่นอนว่ามันทำได้ผมมั่นใจในฝีมือของเพื่อนคนนี้สำหรับเรื่องเล็กน้อย
"ขอบใจแล้วถ้านายว่างก็นัดฉันมาได้ เดี๋ยวฉันจะเปย์นายเองเป็นการตอบแทน" ผมเสนอเงื่อนไขแลกเปลี่ยน เพราะไม่เคยขอความช่วยเหลือใครฟรี ๆ เพราะคำว่าของฟรีมันไม่มีในโลกและไม่มีในหัวของผม ทุกอย่างที่ได้มาต้องมาการแลกเปลี่ยนทั้งนั้น
(รับปากแล้วนะ) บอริสถามย้ำมันคงอยากได้ความมั่นใจ แต่คนอย่างผมไม่เคยรับปากใครพล่อย ๆ อยู่แล้ว
"อืม" ผมแค่นเสียงตอบรับเป็นการยืนยันในสิ่งที่รับปากไว้ในการตอบแทน
(โอเคเดี๋ยวฉันจัดการให้แล้วจะติดต่อกลับไปทีหลัง หากจัดการกับเด็กในปกครองของนายเรียบร้อยแล้ว)
"ขอบใจมากบอริส"
(แล้วเด็กในปกครองของนายตอนนี้อยู่ในสนามบินงั้นเหรอ?)
"เธอออกจากบ้านฉันไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว กว่านายจะเห็นเธอก็น่าจะเกือบสองชั่วโมงละมั้ง คอยจับตาดูก็แล้วกัน"
(โอเค)
ผมกับบอริสตกลงกันในสิ่งที่จะดัดหลังอารียาให้ได้รับบทเรียน ว่าคนอย่างเธอไม่มีทางเหนือกว่าผมไปได้ นอกจากฝีมากจัดที่เอาแต่คอยเหน็บแนมผมเท่านั้น
"ฮึ ยัยตัวแสบ อีกไม่เกินห้าชั่วโมงอารับรองเลยว่าจะได้ต้อนรับหลานสาวเข้ามาในบ้านอีกครั้ง..." ผมยืนมองหน้าจอมือถือหลังจากที่วางสายจากบอริสแล้ว แล้วเดินถือจานข้าวออกมาจากห้องนั้นแล้วเดินไปยังห้องนอนของตัวเองด้วยความอารมณ์ดี นึกภาพใบหน้าของอารียาไว้รอ คงสะใจผมไม่น้อยกับการที่เห็นเธอซมซานกลับมา และกลายเป็นคนที่กลืนน้ำลายตัวเอง
สามชั่วโมงผ่านไป
ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขั้น เป็นบอริสที่โทรเข้ามา มันทำให้ผมยกยิ้มอย่างคนมีความสุข คงจะโทรมารายงานว่าเจอตัวของอารียาแล้วแน่นอน
"ว่าไงบอริส" ผมกดรับสายแล้วพูดผ่านมือถือเพื่อให้บอริสได้ยิน
(ทำไมคนที่นายส่งข้อมูลให้ฉันยังไม่เห็นมาเลยล่ะ มันเลยเวลาที่นายบอกไปนานแล้วนะ) บอริสบอกนั่นทำผมขมวดคิ้วเลยทีเดียว นี่ก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วทำไมอารียาถึงยังไปไม่ถึงสนามบิน
"นายดูทั่วถึงหรือเปล่าบอริส"
(ฉันดูทั่วแล้วให้ลูกน้องดูก็ยังไม่มีใครเห็นเธอคนนั้นเลย ทุกประตูเข้าออกก็ไม่มีใครพบ)
สิ่งที่บอริสเล่าให้ฟังมันทำให้ผมเริ่มกังวลใจ หรือว่าอารียาเธอจะหลงทางไปไม่ถูก แต่คนฉลาดแบบเธอไม่น่าจะพลาดแค่เส้นทางได้นี่นา ทั้งภาษาและการเจรจาเธอก็เก่งกาจ ไม่น่าจะหลงทางเพียงแค่ไปสนามบินที่อยู่แค่ไม่กี่สิบกิโล แม้เธอจะเพิ่งมาเหยียบแผ่นดินมอสโควครั้งแรก
"นายช่วยให้คนของนายดูอีกทีได้ไหม บางทีมันอาจจะคลาดสายตาก็ได้"
(แต่ฉันให้คนดูทั่วสนามบินแล้วจริง ๆ นิค เธอเคยมามอสโควหรือเปล่า?)
"ครั้งแรก...เธอเพิ่งมาถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว"
(ฉันว่าเธออาจจะหลงทางว่ะนิค)
สิ่งที่บอริสบอกมันทำให้ผมเริ่มใจไม่ดี หากว่าอารียาหลงทางจริง ๆ และหากเธอเกิดอันตรายผมคงจะรู้สึกผิดมาก ที่เป็นต้นเหตุเพียงเพราะอยากดัดนิสัยจองหองของเธอ
"หายไปไหนของเธออารียา" ผมยืนพร่ำคนเดียวอยู่ในห้องด้วยความกังวลใจ รีบต่อสายหาเพื่อนที่เป็นตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ รวมทั้งส่งข้อความหาเชรคเผื่อว่าอารียาจะติดต่อขอความช่วยเหลือจากเชรคอีกทาง ในระหว่างที่ออกจากบ้านของผมไป เพราะที่นี่เธอคงไม่มีญาติหรือคนที่รู้จักนอกจากเชรคคนเดียว