#วันถัดมา
@ด้านเจย์
“คนอื่นยังไม่มา?” ผมหันไปถามไอ้คิวที่ยืนสูบบุหรี่พิงรถของมันอยู่
“เออดิ มีเรียนเช้าขนาดนี้ไม่มีใครแหกขี้ตาตื่นมาเช้าหรอก” มันตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกมา
“ก็มึงกับกูไง” ก่อนจะจุดบุหรี่ยืนสูบข้างมัน
“สูบหมดตัวนี้ ขึ้นห้องเรียนก่อนพวกมันนะ กูขี้เกียจยืนรอตรงนี้”
“อืม” ผมพยักหน้าตอบ ก่อนจะอัดสารนิโคตินเข้าปอดหนักๆ จากนั้นเราสองคนก็เดินไปที่ตึกเรียน ดูเหมือนจะตั้งใจเรียนนะแต่เปล่าเลย ตั้งใจจะมานอนและเล่นเกมมากกว่า เพราะเมื่อคืนดื่มกับพวกมันหนักไปหน่อย แต่ก็ยังดีที่เช้านี้แบกสังขารมาเรียนได้
วันนี้มีเรียนรวมคลาสกับนักศึกษาคนอื่นๆ เหมือนเดิม ผมเดินเข้ามาในห้องตามด้วยไอ้คิว
ดวงตากวาดมองไปรอบๆ ห้องเรียน เมื่อเห็นโต๊ะที่นั่งเมื่อวานยังว่างก็ไม่รอช้าที่จะเดินไปนั่งลง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมเหมือนอย่างเคย
แต่ในขณะที่กำลังจดจ่ออยู่กับเกมในโทรศัพท์อยู่นั้น...
“น้ำขิง!” เสียงเรียกใครบางคนดังขึ้นจากทางด้านหลัง ดวงตาคมช้อนขึ้นมองเจ้าของชื่อนั้นทันที
ตาคมมองร่างเล็กเจ้าของใบหน้าสวย กำลังเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนเจย์จะก้มหน้าลงสนใจเกมในโทรศัพท์อีกครั้ง
ชื่อน้ำขิงสินะ…ผมไม่ได้สนใจเธอหรอก แต่แค่รู้สึกประหลาดใจกับตัวเอง ทำไมต้องหยุดมองเธอทุกครั้งที่เห็นหน้า ทั้งที่เธอก็ไม่ได้สวยโดดเด่นไปจากคนอื่นเลย
@ด้านน้ำขิง
ฉันเดินเข้ามาในห้อง ดวงตาเหลือบมองเจย์ที่กำลังนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์อยู่ เมื่อนั่งลงที่โต๊ะเรียบร้อย ก็เอาแต่จ้องมองแผ่นหลังของเขาเหมือนเดิม ท่าทีที่ดูนิ่งเงียบ ไม่อาจรู้ได้เลย ว่าเขารู้สึกหรือนึกคิดอะไรอยู่
“ขิงวันนี้มีเรียนช่วงบ่ายไหม”
“ไม่มี ทำไมเหรอ?” ฉันตอบมีนาพร้อมกับหยิบอุปกรณ์การเรียนออกมาจากกระเป๋า
“ตารางเรียนไม่ตรงกันอีกแล้ว ฉันอดไปเที่ยวกับแกอีกแล้วอะ แล้วนี่เลิกเรียนไปไหนต่อ”
“ก็คงกลับบ้านเลยอะ”
“อ่อ” จากนั้นเราก็นั่งเรียนกันตามปกติ วันนี้ฉันพอมีสมาธิมากกว่าเมื่อวาน ถึงจะรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็ตาม เพราะมัวแต่จ้องมองไหล่กว้างของเจย์และคิดถึงแต่ใบหน้าหล่อๆ ของเขา
เพียงแค่เขาขยับเหมือนจะหันหน้ามามองกัน แค่นั้นมันก็ทำให้ฉันหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว
#เวลาต่อมา
“วันนี้อาจารย์จะสั่งงานให้ทำเป็นคู่นะ” เมื่อสอนเสร็จอาจารย์ก็สั่งงานทันที ซึ่งฉันก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะถ้าให้ฉันจับคู่ก็คงไม่พ้นมีนาแน่นอน ทว่า.....
“แต่อาจารย์จะเป็นคนจับคู่ให้เอง” เสียงนักศึกษาเริ่มพูดซุบซิบกันเสียงดังขึ้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าแย้งอะไรออกไป
“นักศึกษาทุกคนแอดไลน์กลุ่มไว้ แล้วเดี๋ยวอาจารย์จะส่งรายชื่อเข้าไปในไลน์ ถ้าใครแอดแล้วรบกวนแจ้งชื่อจริงชื่อเล่นด้วย”
“ค่ะ/ครับ” พูดจบอาจารย์ก็เดินออกไปจากห้องทันที
“งี้กูก็ไม่ได้คู่กับมึงดิ” เสียงแหลมปี๊ดดังมาจากข้างหน้า ฉันจึงเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมอง เดียร์กำลังนั่งกอดอก ใบหน้าหงิกงอมองโซนแฟนของเธอ
“คู่กันในชีวิตจริงยังไม่พออีกเหรอวะ” เกมส์บ่นขึ้นในขณะที่นิ้วมือกำลังเลื่อนส่องดูโปร์ไฟล์ของผู้หญิงในคลาสด้วยความตื่นเต้น
“ถ้าไม่เคยมีเมีย มึงก็อย่าพูดค่ะ” เดียร์เถียงกลับทันที
“เดียร์มึงไม่ควรพูดคำนี้กับไอ้เกมส์นะ เพราะเมียชั่วคราวมันเยอะ นับไม่ถ้วนหรอก” คิวพูดขึ้นแต่สายตายังจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ไม่วางตาเหมือนกัน
ส่วนฉันได้ยินแต่เลือกที่จะไม่สนใจรีบสแกนคิวอาร์โค้ดที่แสดงอยู่บนโปรเจคเตอร์หน้าห้อง จากนั้นก็พิมพ์ชื่อของตัวเองส่งเข้าไปในไลน์
เมื่อเก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋าเรียบร้อยก็หันไปเอ่ยบอกมีนาที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“มีนาฉันกลับก่อนนะ”
“โอเค ไว้เจอกัน” ฉันลุกขึ้นหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายเตรียมจะเดินออกมา แต่เป็นจังหวะที่เจย์ลุกขึ้นเดินออกมาจากเก้าอี้พอดี ทำให้ใบหน้าฉันเกือบชนเข้ากับแผ่นหลังของเขา แต่ดีที่หยุดชะงักเอาไว้ได้ก่อน
ความใกล้ทำให้เหลือพื้นที่ในการหายใจเพียงนิดเดียวเท่านั้น ฉันยืนจ้องมองแผ่นหลังเจย์ในระยะประชิดสักพัก กลิ่นกายที่หอมฟุ้งจากตัวเขาก็กระทบที่ปลายจมูก มันทำให้รู้สึกปั่นป่วน และมวลท้องขึ้นมา หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้น ในสิ่งที่ใจคิดดีไม่ได้
ความรู้สึกในตอนนี้มันอยากเข้าไปใกล้ๆแล้วแนบชิดจมูกเข้ากับแผ่นหลังของเขาแล้วสูดดมกลิ่นกายเข้ามาในปอดหนักๆ
ถึงจะดูออกไปทางโรคจิตหน่อย แต่ฉันคิดแบบนี้จริงๆ .....
ฉันเหลือบมองรอบๆเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ ฉันจึงขยับใบหน้าเข้าไปใกล้แผ่นหลังเจย์มากขึ้นจนจมูกแทบจะชิดกับแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็....
สู้ด~ สูดดมความหอมจากตัวเขาเข้าเต็มปอด มันรู้สึกดีมากทำให้เผลอพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“อ่า....หอมจัง”
“หือ?” ฉันมัวหลับตาฟินกับความหอมจากตัวเขา ไม่ทันได้สังเกต เมื่อได้สติ ก็ลืมตาขึ้น สบกับเจย์เป็นที่เรียบร้อย ใบหน้าหล่อตอนนี้เหมือนจะตกใจไม่น้อย
ฉิบหายแล้วทำยังไงดี...ฉันในตอนนี้ดูเลิ่กลั่กสุดๆ คิดไม่ตก เพราะมั่นใจว่าเขาต้องได้ยินเสียงเมื่อสักครู่แน่ๆ
ฉันหลบสายตาของคนตรงหน้ามองไปทางอื่น เพราะอายกับการกระทำของตัวเองมาก กระทั่ง...
“โรคจิต!”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” ฉันรีบเถียงออกไปทันควัน รู้ว่าเป็นการแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ แต่จะให้ยอมรับความจริงก็ยังไงอยู่
“ฉันไม่ได้พูด!” ดวงตาคมกริบหันไปมองด้านข้าง ซึ่งพอฉันมองตามสายตาของเขากลับพบว่า....
“มึงสิโรคจิตไอ้เหี้ยคิว”
“โรคจิตพอกันทั้งคู่แหละพวกมึงสองตัว”
เสียงทั้งหมดที่ได้ยินคือเสียงของเพื่อนเขางั้นเหรอ?
ฉิบหายไปกันใหญ่แล้วอีขิง....แล้วตอนนี้ฉันต้องทำยังไงดี ต้องแก้ตัวต่อไหม หรือยังไง ฮือ....เมื่อทำอะไรไม่ถูกก็เม้มเรียวปากเอาไว้แน่นๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาทันที.....
ขอหลบหน้าไปตั้งหลักก่อนแล้วกัน...
@ด้านเจย์
แล้วผมต้องรู้สึกยังไง ต้องดีใจไหม? กับการกระทำและคำพูดของเธอ...เอาจริงไม่เคยโดนใครจู่โจมหนักขนาดนี้มาก่อนเลย ยอมรับว่าครั้งแรกที่ได้ยินเสียงนั้น มันตกใจไม่น้อย แต่จะให้ด่าว่าเธอก็ยังไงอยู่ เพราะเธออาจจะไม่ได้ตั้งใจเหมือนที่เธอบอกก็ได้
แต่ดมแรงขนาดนั้น อุทานเสียงดังขนาดนั้น ก็ต้องตั้งใจแล้วไหมวะ?