ทาเธียน่า

1217 Words
“นางคือทาเธียน่า” ริฎวานที่มองแล้วว่าอย่างไรนายเหนือหัวผู้ดื้อรั้นคงไม่ยอม ตนเลยต้องเป็นฝ่ายยอมเอ่ย ในสิ่งที่รับรู้มา ที่ตัดสินใจปิดบังเรื่องนี้ นั่นเพราะอยากให้นายผู้ดื้อรั้น ได้มีความคิดตรองด้วยตัวเอง พยายามเอ่ยเป็นนัยหลายครั้งให้คิดตาม แต่กลับไร้วี่แวว “ใคร!?” เสียงกร้าวเอ่ยถาม พร้อมกับจดจ้องมองหน้าริฎวานอย่างดุดัน “ที่ท่านพบเจอเมื่อสักครู่ นางเป็นพี่สาวฝาแฝดของจัสซีเนีย ใช้กลอุบายลวงหลอกใช้ชื่อน้องสาว นางทำเช่นนี้มาหลายคน จนท่านกลายเป็นเหยื่ออีกคน กระผมก็เพิ่งทราบเรื่องราวไม่นานมานี้ และเพิ่งทราบเช่นกันว่านางคือคนรักของฮาดี้บุตรชายของหุ้นส่วนของท่านเชคฮ ทาเธียน่าในตอนนั้นทะเยอทะยานเฉกเช่นเดียวกับพ่อและพี่ชายนาง ต้องการเชิดหน้าชูตา และนางคิดว่าท่านแล้นแค้นยากไร้ จึงคิดตีจากไป และสุดท้ายก็ได้เจอกับฮาดี้จึงตามกันไปอยู่ต่างประเทศ โดยไม่สนใจคำห้ามปรามของบิดา และต่อมาบิดาพร้อมพี่ชายของนางก็ทำการทุจริตยักยอกเงิน จากการธุรกิจที่ร่วมหุ้นกับบริษัท asr อยู่หลายหน จนท้ายที่สุดโดนท่านจุดไฟเผาเพื่อสังเวยความผิดแทนกฎหมาย” “แล้วทำไมไม่บอก ห๊ะ! เป็นใบ้หรือไงกัน! ปล่อยให้เราเป็นไอ้โง่เง่า โดนสตรีหน้าเงินลวงหลอกเนี่ยนะ!” คำตอบที่ได้ฟังทำเอาจาห์มาล์ควันแทบออกหู เสียงแข็งกร้าวตะเบ็งลั่นท่ามกลางความมืด ชี้หน้าตำหนิคนสนิทด้วยอารมณ์ขุ่นแค้น ไม่คิดสนว่าใครจะมาได้ยิน ในเมื่อความเกรี้ยวโกรธครอบงำ อารมณ์เลือดร้อนพร้อมปะทุเป็นประกายไฟสุมทรวง การกระทำที่ผิดย้อนแย้งกฎหมาย ใช่ว่าจะไม่กระฉ่อนเข้าหูผู้รักษาบ้านเมือง แต่ทุกการวางแผนนั้นแสนจะรอบคอบแยบยล จนคดีนั้นผันกลายเป็นอุบัติเหตุไป ไม่สามารถสืบเสาะหาต้นตอที่แท้จริง บางคดีก็ต้องยอมด้วยอำนาจเงินที่มากโขยื่นให้ "ประทานอภัยขอรับ...กระผมยอมรับผิด" ได้แต่โค้งหัวยอมรับผิด ทั้งที่ความตั้งใจ อยากให้นายเหนือหัวคิดตรองได้เอง "ใช่! เจ้าผิด" ความสุขของเพื่อนเริ่มเลือนหายไป ตั้งแต่ที่คนรักพรากจากอย่างไม่ไยดี แม้ว่าจะเป็นคนเลือดร้อนด้วยอารมณ์ที่มีเป็นนิสัย แต่ก็ไม่เคยมีความคิดมาดร้ายต่อผู้ใด แต่แล้วความเคียดแค้นจากการถูกกระทำ ก็เข้าครอบงำจนยากจะทอดถอน.....ในฐานะเพื่อนวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าแทบทุกวัน ช่วยผลักดันชี้ทางแห่งความสุขให้แก่เพื่อนที่เขารัก ด้วยความรั้นที่มีเป็นทุนเดิมยากนักที่ริฎวานจะขัดได้ นอกจากปล่อยไปตามสิ่งที่มันจะเกิด แล้วให้เพื่อนได้สัมผัสทุกอย่างด้วยตนเอง บัดนั้นความเชื่อจึงจะบังเกิด "โง่เง่าสิ้นดี!" สบถเสียงกร้าวอย่างโมโห พร้อมปล่อยมือจากคอเสื้อริฎวาน "อากาศหนาวเหน็บ กลับที่พักเถิดขอรับ" ความห่วงฉันท์มิตรยังคงไม่เลือนหาย "แพศยาเช่นนั้นเราไม่มีวันปล่อยลอยนวลเป็นแน่" แต่จาห์มาล์หาสนใจต่อวาจาของริฎวาน สองมือกำแน่นอย่างโกรธแค้น ดวงตาแดงก่ำด้วยความโมโหร้าย ยิ่งนึกถึงอดีตทีไรยิ่งคับแค้นใจ "เรื่องราวมันผ่านมานานแล้ว ทิ้งไว้ให้เป็นเพียงอดีตได้ไหมขอรับ กระผมไม่อยากให้ท่านทุกข์ตรมในใจ อดีตท่านก็ไม่ได้เปิดเผยฐานะตนเอง ก็ไม่แปลกที่คนทะเยอทะยานอย่างทาเธียน่าจะผันใจ เมื่อพบกับใครที่ตรงตามอุดมคติที่นางวาดไว้" ริฎวานชี้แนะด้วยความห่วงใย ไม่อยากเห็นเพื่อนรักต้องใจหม่นหมอง ในใจเต็มไปด้วยความแค้นและความเกลียดชัง "หน้าเงินสิไม่ว่า!" แต่คนที่เจ็บแค้นเหมือนจะไม่โอนอ่อนตามแม้แต่น้อย "ทว่าน้องสาวฝาแฝดของนางแตกต่างโดยสิ้นเชิง น้อยคนนักจะรู้จัก แฝดผู้น้องไม่ชอบเผยตัวตน จนคนคิดว่าทาเธียน่าเป็นลูกสาวเดียวของบ้าน" "อะไรก็ช่าง...ฝาแฝดก็ย่อมไม่ต่างกัน เจ้าจะเอาอะไรมามั่นใจในนิสัยเบื้องลึกของคนที่ไม่เคยรู้จัก" ริฎวานที่เห็นต่างแย้งขึ้นทันทีทันใดในความคิด กอปรกับสิ่งที่เห็นและสัมผัสได้ แต่ผู้เป็นนายของเขานั้นยังตั้งมั่นในความมั่นใจที่มี จนเอ่ยสรรพนามเปลี่ยนไป ริฎวานรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังร้อนดั่งไฟ ที่กำลังลุกโชติช่วงชัชวาล จึงทำได้เพียงถอนลมหายใจเบา ๆ เท่านั้น ครั้นจะพูดต่อมีหวังได้เกิดการปะทะอีกครา "ท่านจะรับรู้ได้เอง เมื่อได้สนิทสนมคลุกคลี" "ใครอยากคลุกคลีกับคนพวกนั้นกัน" คนเอาแต่ใจยังคงมุ่งมั่นต่อไป แม้ริฎวานจะพยายามตะล่อมให้ผ่อนปรน ก็ดูจะไร้ผลคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา "กลับเถิดขอรับ ป่านนี้พลสีเลือดจัดการเรียบร้อย จวนใกล้ถึงที่พักแล้ว" ไม่แคล้วส่ายหัวเบา ๆ พลางยกยิ้มอ่อน เมื่อเห็นแววตาของนายเหนือหัวที่ดูพิรุธวอกแวก "อืม" ---------- "ค่าแรงพวกเจ้าอยู่ที่ริฎวาน" ((ครับ)) เหล่าพลพรรคยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ รอต้อนรับผู้เป็นนาย หลังจากทำหน้าที่จบสิ้น เสียงเข้มเอื้อนเอ่ยกล่าวขาน ก่อนจะเดินมุ่งไป ด้วยมาดนิ่งขรึมเข้ากระโจมในเวลาเช้ามืด มีเพียงเหล่าคนทำครัวและเวรยามเท่านั้นที่เริ่มตื่นมาทำหน้าที่ "ท่านครับ" "เราอยากพักผ่อน อย่าให้ใครกวนใจเราในยามนี้" สีหน้าที่ไม่สู้ดี ทำเอาริฎวานนึกห่วงอาทร การเรียกขานที่ไร้การมองแม้เพียงเสี้ยวสายตา จาห์มาล์ทำเพียงเดินผ่านหน้าไปเท่านั้น สองเท้าย่างกรายเดินผ่านประตูเข้ามาในกระโจม สายตาบรรจบเข้ากับจัสซีเนียที่นอนนิ่งบนโซฟาตัวยาว และมีสาวใช้นอนอยู่เบื้องล่าง ทั้งสองนางไม่รู้สึกตัวสักนิด ว่ามีคนกำลังจับจ้องมองอยู่ "อื้อ...จะนอน" เสียงอู้อี้ในลำคออย่างนึกรำคาญ เมื่อจาห์มาล์ใช้เท้าเขี่ยซัลมาหวังปลุกให้ลุกตื่น "อุ๊ย!...นายท่าน" "ออกไป" เเม้น้ำเสียงสั่งการจะแผ่วเบา แต่ก็แสนจะน่าเกรงขาม จนซัลมานั้นรีบลุก หอบเครื่องนอนกรูออกไปทันที ความมืดที่มีเพียงแสงรำไรจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา เรือนร่างอรชรที่นอนนิ่ง ดวงหน้าที่เห็นไม่ชัดเจน แต่กลับทำเอาคนร่างสูงมองแทบไม่วางตา ยิ่งย้อนนึกหวนคืนวันในสิ่งที่กระทำไปอย่างขาดสติไตร่ตรอง ความรู้สึกผิดเริ่มผุดขึ้นในใจ แต่ความปากแข็งไม่อาจยอมรับได้ต่อหน้าคนสนิท "เราไม่รู้" เสียงเพรียกในใจ ในจังหวะที่ช้อนตัวคนนอนหลับขึ้นแนบอก ก่อนจะนำพาไปแล้ววางบนเตียงอย่างเบามือ หยิบห่มผ้าผืนหนาคลุมกายของหล่อน จากนั้นจึงหย่อนก้นนั่งเก้าอี้จ้องมองคนที่นอนนิ่งสนิทบนเตียงอย่างรู้สึกผิด "ขอโทษด้วย"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD