ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
หลงสวาท
พ่อเพื่อน
พุทธศักราช 2562
ที่จังหวัดเชียงใหม่ ภายในไร่กาแฟแห่งหนึ่งเนื้อที่เกือบพันไร่ ทอดยาวไปถึงชายเขาสลับสล้างลดหลั่นเป็นฉากหลังอยู่ไกลๆ
“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะเด็กๆ… ”
เสียงทักทายที่ดังมาจากสนามหน้าด้านหลัง ทำให้หญิงสาวสองคนที่กำลังนั่งปรึกษากันเรื่องฝึกงาน ต้องเหลียวมองกลับมายังเจ้าของเสียง
ก่อนที่สายตาของ ‘เอื้องผึ้ง’ จะปะทะเข้าร่างสูงใหญ่ของ ‘ราชิด’ หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าปีมีเชื้อลูกครึ่งแขกขาวผู้เป็นเจ้าของไร่กาแฟและบ้านหลังนี้
“เอื้องผึ้ง… นี่คุณพ่อฉัน”
‘อรอนงค์’ ลูกสาวของราชิดแนะนำเพื่อนสาวที่แวะมาเที่ยวบ้านเป็นครั้งแรก บ้านที่เอื้องผึ้งอาศัยอยู่ทุกวันนี้อยู่ในจังหวัดลำปาง
อันที่จริงเอื้องผึ้งเดินทางมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อวาน แต่สาเหตุที่เพิ่งได้เจอหน้าเจ้าของไร่กาแฟสุดหล่อก็เพราะว่าเมื่อคืนราชิดไปงานเลี้ยง และต้องอยู่ดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ จนดึกดื่น กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เที่ยงคืนกว่า เช้ามาจึงได้เจอกัน
“สวัสดีค่ะคุณลุง… ”
เอื้องผึ้งยกมือไหว้ชายร่างสูงใหญ่ด้วยอาการใจเต้นแรง แม้ว่าแพหนวดสีดำหนาเหนือริมฝีปากหยักจะทำให้ชายผู้นี้ดูดุ แต่เวลาเขายิ้มเท่านั้นแหละ
คุณพระ! ริมฝีปากสวยที่ขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มของเขาราวจะลบล้างสีหม่นเทาเศร้าซึมของโลกใบนี้ได้ในพริบตา
ยิ้มของราชิดมีเสน่ห์เหลือเกิน มันช่างดูอบอุ่น อ่อนหวาน และในเวลาเดียวกันก็แฝงความเร่าร้อนอันประหลาดที่เอื้องผึ้งรู้สึกได้
ไม่รู้สิ… ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเอื้องผึ้งจึงต้องเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ กับการได้เจอหน้าเขา
อาจเป็นเพราะใบหน้าของพ่อเพื่อนคนนี้ช่างหล่อเหลาสะดุดตาเหลือเกิน เสื้อกล้ามสีขาวสะอาดที่เขาสวมใส่ ทำให้มองเห็นผิวสีน้ำตาลเข้มสมชายชาตรีตัดกับเสื้อสีขาว ที่ต้นแขนมีเส้นขนสีดำแกคลุมไปทั่ว เส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมาจากแขนและหลังมือยิ่งทำให้ราชิดดูเซ็กซี่ อีกทั้งเนื้อตัวก็กำยำไปด้วยมัดกล้าม
นี่กระมังแบบที่หล่อนเคยได้ยินประโยคหนึ่งจากเนื้อเพลงที่ร้องว่า ‘วงกล้ามแขนเป็นมัด… อุ๊ย! น่ากัดแขนเล่นเบาๆ’ หัวไหล่ของเขานูนแน่นไปด้วยมัดกล้าม และที่อกก็ยังมีเส้นขนสีดำเป็นแพแผ่กระจายเลยขึ้นมาจากคอเสื้อ
“สวัสดีจ้ะสาวน้อย… ”
ราชิดกล่าว เขาเองก็ตะลึงมองเอื้องผึ้งไม่ต่างกัน
แม้ว่าที่ผ่านๆ มาอรอนงค์ก็เคยพาเพื่อนสาวหลายคนมาเที่ยวที่ไร่กาแฟแห่งนี้บ่อยๆ แต่ราชิดก็ยังไม่เคยสะดุดตากับผู้หญิงคนไหนเหมือนอย่างที่ได้เจอกับเอื้องผึ้ง
“อุ๊ย… ตะลึงเชียวหรือยัยผึ้ง นี่ขนาดพ่อฉันแก่แล้วนะ นี่ถ้าแกเห็นรูปพ่อฉันตอนหนุ่มๆ แล้วละก็… เชื่อเลยว่าแกจะต้องละลายเพราะความหล่อของพ่อฉัน ตอนหนุ่มๆ อ่ะนะ… พ่อฉันหล่อวัวตายความล้มเชียวแหละแก”
อรอนงค์รีบอวดพ่อ
“เชื่อจ้ะ… ”
เอื้องผึ้งกล่าว ก็จะไม่เชื่อได้ยังไง เพราะว่าเท่าที่เห็นตัวจริงอยู่ต่อหน้าตรงนี้ ราชิดก็ดูหล่อมาก ออร่ายังกับดารา หล่อเหลาชนิดที่ว่าวันเวลาไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย แม้ว่าอายุใกล้แตะเลขห้าแล้วก็ตาม
“แหม… สาวๆ เล่นชมกันต่อหน้าแบบนี้เดี๋ยวพ่อก็ตัวลอย”
ราชิดกล่าวอย่างมีอารมณ์ขัน
จากนั้นลูกสาวก็ถือโอกาสปรึกษาบิดาเกี่ยวกับเรื่องที่หล่อนตัดสินใจว่าจะไปฝึกงานในกรุงเทพฯ ด้วยอีกเพียงสัปดาห์ก็จะถึงช่วงเวลาฝึกงานที่จะเริ่มขึ้นในช่วงเทอมแรกของปีสี่
“ก็ตามใจหนู… ถ้าหนูอยากจะไปฝึกงานในกรุงเทพฯ พ่ออนุญาต”
ราชิดไม่ขัด ด้วยเขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของลูกสาวที่ตั้งใจจะไปฝึกงานกับบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับออกแบบตกแต่งภายในชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าอรอนงค์สนใจเกี่ยวกับอินทีเรียดีไซน์มาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม ถ้าได้ฝึกงานกับบริษัทใหญ่ๆ ก็เหมือนกับได้ลงสนามจริง จะได้ประสบการณ์กลับมาไม่น้อย
“แล้วหนูผึ้งล่ะจ๊ะ… ไปฝึกงานที่ไหนจ๊ะ”
สายตาจับจ้องดวงหน้าสวย แอบมองเพื่อนของลูกสาวอย่างให้ความสนใจ
“ของผึ้งต้องฝึกงานเลขาค่ะ… กำลังอยู่ระหว่างตัดสินใจค่ะว่าจะไปกรุงเทพฯ ดีไหม… แต่ถ้าจะต้องไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ ผึ้งก็ห่วงยายที่จะต้องอยู่คนเดียว”
หญิงสาวกล่าว บอกถึงสาเหตุที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปฝึกงานที่ไหน
“ตอนนี้หนูอยู่กับยายหรือจ๊ะ”
ราชิดถามด้วยความสนใจ
แต่คนที่ชิงตอบคำถามของเขากลับเป็นลูกสาว
“ใช่ค่ะคุณพ่อ… ทุกวันนี้ผึ้งอยู่กับยายค่ะ”
อรอนงค์เล่าให้บิดาฟังว่าเอื้องผึ้งมียายชราที่ต้องดูแล ด้วยพ่อแม่ของหล่อนเสียชีวิตไปพร้อมกันด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีก่อน
ในระหว่างเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ เอื้องผึ้งต้องกลับบ้านทุกวันศุกร์เพื่อไปดูแลยายที่ต้องฝากไว้ให้ป้าข้างบ้านอีกคนให้ช่วยดูแล ยังดีที่ลำปางกับเชียงใหม่ไม่ไกลกันนัก
“ถ้าไม่อยากไปฝึกงานไกลๆ… งั้นหนูฝึกงานกับลุงไหมจ๊ะ”
ราชิดเอ่ยชวน เพราะเขามีบริษัทส่งออกกาแฟ มีออฟฟิศอยู่ในเชียงใหม่ เอื้องผึ้งตกใจ! ราวกับว่าราชิดสามารถล่วงรู้เข้ามาในความคิดของหล่อน
“จริงด้วย… งั้นแกฝึกงานกับคุณพ่อนะ เป็นเลขาให้คุณพ่อฉัน แกจะได้ไม่ต้องเดินทางไกล และวันหยุดก็กลับลำปางไปดูแลยายได้ตามปกติ”
อรอนงค์เห็นด้วยกับความคิดของบิดา รีบเชียร์เพื่อนสาวอย่างออกนอกหน้า
“ดีเหมือนกัน… ขอบคุณมากค่ะคุณลุง”
หญิงสาวยกมือไหว้ รู้สึกดีใจที่จะได้ฝึกงานกับพ่อเพื่อนสุดหล่อที่ทำให้หัวใจของเอื้องผึ้งสั่นไหวตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตา โดยหารู้ไม่ว่านี่คือ ‘ลิขิต’ แห่งชะตาสวาทที่กำลังดึงดูดให้ ‘สาวน้อย’ กับ ‘หนุ่มใหญ่’ เจ้าของไร่กาแฟได้โคจรมาพบกัน