ตอนที่ 2 : นักศึกษาฝึกงาน

3061 Words
จามรีเข้ามารับหน้าที่แทนปยุดา ซึ่งเป็นญาติที่จะต้องไปทำงานอยู่ต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ เรียกได้ว่าติดตามคนรักไปใช้ชีวิตที่อเมริกาน่า จะถูกต้องกว่า ส่วนเรื่องงานที่ร้านเครื่องประดับถือได้ว่า ปยุดาวางแผนจัด การได้เป็นอย่างดีและจามรีเองยังได้ตุลย์มาเป็นที่ปรึกษาอีก ปัญหาต่างๆ ที่เคยกังวลใจหายไปมาก หลังจากเข้ามารับหน้าที่แทนปยุดาได้พักใหญ่ “คุณจุ้นค่ะ มีนักศึกษาฝึกงานมาขอเข้าพบค่ะ” เลขาโทรศัพท์เข้ามาแจ้งกับจามรีซึ่งรู้สึกแปลกใจ “เชิญที่ฝ่ายบุคคลได้เลยค่ะ” จามรีพูดไปตามระเบียบของระบบงาน “น้องรู้จักกับคุณจุ้นหรือเปล่าคะ ถึงได้ขึ้นมาขอพบ” เลขาลองเรียบเคียงถามจามรี “สายศิลป์” จามรีรำพึงชื่อออกมา เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้เรื่องฝึกงาน “ใช่ค่ะ” “ให้เข้ามาเลยค่ะ” สายศิลป์ดูเรียบร้อยกว่าครั้งก่อนๆ ที่พบกัน ไม่ค่อยพูดต่อปากต่อคำสักเท่าไรนัก ขออนุญาตเข้ามาทักทายจามรี ในฐานะที่เป็นคนรับเข้ามาฝึกงานตามที่ปยุดาซึ่งเป็นผู้บริหารคนเดิมได้บอกเอาไว้ “ต้องเรียกว่า คุณจามรี หรือคุณจุ้นคะ” สายศิลป์ถาม เพราะถือเป็นมารยาทในสถานที่ทำงาน ถึงแม้จะได้ยินเลขาหน้าห้องเรียกว่า คุณจุ้น แต่ตัวเองเป็นนักศึกษาฝึกงาน อาจจะต้องเรียกชื่อเต็มอย่างเป็นทางการ “อะไรก็ได้ที่ไม่มีมี ไอ้นำหน้าน่ะ เบื่อจะได้ยิน” จามรีพูดยิ้มๆ เห็นสายศิลป์แอบยิ้มเช่นกัน “ถ้าอย่างนั้น คุณจุ้น นะคะ ขออนุญาตออกไปรายงานตัวกับทางฝ่ายบุคคลก่อนนะคะ ขอบพระคุณที่กรุณารับเข้ามาฝึกงานค่ะ” สายศิลป์พนมมือไหว้ “เธอ หรือ โอ๊ย เรียกอะไรดี” จามรีพูดบ่นกับตัวเอง “เอาที่อยากเรียกเลยค่ะ” สายศิลป์พูดยิ้มๆ “เธอ เห็นว่าสนใจงานออกแบบ เดี๋ยวเรา ฉัน โอ๊ย เราแล้วกันเน๊าะ เดี๋ยวเราโทรฯ ไปแจ้งฝ่ายบุคคลให้ก็แล้วกันว่า ให้ส่งไปฝึก งานที่ฝ่ายออก แบบเลย ลองออกแบบมาให้ดูบ้าง ถือเป็นการฝึกงานบวกกับทดลองงานไปในตัว เราจะส่งผลงานให้ยุ่งช่วยดูด้วยว่า ควรรับเข้าทำงานไหม หลังจากฝึกงานแล้ว” “รับทราบค่ะ” สายศิลป์เดินยิ้มออกมา ยิ้มกับคนที่เคยพูดจากวนๆ ใส่ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่พอพูดจาเป็นการเป็นงานกลับตะกุกตะกัก แต่ดูดีเพราะสายศิลป์ไม่ค่อยชอบนักกับคนพูดจากวนๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ “เก่งนะ พอจะมาทำงานดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาทันที อาจารย์คงสอนมาดีล่ะสิท่า” จามรียิ้มๆ กับสิ่งที่ตัวเองพูดพึมพำออกมา ปยุดาเดินยิ้มเข้ามาหาผู้บริหารคนใหม่ โดยปฏิบัติตามระเบียบด้วยการเคาะประตูห้องก่อนเข้ามา จามรีส่ายหน้าเมื่อได้เห็นหน้าแม่จอมยุ่งแต่ที่น่าแปลก คือ วันนี้ไม่มีผู้ติดตามที่ตัวติดกันเป็นตังเมมาด้วย “วันนี้แม่จอมยุ่งฉายเดี่ยวนะ กรทิ้งแล้วล่ะสิ” จามรีพูดทักทาย “ปากเสีย เดี๋ยวด่าเลย เป็นคนขับรถก็ต้องเอารถไปจอด เดี๋ยวมา” “ดีใจนะที่เห็นยุ่งมีความสุขตั้งแต่หายจากอาการบาดเจ็บ” จามรียิ้มเดินเข้าไปสวมกอดปยุดาที่กอดกระชับเอาไว้เล็กน้อย “ยุ่งรู้ สักวันจุ้นจะมีความสุขเหมือนกัน” ปยุดายิ้มน้อยๆ ให้ “ขอบใจจ้ะ ว่าแต่มีอะไรให้รับใช้คะ” จามรีถามยิ้มๆ พอดีกับสาวอีกคนเดินเข้ามา จามรีจึงทักทายกรวิกาก่อนที่จะพูดคุยกับปยุ ดาต่อ “แวะมาดูเฉยๆ เป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ปยุดาถามจามรี “ไว้มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ จะโทรฯ ไปปรึกษา ถ้ายุ่งไม่อยู่ จุ้นโทรฯ หาป้าก็ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง” จามรีบอกอยากให้ปยุดาสบายใจ “ถามไปงั้นแหละ รู้ว่าจอจุ้นน่ะ เก่งอยู่แล้ว” ปยุดาหัวเราะ “ขอบใจที่ชม เออสาวน้อยที่ฝากฝึกงานมารายงานตัวเรียบร้อยนะ ส่งไปแผนกออกแบบเลย” จามรีบอก ปยุดายิ้มๆ สังเกตอากัปกิริยาของคนที่ทำทีพูดเป็นการเป็นงาน “นส.สายศิลป์ เด็กเรียนศิลปะจะทนทำงานประจำไหวหรือในระยะยาวท่าทางออกจะอาร์ตๆ สมชื่อนะ” ปยุดาหันไปมองสบตา กับศิลปินอีก คนที่นั่งอยู่บริเวณเก้าอี้รับแขก ซึ่งปยุดากำลังเดินไปนั่งข้างๆ “เงินเป็นสิ่งสำคัญนะ น้องอาจจะต้องทำอะไรที่มั่นคงด้วยและหาอะไรทำเสริม แต่ท่าทางขยันออก ครั้งก่อนที่เราเจอหางานพิเศษทำ ถ้าได้ไว้ที่นี่น่าจะดี ส่วนเรื่องจะทนหรือไม่ทนคงแล้วแต่เจ้าตัวแล้วแหละ” กรวิกาบอกกับสองสาวที่ยิ้มๆ ให้กัน “รอดูฝีมือก่อน ค่อยว่ากัน” จามรีพูดสรุป “ไม่ได้ไปจุ้นจ้านกับน้องเขามากใช่ไหม ไอ้จอมจุ้น” ปยุดาหัวเราะ “ขนาดไม่จุ้นจ้าน ยังเหมือนไม่ชอบขี้หน้าเลย ไม่ยุ่งดีกว่าเดี๋ยวโดนเด็กด่าอายคนอื่นเขา” จามรีพูดทำท่าหวาดกลัว จนกรวิกา อดที่จะขำไม่ได้ “โหย อายเป็นกับเขาด้วย ไปกินข้าวกัน” ปยุดาเอ่ยชวน “ไปกร กินข้าวกัน” จามรียื่นมือไปให้กรวิกา เพื่อแหย่ยายจอมยุ่งที่ชอบออกอาการหวงให้เห็นอยู่บ่อยๆ “ไอ้จุ้น เดี๋ยวจะโดน มาจับไม้จับมือ พยุงเองได้ย่ะ” ปยุดาอมยิ้มมองสบตากับกรวิกาที่ยิ้มน้อยๆ ชอบความน่ารักของปยุดาเวลาแสร้งทำ เป็นหวงแหน “โทรฯ ชวนอาร์ตไปกินด้วยกันสิ” กรวิกาเสนอความคิดเห็น ซึ่ง ปยุดาเองเห็นด้วย เลยพยักพเยิดไปทางจามรี “คนออกความคิดเห็นก็โทรฯ เองสิ” จามรีพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ “ไม่มีเบอร์” กรวิกาบอกแล้วอมยิ้ม หันไปมองสบตากับปยุดา “ไม่มีเหมือนกัน แต่รู้ว่าจุ้นมี โทรฯ ด้วยนะจ๊ะ” ปยุดามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เห็น จามรีสังเกตได้ “อะ โทรฯ แล้ว คุยกันเอาเอง” จามรียักคิ้วให้กับปยุดา หลังจากที่เอาโทรศัพท์ซึ่งโทรฯ ออกหาสายศิลป์ใส่ในมือของปยุดาได้ “มีเลศนัย ไม่กล้าคุยเองเนอะ” ปยุดาพยักพเยิดไปทางกรวิกา “สวัสดีค่ะ คุณจุ้น” เสียงทักทายแสนสดใสทำให้ปยุดาอมยิ้มและเปิดเสียงให้ทุกคนได้ยิน “คุณจุ้นไม่ยอมโทรฯ เอง พี่ยุ่งเองนะ อาร์ต” ปยุดายิ้มทะเล้นให้ กับคนที่ยืนหน้ามุ่ยขมวดคิ้วจ้องมองอยู่ “สวัสดีค่ะ พี่ยุ่ง ฝากสวัสดี พี่กร ด้วย ต้องอยู่แถวๆ นั้นแน่เลย” “สวัสดี เด็กฝึกงาน ครึ่งวันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” กรวิกาถาม “ถ่ายเอกสาร ซื้อกาแฟ เป็นงานหลักค่ะ” สายศิลป์หัวเราะ “อ้าวไหงงั้นล่ะ” ปยุดาทำหน้าดุใส่จามรี “พูดเล่นค่ะ พี่ยุ่ง พี่ๆ ที่แผนกชวนพูดคุยและอธิบายงานค่ะ ช่วงบ่ายจะให้ลองออกแบบแล้วล่ะคะ เกร็งๆ อยู่” สายศิลป์รายงาน จามรีถอนใจอย่างโล่งอก ถ้าหากเป็นเด็กซื้อกาแฟกับถ่ายเอกสารมีหวังได้โดยปยุดา บ่นหูดับตับไหม้แน่ “เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน เจอกันชั้นล่างนะ” ปยุดาพูดเอ่ยชวน “เอาไว้วันหลังนะคะ พี่ยุ่ง พอดีรับปากพี่ๆ ที่แผนกไว้แล้ว อีกอย่างอาร์ตไม่อยากไปนั่งกินข้าวกับผู้บริหารทั้งเก่าและใหม่ ดูเป็น เด็กเส้นอย่างไรไม่รู้ค่ะ ใครเห็นจะไม่ชอบขี้หน้าเอา ขอบพระคุณมากนะคะ พี่ยุ่ง” “คิดมากไปนะ เรา ไว้คราวหน้าวันที่ไม่ได้เป็นเด็กฝึกงานก็ได้เนอะ ไม่ต้องเครียดนะ ทำงานอย่างที่เราคิดและอยากให้ออกมาอย่างที่ตั้งใจ ผลจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที สู้ๆ เนอะ” ปยุดาพูดให้กำลังใจสายศิลป์ที่รู้สึกสบายใจขึ้นมาก “กราบค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ พี่ยุ่ง อาร์ตขอตัวก่อนนะคะ” “จ้ะ ไว้คุยกัน” ปยุดายิ้มๆ “ขอบพระคุณนะคะ พี่กร ไว้อาร์ตจะรบกวนเรื่องงานเขียนภาพด้วยค่ะ เผื่อจะดังได้ตังค์กินขนมเยอะๆ บ้าง” เสียงหัวเราะของสายศิลป์และ การพูดหยอกเอินศิลปินรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียง ทำให้ทั้งสามสาวที่ฟังอยู่อมยิ้มกับความน่ารักของสาวรุ่นน้อง “ได้จ้ะ แต่อย่าทำงานเยอะนักนะ เห็นป้องบอกเราน่ะ ไม่มีวันหยุดพักผ่อนเลย มีอะไรโทรฯ หาได้ตลอด เดี๋ยวฝากนามบัตรทั้งของพี่กับพี่ยุ่งไว้ที่เจ้านายเรานะจ๊ะ” กรวิกาหันไปยิ้มให้จามรี “ขอบพระคุณค่ะ อยากขอเบอร์โทรศัพท์ไว้นานแล้ว แต่แอบเกรงใจ” สายศิลป์พูดเสียงอ่อยๆ “โทรฯ หาได้ทุกเมื่อเลยจ้ะ” ปยุดาบอก “กราบอีกครั้งค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ พี่ๆ” สายศิลป์พูดเผื่อไปถึงอีกคนด้วยถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่คำว่าพี่ๆ นั้นคิดว่า จามรีคงอยู่ด้วยบริเวณใกล้ๆ และคงได้ยินสิ่งที่บอกขอบคุณออกไป “น่ารักเนอะ” ปยุดาบอกกับจามรีที่พยักหน้าให้ จามรีเลือกใช้เวลาในวันหยุดกับการแสดงดนตรีในสวนลมเย็นๆ มีเพลงแบบอะคูสติกและเสียงของนักร้องที่แสนจะไพเราะ โดยรอบบริเวณ ซึ่งถือได้ว่า เป็นสวนสาธารณะขนาดย่อมมีผู้คนไม่มากนัก แต่คาดว่าใกล้ค่ำคงจะมีเพิ่มมาอีกจำนวนไม่น้อย หลังจากนั่งฟังเพลงกับจิบเครื่องดื่มเย็นๆ อยู่พักใหญ่ นักร้อง นักดนตรีได้เวลาพัก จามรีจึงหันมองไปรอบๆ รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของผู้คนทำให้จามรียิ้มๆ รู้สึกสุขใจที่ตัดสินใจขับรถมาค่อนข้างไกล แต่บรรยากาศรวมถึงความสุขที่ได้ค่อนข้างคุ้ม เรียกได้ว่า สุขใจเป็นที่สุดมากกว่า แผ่นกระดาษที่มีรูปวาดถูกยื่นมาตรงหน้าครู่หนึ่งก็มีคนมานั่งอยู่ข้างๆ “ที่อยากได้ วาดให้แล้วค่ะ” สายศิลป์ยิ้มให้กับจามรี “ขอบใจ น่ารักดีนะ วาดนานไหม” จามรียิ้มมองดูรูปวาด ซึ่งลักษณะท่าทางของตัวเธอนั้นถูกวาดออกมาเป็นการ์ตูน สายศิลป์ สร้างงานศิลปะ ได้น่าทึ่งอยู่เหมือนกัน “ไม่เกินสิบห้านาทีค่ะ มาหาค่าขนมอยู่แถวนี้” สายศิลป์บอก “วาดแบบที่วาดให้นี่หรือ” จามรีถาม “ค่ะ” “เก่งนะ ดึงความเป็นคนๆ หนึ่งออกมาเป็นการ์ตูนได้ด้วย” จามรียิ้มกับภาพของตัวเองที่สายศิลป์วาดออกมาดูหน้าตาเจ้าเล่ห์ ซึ่งคงหมายถึงเรื่องความจุ้นจ้านที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว แม้กระทั่งชื่อยังเปลี่ยนไป “อาร์ตถือว่าเป็นคำชมนะคะ” สายศิลป์หัวเราะ “ชมสิ ใช้วันหยุดหาค่าขนมตลอดเลยหรือ” จามรีถามหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่มีอยู่ยื่นให้สายศิลป์ ซึ่งรับไปและเปิดดื่มในทันที จามรียิ้มกับท่า ทางที่ดูเป็นกันเอง “ส่วนใหญ่ค่ะ งานลักษณะนี้มีจัดตลอดเลยนะคะ จะว่างเว้นช่วงหน้าฝนเท่านั้นเอง หน้าฝนแย่หน่อยหาค่าขนมยาก” สายศิลป์บอก “ฝึกงานเป็นอย่างไรบ้าง ผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง” จามรีหันมายิ้มให้กับสายศิลป์ ซึ่งไม่ได้หันมามองสบตาด้วย แต่มองไปยังด้านหน้าเวทีซึ่งนักร้องนักดนตรีกำลังจะกลับมาเริ่มเล่นอีกครั้ง “บอกตรงๆ คุณจุ้นจะเซ็นใบผ่านการฝึกงานให้ไหมล่ะ” สายศิลป์ พูดเสียงอ่อยๆ หันมายิ้มน้อยๆ ให้ “ไม่เกี่ยวกัน ถ้าฝึกได้ตามเวลาที่กำหนด ก็ควรได้ลายเซ็นนะ” “อาร์ตไม่ชอบงานเต็มเวลาเลยค่ะ เหมือนโดนจับขังอยู่ในกล่อง บางทีอยากทำอะไรในช่วงเวลานั้น แต่ความรับผิดชอบกับงาน ประจำจะคอยเตือนเราอยู่ว่า เราต้องรับผิดชอบสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อน อาจจะดูเป็นเด็กไม่มีความรับผิดชอบก็ได้นะคะ” สายศิลป์บอกสิ่ง ที่ตัวเองรู้สึกออกไปตามตรง ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่า คนได้ยินจะคิดหรือรู้สึกอย่างไร “ไม่น่าแปลกใจ งั้นก็ฟรีแลนซ์ หลังฝึกงาน” จามรีบอก “ไหวหรือคะ” “เห็นงานชิ้นแรกที่ออกแบบมาแล้วนะ ขอเพิ่มเติมนิดหน่อย ไม่ถนัดออกแบบ แต่ถนัดจุ้นจ้านเพิ่มเล็กๆ น้อย ไม่ว่ากันนะ” จามรียิ้ม “จะรอดูความจุ้นจ้านนะคะ” “มาคนเดียวหรือ” จามรีถามเพราะนั่งคุยกันอยู่พักใหญ่ ตอนแรกคิดว่าจะมีใครเดินตามมาอีก “คนเดียวค่ะ มาทำงาน ไม่ได้มาชิลด์นี่” สายศิลป์หัวเราะ “เหมือนโดนเหน็บเบาๆ” จามรีบ่นพึมพำ “ขอบคุณสำหรับน้ำดื่มนะคะ ไปหาสตางค์ต่อก่อน ขอให้มีความ สุขกับวันพักผ่อนนะคะ” สายศิลป์ยิ้มสวยๆ แววตาดูเป็นมิตรมากขึ้นในความ รู้สึกของจามรีที่พยักหน้าให้และมองดูสาวสวย ซึ่งแต่งตัวง่ายๆ กางเกงยีนส์เสื้อยืดเก่าๆ ตามสไตล์เด็กเรียนศิลปะทั่วไป แต่ที่น่าสนใจคือใบหน้าที่สวยสดงดงามโดยไม่มีเครื่องสำอางค์ใดๆ แต่งแต้มเลยมากกว่า ปากที่แดงๆ ตามลักษณะของสาวสวยสุขภาพดี ทำให้จามรียิ้มกว้างขึ้นและกลับมาดื่มด่ำกับเสียงดนตรีที่กำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง “เด็กสมัยนี้ยังทาแป้งน้ำอยู่อีกหรือ” จามรียิ้มๆ เพราะสายศิลป์ลุกไปครู่ใหญ่แล้ว แต่กลิ่นแป้งหอมๆ ยังคงอยู่ ไม่จางไปไหน จามรีม้วนภาพ วาดที่ได้รับมาแล้วเอาโบว์ผูกไว้เหมือนเดิม หลังจากการแสดงดนตรีจบลง ผู้คนเริ่มแยกย้ายกันกลับและมีเดินเล่นบริเวณโดยรอบ ซึ่งมีคนมาวาดรูปคล้ายกับสายศิลป์แต่เป็นคนละแนวมีของเล่น ของแต่งบ้านและอีกมากมาย จามรีมองเห็นร้านขายขนมปังอยู่ฝั่งตรงข้าม จึงเดินข้ามถนนไปและกำลังจะนั่งที่เก้าอี้ ซึ่งเป็นโต๊ะว่างที่เดียวแต่มีคนนั่งเสียก่อน ไม่ทันมองว่าคนที่นั่งนั้นเป็นใคร “เราคงไม่ทะเลาะกันหรอกค่ะ นั่งเถอะค่ะ คุณจุ้น” สายศิลป์รีบพูดและหัวเราะให้กับคนที่มาเจอกันแบบไม่ได้ตั้งใจอีกครั้ง แต่ที่ตั้งใจน่าจะเป็นความหิวมากกว่า สายศิลป์วางเป้ลงข้างๆ ตัว “แกล้งกันหรือเปล่าเนี่ย” จามรีถามยิ้มๆ “ไม่ได้แกล้งสักหน่อย เห็นมีว่างอยู่โต๊ะเดียว เลยต้องรีบหน่อยค่ะ ว่าแต่ทานอะไรดีคะ” สายศิลป์ถาม “เหมือนเธอแหละ” จามรียิ้มมองสบตากับสายศิลป์ “เอาจริงดิ” สายศิลป์อมยิ้ม “หรือกินของแปลกล่ะ เราน่ะ” จามรีทำเป็นขมวดคิ้ว “นั่งรอตรงนี้ค่ะ เดี๋ยวไปจัดการให้” จามรีมองดูสายศิลป์ซึ่งชี้โน่นนี่ อันที่จริงไม่น่าจะมีอะไรมากมายนัก เพราะเป็นร้านขนมปัง นมสดทั่วไป จามรียิ้มๆ กับคนที่ต้องเดินไปเดินมาหยิบโน่นหยิบนี่มาวางที่โต๊ะเองและยังกำชับให้นั่งอยู่เฉยๆ โก้โก้เย็นกับนมสดร้อน ซึ่งมีรส ชาติหวานน้อย แต่กำลังดีสำหรับจามรี ขนมปังสังขยามีทั้งสีส้มและสีเขียว ยังไม่หมดเท่านั้นยังมีขนมปังที่ราดหน้าด้วยช็อคโกแลตเยิ้มมาอีก สายศิลป์ยิ้มอายๆ เมื่อเห็นจามรีมองดูจานขนมที่วางอยู่ “หิวหรือ” จามรีถาม “มากค่ะ ทานเถอะ เอาน้ำเชื่อมเติมอีกใหม่ค่ะ นมสดน่ะ” “ไม่ล่ะ กำลังดีทานเถอะ ขอบใจนะ” สายศิลป์พูดคุยบ้าง แต่ท่า ทางจะมีความสุขกับขนมอร่อยเสียมากกว่า จามรีแอบมานึกถึงวันที่คนรักของสายศิลป์พูดคุยกับเพื่อนเรื่องที่ไปนอนค้างอ้างแรม หรืออาจจะอยู่ด้วย กันแต่ยังไม่มีใครรู้ก็เป็นได้ จะว่าไปเวลาญาติดีก็เป็นเด็กน่ารักอยู่ไม่น้อย “คุณจุ้นท่าทางไม่ชอบทานขนมนะคะ” สายศิลป์ถาม “กลัวเธอไม่อิ่มมั้ง” “ชวนลับฝีปาก ยังไม่ว่าง ติดไว้ก่อน กินเป็นเพื่อนสิ คนเดียวอาย” “อายทำไม จ่ายสตางค์นะ ไม่ได้กินฟรี” สายศิลป์ยิ้มๆ กับคนที่เริ่มพูดจากวนๆ “ตะกละค่ะ กินคนเดียว กินเป็นเพื่อนด้วย” สายศิลป์พยักหน้า และมีรอยยิ้มสดใสขึ้น เมื่อเห็นจามรีเริ่มทานขนมปัง “ดูข้อความในโทรศัพท์ด้วยล่ะ ป่านนี้ลูกค้าเพียบแล้ว” จามรีพูดขึ้นทำเอาสายศิลป์ถึงกับหยุดชะงัก “หมายถึงอะไรคะ” “นี่ไง” จามรีโชว์รูปทีถ่ายจากภาพวาดซึ่งสายศิลป์ให้ โดยนำไปเป็นภาพของตัวเองในโปรแกรมที่ใช้ส่งข้อความและยังอวดข้อ ความที่ปยุดาแอบอิจฉาให้คนวาดรูปได้ดูด้วย สายศิลป์อมยิ้ม “ของพี่ยุ่งน่ะ วาดง่ายเลย แต่น่าจะรูปคู่นะคะ” สายศิลป์บอก “พรุ่งนี้ไม่ต้องออกไปหางานข้างนอกหรอก วาดรูปอยู่บ้านก็ได้มั้ง พี่ยุ่งกับพี่กรจองคิวผ่านแถวนี้” จามรียื่นโทรศัพท์ให้สายศิลป์ และพยักหน้าให้อ่านข้อความที่เขียนถึง “พี่กรวาดเองก็ได้มั้งคะ” สายศิลป์หัวเราะ “ทุกคนที่เรียนศิลปะมา จะวาดแบบนี้ได้จริงๆ หรือ” จามรีถาม “น่าจะได้ค่ะ” สายศิลป์ไม่ค่อยแน่ใจนัก “สองคนนั้นรูปคู่ คิดแพงๆ เลย” จามรีหัวเราะ “โห คนหนึ่งเป็นเหมือนครู อีกคนก็ช่วยเรื่องงาน ถือเป็นผู้มีพระคุณนะคะ” จามรีพูดเสียงอ่อยๆ ยิ้มแหยๆ “งานก็คืองาน พี่สองคนเค้าซื้องานเรา ก็ต้องจ่ายสตางค์” “ค่ะ” สายศิลป์ยิ้มๆ นึกถึงคนทำธุรกิจอย่างจามรีอะไรๆ ดูเป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด ตัวเธอเองนั้นคิดต่าง แต่ยิ่งได้คุยกันเชื่อ ว่า ผู้หญิงที่ใครๆ ว่าจุ้นเหมือนชื่อนั้น มีความจริงใจในการเข้าไปวุ่นวายในชีวิตของคนอื่น สายศิลป์อมยิ้มกับสิ่งที่ตัวเองคิดเรื่องชื่อของเจ้านาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD