Ep.4
หลังจากที่ฉันปิดประตูห้องแล้วมานั่งเงียบ ๆ อยู่สักพัก ฉันก็ได้กลิ่นไหม้? เดี๋ยวนะ หรือว่าแวร์ซายด์ลืมปิดอะไรก่อนออกไปรึเปล่าเนี่ย ถ้าไฟไหม้ละก็ ฉันต้องกลายเป็นหมูย่างแน่นอน ม่ายน้าาาาาาาา...ฉันรีบเปิดประตูเดินไปตามกลิ่นไหม้นั้น และก็พบกับเจ้าตัวปัญหา
"ทำอะไรเนี่ย นายจะเผาห้องนายเพื่อรมควันฉันหรอ แวร์ซายด์" คนกำลังดราม่า เจอกลิ่นไหม้เข้าไปก็กลัวตายเหมือนกันนะโว้ย
"โอ๊ย อบเค้กรสคาราเมล แต่ดันได้ช็อกโกแลต" แวร์ซายด์ที่เปลี่ยนเป็นชุดพ่อครัวยืนเกาหัวแก้เก้อ แล้วยิ้มแห้ง ๆ ให้ฉัน
"เค้าไม่ได้เรียกช็อกโกแลต เค้าเรียกไหม้ ไอ้... โอ้ ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาด่าละนะ"
ฉันเริ่มด่าแวร์ซายด์ทันทีที่พบว่าเขาทำอะไรไร้สาระ จากนั้นฉันก็เดินเข้าไปคว้าขนมเค้กก้อนนั้นโยนทิ้งขยะทันที
"แล้วทำไมไม่ไปทำงานฮะ คิดว่าเป็นลูกเจ้าของแล้วจะทำไรก็ได้รึไง"
"ก็ไม่อยากทิ้งเธอไว้คนเดียวนี่นา" เขาทำท่าเหมือนเด็กน้อย คิดว่าน่ารักมากมั้ง
"ฉันชอบอยู่คนเดียว" ฉันตอบไปเรียบ ๆ
"แต่ฉันไม่ชอบนี่นา ตั้งแต่มีเธอมาอยู่ด้วยนะ ไม่เหงาเลย" เขาสบตาฉันทันที
"นายนี่ประสาทเนาะ โดนฉันด่า ฉันทุบฉันตีทุกวันดันชอบ ว่าง ๆ ไปเช็คประสาทบ้างนะ"
ฉันรู้สึกหมั่นไส้จนเผลอเอามือไปบีบนวดขมับเขาอย่างลืมตัว ดูเขาตกใจนิด ๆ เพราะปกติเราไม่ค่อยโดนตัวกันเท่าไร ก่อนที่ฉันจะผละออกจากเขา
"วันนี้ไปเที่ยวกันนะ ไหน ๆ ฉันก็โดดงานแล้วอ่ะ พลีสสส พลีสส" เขาทำท่าอ้อนวอน (ตีน) ไม่ยอมหยุด
"ไม่ไป!!! ไปชวนคนอื่น" ฉันพูดก่อนจะเดินหันหลังเข้าห้อง แต่ยังไม่ทันจะปิดประตู เขาก็ดันประตูไว้ก่อน
"ถ้าเธอไม่ยอมออกห้องไปกับฉัน ฉันจะไปฟ้องคุณแม่ว่าเธอชอบแกล้งฉัน"
แล้วแวร์ซายด์ก็ใช้ไม้ตายขู่ฉันจนได้ ก็หมอนี่กลายเป็นลูกเขยสุดโปรดของแม่ฉันไปแล้วนะสิ ไม่ว่าจะพูด จะทำอะไร แม่ก็ชอบเขาไปหมด ยิ่งถ้ารู้ว่าฉันทั้งด่า ทั้งทารุณกรรมลูกเขยสุดโปรดของเขาขนาดนี้ มีหวังหูชาแน่ ๆ
"เออ ที่ฉันยอมไปเพราะฉันแค่เบื่อ ๆ ห้องหรอกนะ ไม่ได้กลัว" ฉันเดินไปอาบน้ำแต่งตัวทันที
ไหน ๆ นี่ก็เป็นการออกจากห้องครั้งแรกในรอบเกือบ 1 เดือนขอแต่งเต็มหน่อยเถอะ รู้สึกเสียดายเครื่องสำอางที่ซื้อมาจริง ๆ
"เฮ้ยยย เพลินตาหายไปไหน เธอไม่ใช่เพลินตา เธอเป็นใคร หา ๆ ๆ"
แวร์ซายด์เริ่มล้อฉันทันทีที่ฉันกลับมาแต่งหน้าแต่งตัว ไม่แปลกที่เขาจะตกใจ เพราะปกติฉันหน้าสดอย่างกับผีให้เขาได้เห็นอยู่ทุกวัน
"อีแวร์ซายด์ นายจะไปเที่ยวดี ๆ หรือไปทั้งน้ำตา" ฉันหันไปเหวี่ยงใส่เขาทันที
แล้วเขาก็เดินเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อ สักพักก็ได้ยินเสียงคนกดกริ่งหน้าห้องดัง ติ๊งต๊องงงงง ฉันเป็นคนเดินไปเปิดประตูเอง เมื่อประตูเปิดออก ฉันก็พบว่า มีผู้หญิงสวย ๆ หุ่นนางแบบคนหนึ่งยืนรอด้วยสีหน้าท่าทางไม่เป็นมิตรเลย เธอมองฉันแล้วพูดขึ้นว่า
"เธอเป็นใคร?"
"คะ? คุณนั่นแหละเป็นใคร?" ฉันยืนกอดอกถามกลับ
"เสียเวลา หลบไป" เธอผลักไหล่ฉันอย่างแรงจนฉันเซ
"เธอนี่นิสัยแย่มาก เข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต"
ฉันตวาดใส่ทันที แต่ดูเหมือนเธอไม่ได้สะทกสะท้านอะไร เพราะเธอเดินเข้าไปตะโกนเรียกแวร์ซายด์ดังลั่นห้อง และยังเดินเข้าไปในห้องที่แวร์ซายด์กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า
"นี่หยุดนะ ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้"
ฉันไปจับแขนของผู้หญิงคนนั้น แต่เธอรีบสะบัดมือฉันออกทันที
"ไม่ออก แกเป็นใคร ก็แค่เด็กของแวร์ซายด์ อย่ามายุ่งกับฉัน"
"เด็กงั้นหรอ?? ฉันเนี่ย เป็นภรรยาของแวร์ซายด์ แล้วหล่อนนั่นแหละเป็นใคร"
ฉันตะโกนลั่นด้วยความโกรธ จนยัยนั่นถึงกับนิ่งไป และหลังจากที่ฉันตวาดลั่น แวร์ซายด์ก็เดินพรวดพราดออกมา
"เฌอรีน!!!" เขาอุทานด้วยท่าทางงง ๆ
"แวร์ซายด์ บอกเด็กของนายด้วยนะ จะเข้าออกห้องฉันไม่เคยว่า แต่ช่วยมีมารยาทซะบ้าง" ฉันพูดพลางมองยัยคนที่ชื่อเฌอรีนตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ดีเลย์อยู่ไหน??" เฌอรีนหันไปถามแวร์ซายด์ทันที เธอไม่แคร์ที่ฉันด่ากระทบเธอเลยสักนิด
"ฉันไม่รู้ เฌอรีน"
เขาตอบกลับเสียงเรียบ ทั้งที่ปกติเขาขี้เล่นจะตาย ฉันได้แต่ยืนมองเงียบ ๆ อย่างงุนงง
"นายรู้ แต่นายไม่ยอมบอก" เฌอรีนยังจ้องมองแวร์ซายด์ เมื่อเขาไม่ตอบ ก็ตะโกนเรียกชื่อเขาลั่น "แวร์ซายด์ !!!"
"โอ๊ยย เฌอ!!!!! ในฐานะที่ฉันก็เป็นเพื่อนเธอนะ ฉันบอกตามตรง...ถ้าเธอทนมันไม่ได้ ก็ปล่อยมันไปเถอะ วิ่งตามมันมาตลอด ไม่เหนื่อยบ้างรึยังไง" เขาพูดเหมือนรำคาญผู้หญิงตรงหน้าเต็มทน
"เหนื่อยสิ เหนื่อยมากด้วย แล้วทำไมเพื่อนนายไม่หยุดเพื่อฉันบ้างละ" เฌอรีนเริ่มพูดทั้งน้ำตา
"ฉันไม่ใช่ไอ้ดีเลย์ และฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้จริง ๆ" เขาพูดจบก็เดินมาคว้าข้อมือฉัน และพาเดินไปที่ประตู ก่อนจะก้าวออกไป เขาหันกลับมาสั่งเฌอรีนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ถ้าจะออกไปก็ปิดประตูให้ด้วยนะ เฌอ"
แล้วเราก็ออกจากห้องไปโดยไม่ปิดประตู ทิ้งให้เฌอรีนยืนนิ่ง ๆ อยู่ในห้องต่อไป...พอเราเดินมาถึงลิฟต์ แวร์ซายด์ก็มีท่าทีนิ่งเงียบผิดกับทุก ๆ ที
"เมื่อก่อน ฉันคงเป็นแบบผู้หญิงคนนั้นเลยใช่มั้ย"
ฉันพูดยิ้ม ๆ แต่น้ำตาก็เริ่มคลอ เมื่อนึกถึงแววตาที่หม่นหมอง ใบหน้าที่เหนื่อยล้าการวิ่งตามใครสักคน ที่เขาไม่เคยจะหยุดเพื่อรอ ยิ่งมองภาพของเฌอรีน ก็สะท้อนเข้าตัวฉันเองเมื่อก่อนนี้
แวร์ซายด์ได้แต่นิ่งเงียบไป แต่สักพัก เขาก็เอื้อมมือมาจับมือของฉัน แล้วพูดว่า
"เธอไม่ต้องวิ่งตามใครแล้ว เพราะเราจะเดินไปด้วยกัน"
"เลิกอ่อยเถอะ สำหรับคนอื่นอาจะได้ผลนะ แต่กับฉัน...ไม่"
ฉันสะบัดมือของเขาออกทันที ก่อนจะเดินนำหน้าไปที่ลานจอดรถ ปล่อยให้เขาเดินตามหลังมา
" อย่าหวั่นไหวนะ เพลิน จำไม่ได้หรอเคยเจ็บมากขนาดไหน" ฉันพูดย้ำ ๆกับตัวเองภายในใจ
"แวร์ซายด์ ก็แค่ผู้ชายคารมดี ที่เฟรนลี่กับผู้หญิงไปทั่ว"
"อย่าใจอ่อนเด็ดขาด "