ชายหนุ่มหัวเราะขำในลำคอ ก้มหน้าให้ความสนใจหนังสือในมือของเขาต่อ
ลลินมองคนบนเตียงอย่างพินิจพิเคราะห์ หากมองด้วยสายตาและประเมินคร่าวๆ ด้วยตัวเอง เขาไม่ได้บาดเจ็บหนัก ศีรษะมีรอยปิดทับคงจะเป็นแผลหรือแตก แขนข้างขวาท่อนล่างมีเฝือกสีขาวพันรอบอยู่
“แขนหัก หัวแตก” หญิงสาวรำพึงเบาๆ
อลันเงยหน้ามองอีกรอบ
“หืม...ว่าอะไรนะนังแจ๋ว” ชายหนุ่มจงใจใช้คำว่าแจ๋วเยาะหญิงสาว
“ฉันไม่ใช่นังแจ๋ว”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเหมือนสงสัยเต็มประดา ถามต่อเหมือนไม่เข้าใจภาษาไทยมาก “ก็ผมเห็นแม่ผมเรียกพนักงานทำความสะอาดอย่างคุณว่าแจ๋วทุกคน ผมเรียกคุณอย่างนี้ผิดหรือ” เขาบอกต่อ ทั้งที่มารดาไม่เคยพูดภาษาไทยกับใครให้เขาได้ยินสักครั้ง
“แจ๋ว เขาใช้เรียกจิกคนใช้ในบ้าน ส่วนตำแหน่งอย่างฉันเป็นพนักงานบริษัท สังกัดชัดเจน เรียกว่าพนักงานรักษาความสะอาด” หญิงสาวเผลอตัว อธิบายเป็นภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อ
ชายหนุ่มยิ้มอีกครั้ง
“ยิ้มอะไร”
“ก็แค่แปลกใจ! ปกติพนักงานรักษาความสะอาดอย่างคุณต้องใช้ภาษาอังกฤษได้ดีอย่างนี้ใช่ไหม เห็นคนเมื่อวานผมบอกให้หยิบน้ำยังหยิบผิด” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบหยั่งเชิงเข้าไปอีก ที่จริงเขาตั้งใจต้อนเธอให้จนมุมมากกว่า
“เอ่อ...” หญิงสาวอึกอัก รู้ว่าตัวเองพลาดอย่างจัง
“บอกมาเถอะว่าคุณต้องการอะไร” ชายหนุ่มถาม เงยหน้ามองหญิงสาวนิ่งๆ
เมื่อแผนแตก โดนจับผิดได้ก็ไม่เป็นอะไรมาก ทุกอย่างเข้าทางลลินที่เธอวางเอาไว้ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะจับผิดเธอได้เร็วกว่าที่เธอจะบอกเอง เธอมาที่นี่เพราะต้องการตกลงกับเขาเท่านั้น
“ในเมื่อคุณรู้ว่าฉันเป็นใครก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม คุณต้องการอะไร” ลลินเชิดหน้าถาม ก้าวเข้าหา ทั้งที่เธอต้องมาเจรจา แต่ตอนนี้ความโกรธครอบงำจนห่างไกลคำว่าเจรจามากนัก
อลันจ้องหน้ากลับอย่างเอาเรื่อง ผู้หญิงถือดีไม่กลัวอะไรอย่างนี้เขายิ่งชอบ ยิ่งหล่อนไม่ยี่หระต่อความรวยของเขาด้วยแล้ว ผู้หญิงตรงหน้ายิ่งน่าค้นหาเข้าไปใหญ่ แต่ยิ่งเห็นอีกคนมีอาการอย่างนี้ ยิ่งต้อนเข้ากรงง่ายเข้าไปใหญ่
“ผมเจ็บ...คุณว่าผมต้องการอะไรล่ะ”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมตกลงกับเราดีๆ”
“ผมยังเจ็บหนัก ไม่พร้อม” ชายหนุ่มตอบทันควัน
“กะอีแค่แขนหักเนี่ยนะ ถ้าเป็นฉันทำงานได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว” หญิงสาวถามอย่างไม่พอใจ ข่าวที่ออกเหมือนเขากำลังโคม่า แต่เรื่องจริงก็แค่แขนหักข้างเดียว
“แค่โดนแมวข่วนผมก็ต้องแอดมิดสามสี่วัน” ชายหนุ่มยังยั่วต่อ
“คุณต้องการอะไร” หญิงสาวถามเสียงเรียบ ป่วยการที่เธอจะเถียงกับเขาต่อ
“แล้วคุณจะรับผิดชอบอย่างไร”
“คุณก็รู้แก่ใจว่าคุณเป็นคนผิด คุณก้าวพลาดเอง”
“แต่ผมจะบอกว่าคุณตั้งใจผลักผมตกบันได แล้วทุกคนก็เชื่ออย่างนั้น”
“สารเลว” หญิงสาวกัดฟันแน่นหลุดเสียงลอดไรฟัน
“มีหนักฐานมาแก้ต่างมั้ยล่ะ” ชายหนุ่มถามยั่วๆ
“ก็เพราะไม่มี ฉันถึงได้ดั้นด้นมาเจอคุณที่นี่ มาถามด้วยตัวเองว่าคุณจะให้ฉันรับผิดชอบอย่างไร”
“ดูแลผมจนกว่าจะหายดี หมายถึงเป็นเลขาส่วนตัวด้วย ขอเวลาหนึ่งเดือน ผมรู้ว่าคุณเป็นนักออกแบบจิวเวลลี่ อยากได้ข้อมูลความเป็นไทยมาดัดแปลงให้เข้ากับเทรนด์ปัจจุบัน”
“เห็นแก่ตัว เอาผลประโยชน์บนความทุกข์ของคนอื่น ไม่มีทางเสียล่ะ ฉันมีงานของฉัน แค่นี้จะต้องให้ฉันมาดูแลถึงหนึ่งเดือน”
“ถ้าอย่างนั้นก็จบ คุณออกไปได้แล้ว” ชายหนุ่มไล่ดื้อๆ “เรื่องของเราผมจะให้แม่ผมจัดการต่อ ส่วนผมก็จะบินกลับอังกฤษ ส่วนคุณก็รอรับโนติสจากทนายของริชาร์ดกรุ๊ปได้เลย”
“ไม่ได้นะคุณ” ลลินร้องเสียงหลงลนลาน เธอมาเพื่อต่อรอง ไม่ได้มาทำให้เรื่องบานปลายขึ้น
“ผมช่วยคุณได้แค่นี้จริงๆ” ชายหนุ่มบอกอย่างเห็นใจ แต่เขาจงใจต้อนให้เธอจนมุม
“สองสัปดาห์ไม่ได้หรือ แผลอย่างคุณแค่สัปดาห์เดียวก็ทำงานได้ปกติแล้ว”
“ผมย้ำว่าหนึ่งเดือน ถ้าคุณไม่...คุณก็กลับไปนอนรอที่บ้าน ผมจะให้คนของผมร่อนโนติสไปให้คุณถึงที่” ชายหนุ่มขู่ย้ำคำเดิม
“ฉันจะบอกนักข่าวว่าคุณไม่ได้เจ็บมาก แล้วฉันก็จะเอาคลิปนี้ไปให้พวกเขา” หญิงสาวชูมือถือที่เธอแอบถ่ายคลิปเอาไว้ขู่เขาอย่างเป็นต่อ
แต่แทนที่อีกคนจะกลัวเขากลับขำ
“หึหึ...แค่ภาพวงจรปิดที่โรงแรมคุณยังหามายืนยันความบริสุทธิ์ตัวเองไม่ได้ อย่าพยายามทำอะไรให้ผมโกรธมากไปกว่านี้เลย”
“คุณยังไม่รู้จักฉันดีพอ” หญิงสาวบอกทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
อลันหัวเราะตามหลังอย่างพอใจ เธอคือผู้หญิงที่มีคุณสมบัติอย่างที่เขาต้องการ กล้าดีเดือด บ้าระห่ำ ไม่ยอมคนง่ายๆ ข้อดีส่วนนี้จะช่วยให้เขารู้เรื่องของแม่เร็วขึ้น
ยิ่งเห็นนางอลันดากระตือรือร้นที่จะจัดการเรื่องเล็กๆ ของเขา เขาก็ยิ่งสงสัย เหมือนรอบตัวที่เขาอยู่มีข้อมูลให้จับทางได้ง่ายๆ แต่เขาก็ต้องหาผู้ช่วยที่เข้าท่าสักหน่อย
หญิงสาวเดินหัวเสียออกไป เธอนอนคิดหาทางออกมาทั้งคืน แต่ก็ยังไร้ร่องรอยความคิดที่โผล่พ้นรอยหยักในสมอง
แรงกดดันของทางสมาคมคือสิ่งที่ทำให้ลลินนอนไม่หลับมาตลอดสัปดาห์ แม้ว่าที่ผ่านมาเธอต้องเจอกับอุปสรรคมามากมาย และผ่านมาได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันหมายถึงชื่อเสียงของประเทศ ปากท้องของลูกน้องในโรงงาน และเธอจะเดินทางในสายงานธุรกิจเพชรพลอยอีกไม่ได้ต่อไป ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบของเธอคนเดียว ดันไปทำร้ายเจ้าพ่อนักธุรกิจค้าเพชรเข้า
อย่างน้อยเธอก็ได้ทรงคุณค่าในตัวเอง แม้จะต้องแลกด้วยกฎเกณฑ์หลายอย่าง แต่ไม่ว่าจะหนักแค่ไหน เธอก็ต้องอดทน คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงคนอดทนสูงอย่างเธอไปได้
ลลินจำยอมด้วยแรงกดดัน ลากกระเป๋าออกจากบ้าน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจรับผิดชอบในสิ่งที่ก่อเพียงเล็กน้อย แต่เรื่องราวกำลังลุกลามบานปลายไปทุกที
“เจ๊จะไปไหนหรือ...อย่าบอกว่าจะหนีนะ” ปานดาวถามอย่างตกใจ ลลินเอาแต่เก็บตัวเงียบมาสองวัน ขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดเวลา พอออกมาจากห้องก็เห็นลลินลากกระเป๋าออกมาด้วย
ลลินไม่ตอบ เธอเดินเลี่ยงออกไป
“เจ๊จะไม่พูดอะไรบ้างหรือ พวกเราจะเป็นประสาทกินกันแล้วนะ ไม่รู้ว่าใครโทรมาบ้าง ทั้งนักข่าว ทั้งสมาคมอีก แล้วจะทำอย่างไรต่อ”
“วันนี้! ทุกอย่างก็จะจบ”
“พี่หมายความว่าอย่างไร ในเมื่อพี่กำลังจะหอบกระเป๋าเดินออกไป”
“พี่เคยเป็นคนอย่างนั้นหรือ” หญิงสาวถามกลับเสียงเรียบ
“เปล่า!” ปานดาวตอบเสียงอ่อย ยิ้มปูเลี่ยน “ปานก็แค่อยากรู้ว่าเจ๊จะทำอย่างไรต่อ มีอะไรที่ปานพอจะช่วยได้หรือเปล่า”
“พี่ขอจัดการทุกอย่างเอง ฝากโรงงานสักพักนะ ที่จะแวะเข้ามาดูเป็นระยะ แต่คงไม่ได้เข้ามาทุกวัน มีอะไรก็ฝากข้อความเอาไว้ พี่ติดต่อกลับมาเอง”
“หา!...เจ๊จะไปไหน”
ลลินพยักหน้าเนือยๆ “มันเป็นทางออกเดียวของพี่ แต่ปานอย่าห่วงเลย ”
ในเมื่อตัดสินใจเลือกแล้ว เธอก็ต้องไป แค่ดูแลรักษาพยาบาลและเป็นผู้ช่วยส่วนตัวในยามที่ชายหนุ่มยังเจ็บ คงไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของเธอ
“ให้ปานไปส่งนะ”
“พี่ไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อย ทำตัวเหมือนปกตินั่นแหละ” หญิงสาวบอกพร้อมกับลากกระเป๋าหันหลังเดินออกไป