(อารียา)
"คุณหลอกฉันใช่ไหม" ฉันเหมือนกับหยุดหายใจเมื่อคุณนิโคลไลพูดออกมา ถึงผู้อุปการะที่ฉันเฝ้ารอว่าสักวันจะได้มาพบหน้า แต่ว่าวันนี้เหมือนฝันนั้นของฉันสลายไป เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน ฉันได้แต่ยืนนิ่งมองหน้าเขาอย่างไม่คิดเชื่อ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตา เพราะว่าสิ่งที่ได้ยินมันดับฝันที่ฉันเฝ้ารอ
"พ่อผมเสียแล้วจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคุณจะมาอยู่ในปกครองผมได้ยังไง" เขาพูดขึ้นอย่างคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่ใจของฉันมันกำลังเจ็บปวดและโศกเศร้า อึ้งกับสิ่งที่ได้ยินจนแทบหยุดหายใจลงตรงนี้
"ทำไมคุณไม่บอกฉัน ทำไมไม่มีใครบอกฉันบ้าง ฮือ~~คุณมันใจร้าย ฉันรอมานานแค่ไหนไม่รู้หรือไง ฉันหวังว่าสักวันจะได้เจอคุณท่าน ไม่ใช่เพียงเจอกันผ่านตัวหนังสือในอีเมล์ ฮือ..." สุดท้ายฉันก็เก็บกลั้นความเสียใจไม่ไหว ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพรั่งพรูอย่างไม่คิดอายผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทุบอกของเขาระบายความเศร้าที่ถาโถมอย่างไม่ทันตั้งตัว
"ใจร้ายอะไร ผมแค่เห็นว่าไม่สำคัญขนาดนั้น พ่อผมตายนะไม่ใช่พ่อของคุณตายซะหน่อย"
เปี้ยะ!
เขาพูดหน้าตาเฉย มันเลยทำให้ฉันเสียยิ่งใจหนักขึ้น จนฟาดฝ่ามือกระแทบใบหน้าของเขาหันไปตามแรง ฉันไม่รู้สึกผิดในการที่ตบหน้าเขาครั้งนี้สักนิด เพราะคำพูดนั้นสะกิดใจฉันให้เจ็บแปลบ เขาพูดแบบไม่รักษาน้ำใจใคร พูดเอาแต่ใจตัวเองไม่คิดแยแสใจคนฟังอย่างฉันที่กำลังเจ็บร้าวที่หัวใจสักนิด
"มากเกินไปแล้วอารียา" เขาจับหน้าตัวเอง ดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มจนป่อง แล้วหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงนิ่ง แต่สายตาที่เขามองมานั้นมันมีเปล่งประกายความไม่พอใจ ซึ่งฉันไม่คิดสนใจในเมื่อเขาใจร้ายกับฉันก่อน คำพูดที่เหมือนคนสิ้นคิดทำให้ฉันอยากจะตบหน้าเขาซ้ำ ๆ ระบายความเจ็บ
"แค่ตบครั้งเดียวมันยังน้อยไป...คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง! คุณท่านอุปการะฉันมาขนาดนี้ จะไม่ให้ฉันรู้อะไรบ้างแม้กระทั่งท่านไม่อยู่แล้ว คุณมันโคตรใจดำคุณนิโคลไล ฉันเฝ้ารอที่จะเจอหน้าท่าน รอวันที่ฉันจะได้กราบแทบเท้าผู้มีพระคุณสักครั้ง แต่คนไม่มีหัวใจ ไม่เคยนึกถึงใครแบบคุณคงไม่มีวันเข้าใจ" ฉันตวาดเขาอย่างหัวเสีย ไม่ต้องเก็บกลั้นอารมณ์ ความรู้สึกของฉันมันจมดิ่งลงเหว เมื่อสิ่งที่คาดหวังได้พังทลายลง "ฉันจะไปจากที่นี่ ไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องอยู่ ในเมื่อไม่มีคุณท่านแล้ว"
"ไปซะสิถ้ามีปัญญา อย่ามาเก่งแต่ปาก" เขาพูดออกมาอย่างดูแคลน ไม่สะทกสะท้านอะไร
"ฉันไปแน่!"
"เชิญเลยแม่คนเก่ง หาทางกลับเองก็แล้วกัน"
ฉันได้แต่ยืนกำมือแน่นอย่างโมโห เขาที่ตัวโตกว่าก็ได้แต่ยืนยกยิ้มมองหน้าฉันอย่างเย้ยหยัน มันยิ่งทำให้ฉันหัวร้อนมากกว่าเดิมเมื่อเขาท้าทายออกมาทางสีหน้า และคำพูดที่ไม่ได้ให้ความสนใจฉันสักนิด ซึ่งอันนั้นฉันไม่ติดอยู่แล้วเพราะยังไงเราสองคนก็เป็นคนอื่นที่มาเจอหน้ากัน ในวันที่และเวลาเหมาะสม โชคชะตานำพาให้เรามาเจอกัน แต่ฉันหวังว่าจะได้เจอกับผู้ชายเฮงซวยคนนี้แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น
"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อเย็นค่ะ...และฉันจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเพราะยังไงก็ไม่มีคุณท่านแล้ว" ฉันเดินด้วยความทุลักทุเลไปหยิบกระเป๋าเดินทาง ที่มันยังไม่ถูกจัดเก็บเข้าที่ พูดแล้วก็เดินลากหนีออกมา ไม่อยากจะมองหน้าคนใจร้ายสักนิด
"ฮึ...ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน" เขายกยิ้มมุมปากแล้วมองหน้าฉันด้วยสีหน้าที่เหยียด เหมือนไม่เชื่อว่าฉันจะทำอย่างที่ปากว่าจริง ๆ เขากำลังหมิ่นฉันด้วยสายตา
"ฉันทำได้แน่!" และฉันจะไม่มีวันกลับมาบ้านที่มีเขาอยู่แน่ ผู้ปกครองอย่างนั้นเหรอ ปกครองตัวเองให้มันดีมีคุณภาพก่อนเถอะ
เขาพูดออกมาได้ยังไงว่านั่นไม่ใช่พ่อของฉันไม่จำเป็นต้องบอก แต่คุณท่านก็ไม่ต่างไปจากพ่อที่คอยส่งเสียอุปการะฉัน ในยามที่ฉันลำบากท่านก็ช่วยเหลือฉันตลอด จะไม่ให้ฉันสำนึกในบุญคุณครั้งสุดท้ายเลยหรือไง เขามันคนไม่มีหัวใจ!
"หากให้ฉันมาอยู่กับคนอย่างนาย ฉันขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ไอ้คนทุเรศ" ฉันเดินออกมาจนพ้นรั้วบ้านหลังใหญ่ แล้วหันหลังกลับไปมองจ้องไปยังห้องที่คิดว่าเขายังอยู่ด้วยความโมโหสุดขีด ต่อว่าเขาอยู่ด้านหน้าทั้งที่เขาก็ไม่ได้ยินมันหรอก จากนั้นฉันจึงเดินออกมาแล้วยืนรอแท็กซี่ เพื่อจะไปสนามบินกลับประเทศที่ฉันจากมา...