จวนชินอ๋อง
วันนี้หวังซูเหยาตั้งใจที่จะไปหาพระชายาฟางหรูแห่งจวนชินอ๋อง เพราะว่ามีจดหมายส่งตรงมาว่าขอพบนาง เมื่ออาทิตย์ก่อนและถือโอกาสมอบของขวัญครบรอบแต่งงานของพระชายาด้วย เป็นชุดชั้นในสีแดงสดที่นางเป็นคนทำขึ้นเอง
“รถม้าเตรียมพร้อมแล้วขอรับ” เสียงพ่อบ้านเฉินเอ่ยขึ้นมาหน้าประตู
หญิงสาวลอบมองไปที่กระจกก่อนที่จะพอใจในรูปลักษณ์ของตนในยามนี้
“'ไปกันเถิดประเดี๋ยวจะสายเอาได้”
วันนี้นางพาแค่สาวรับใช้คนสนิทคนเดียวไปเท่านั้นมิได้เอาใครไปอีก ส่วนเรื่องท่านแม่ทัพจะทราบหรือไม่นางได้ฝากบอกแค่พ่อบ้านเฉินเอาไว้เพียงเท่านั้น ไม่ว่านางจะเป็นตายร้ายดียังไงเขาก็มิเคยสนใจอยู่แล้ว
รถม้าเคลื่อนที่ออกเดินทางไปยังจวนชินอ๋องแล้วไม่ลืมที่จะนำจดหมายติดตัวมาด้วย เพื่อที่จะเอาไว้ยืนยันก่อนที่จะผ่านประตูเข้าไปภายในจวน เพราะในจวนชินอ๋องเคร่งครัดเรื่องการเข้าออกอย่างมาก
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมาย จวนชินอ๋องยังดูสง่างดงามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“ฮูหยินหานถึงแล้วเจ้าค่ะ'' สาวรับใช้เอ่ยออกมาพร้อมกับพยุงตัวหญิงสาวให้เดินลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง
“เรียนท่านฮูหยิน บ่าวคือสาวรับใช้ส่วนตัวของพระชายาโปรดตามมาทางนี้เถิดเจ้าค่ะ”
ทั้งสองคนก็ได้เดินตามสาวรับใช้ไปพร้อมกับมองไปยังบริเวณโดยรอบที่ประดับประดาไปด้วยสิ่งของเครื่องใช้โบราณที่ถูกรักษาเอาไว้อย่างดี มองตรงไปที่นอกหน้าต่างก็เป็นต้นดอกบ๊วยที่กำลังผลิดอกและส่งกลิ่นหอมตามสายลมอ่อนๆ พัดโชยมา
“ถึงแล้วเจ้าค่ะ” พอถึงจุดหมายสาวรับใช้ก็ได้เอ่ยบอกหญิงสาวก่อนที่จะผลักประตูเข้าไปด้านใน
''ฮูหยินหานมาถึงแล้วเพคะ'' สาวรับใช้ตะโกนออกมาทำให้ หวังซูเหยาได้มองไปยังบริเวณข้างหน้า ยามนี้นางเห็นสตรีคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงเข้ามาด้วยใบหน้าดีใจ
“เหยาเหยา!”
ก่อนที่จะมีเสียงทุ้มตามหลังดังออกมา
“ฟางเอ๋อร์เจ้าอย่าวิ่งได้หรือไม่” ชินอ๋องเอ่ยเสียงดุๆ พร้อมส่งสายตาเป็นห่วงไปยังหญิงสาวที่ตนรัก
หวังซูเหยาได้ยินเช่นนี้ก็ได้รีบปรับสถานการณ์ของตนเองอย่างรวดเร็วคนที่วิ่งมากอดนางก็คือพระชายาอีกคนที่ตะโกนตามหลังมานั้นก็คือท่านชินอ๋อง ถึงแม้ว่าจะตกใจไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้เพราะมิเจอกันมาหลายเดือน หญิงสาวจึงได้รีบทำความเคารพทันที
“เจ้าไม่ต้องมากพิธีหรอก พวกเราคนกันเองทั้งนั้นมาเถิดตามข้ามาเร็วเข้า” พระชายาฟางหรูรีบดึงแขนหญิงสาวให้ตามตัวเองมาอย่างรีบร้อนก่อนที่จะไปหยุดที่โต๊ะคล้ายว่าจะเป็นโต๊ะทานข้าวส่วนตัว
โต๊ะเป็นวงกลมมีเก้าอี้ล้อมรอบประมาณสี่ตัว
“เหยาเหยาเจ้ารีบนั่งเร็วเข้า วันนี้ข้าสั่งให้หัวหน้าพ่อครัวทำของโปรดเจ้าทั้งนั้นเลยนะลองดูสิ” เอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
นางรักเด็กสาวผู้นี้เสมือนดั่งน้องสาวแท้ๆ ของนางคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ มันรู้สึกถูกชะตาอย่างไรก็บอกมิถูกเช่นกันตั้งแต่ได้พบเมื่อห้าปีก่อน
“เอ่อ...ขอพระทัยเพคะ”
ก่อนที่หวังซูเหยาจะรับรู้การถูกจ้องมองจึงได้คีบอาหารเข้าปากเล็กอย่างรวดเร็ว
“.....”
“เป็นอย่างไรบ้างเหยาเหยาอร่อยหรือไม่” พระชายาเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้มและความคาดหวัง
ชินอ๋องที่เห็นท่าทางของสตรีที่รักแล้วลอบมองไปที่เด็กสาวผู้นี้ท่าทางกระอักกระอ่วนจนเห็นได้ชัดจึงหลุดขำออกมา
พระชายาที่ได้ยินเสียงหัวเราะจึงได้ส่งสายตาดุๆ ไปให้เขาก่อนที่จะปรับสีหน้าแล้วมองมาที่เด็กสาวข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม
ชินอ๋องเห็นสายตาเช่นนี้จึงได้แต่นั่งคอตก
หวังซูเหยานางที่เห็นเช่นนี้จึงยิ้มออกมา “อร่อยมากเพคะ”
หญิงสาวที่พอใจกับคำตอบของเด็กสาวแล้วจึงค่อยๆ เอ่ยถามออกไปว่า
“ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเหยาเหยา” นางรับรู้ถึงสถานะการณ์ในจวนของเด็กสาวผู้นี้แม้ว่าอยากจะช่วยเหลือแต่นางเองที่ปฏิเสธแล้วบอกว่าไม่เป็นไรมาโดยตลอด
หวังซูเหยาที่ได้เห็นสายตาเป็นห่วงของสตรีตรงหน้าจึงตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม เพื่อไม่ให้เป็นห่วงนางมากจนเกินไป
“หม่อมฉันสบายดีเพคะ^^” เอ่ยตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหยิบของที่นางนั้นได้เอามาฝากพระชายาออกมา
“หม่อมฉันมีของมาฝากด้วยเพคะ แต่ว่า...” หวังซูเหยาทำสีหน้าลำบากใจที่จะหยิบออกมาจนพระชายาฟางหรูนั้นรู้สึกได้จึงได้เอ่ยไล่ชินอ๋องนั้นออกไปก่อน
“ท่านพี่ออกไปก่อนเพคะน้องจะคุยกับเหยาเหยาแค่สองคน”
“แต่ว่าพี่อยากอยู่กับเจ้า...” ไม่พลายส่งสายตาอ้อนวอนไปให้สตรีที่รัก ก่อนที่จะได้รับสายตาดุๆ ส่งกลับมาแทนจนเขานั้นต้องยอมเดินคอตกออกไปอย่างน่าสงสาร
นางตกใจมากไม่คิดว่าความจริงแล้วท่านชินอ๋องผู้นี้จะเป็นคนกลัวเมียและเชื่อฟังถึงขั้นนี้เลย!
ฟางหรูที่ได้เห็นหญิงสาวทำหน้าตาตกใจเช่นนั้นจึงได้รีบเอ่ยออกไปอย่างติดตลกว่า
“ฮ่าๆๆ เป็นเรื่องปกตินะเจ้าอย่างได้ใส่ใจ”
“เอ่อเพคะ!”
ก่อนจะหยิบเอาชุดที่นางตัดเอาไว้ออกมาให้พระชายานั้นได้ดู เป็นชุดชั้นในสีแดงบางประดับไปด้วยลวดลายสีทองสวยงาม
“นี่มันคือสิ่งใดกันหรือ” มือเรียวหยิบขึ้นมาดูก่อนที่จะเอ่ยถามหญิงสาวออกไปด้วยความสงสัยแต่ก็สนใจมิน้อย
“มันคือชุดชั้นในที่หม่อมฉันเป็นคนทำมาเองเพคะ”
“ชุดชั้นในหรือ แต่เหตุใดมันถึงดูรูปร่างแปลกๆ” เพราะมันดูบางมากกว่าที่จะเป็นชุดชั้นในนี่สิ
“เพคะ หม่อมฉันตัดมันมาให้พระชายาเป็นของขวัญครบรอบแต่งงาน”
“ขอบใจเจ้ามากแล้วข้าควรจะใส่มันเช่นไรหรือ?”
“ใส่เข้านอนเพคะ”
พระชายาหน้าแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดนางมิเคยใส่ชุดโชว์เนื้อหนังแบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่น้อย
“มันจะดีหรือ”
หวังซูเหยาลอบมองไปที่คนข้างหน้าที่ตอนนี้กำลังลังเล
“มันจะทำให้ท่านชินอ๋องหลงท่านมากกว่าเดิมก็ได้นะเพคะ”
ลอบมองไปที่เด็กสาวที่บ่นพึมพำออกมาอย่างหน้าตาเฉยทำให้นางนั้นตีไปที่แขนเล็กๆ เข้าทีหนึ่งอย่างมันเขี้ยว เวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกันมักจะคุยเรื่องเช่นนี้เป็นปกติ
“เจ้ามันเด็กแก่แดด ได้เช่นนั้นวันนี้ข้าจะลองใส่ดูก็แล้วกัน ผลลัพธ์เป็นเช่นไรข้าจะส่งจดหมายไปหาเจ้าดีหรือไม่”
“เพคะ^^” ได้ยินเช่นนั้นก็ได้อมยิ้มออกมา นางมิได้เป็นตัวเองเช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ หากกลับไปที่จวนก็ต้องเปลี่ยนเป็นฮูหยินที่นิ่งขรึมแบบนั้นอีก…
*********