Chapter 19 ฉันต้องเจอเขาให้ได้

1421 Words
หญิงสาวก็หันกลับมาที่ชายหนุ่มในโต๊ะยิ้มยั่ว “คุณพร้อมที่จะรับสงครามหรือยังค่ะ” ในที่สุดความอดทนของชายหนุ่มก็ขาดสะบั้นลง ความเคยชินทำให้เขาไม่สามารถรอช้าได้อีกต่อไป มือหนาบีบแก้มของเธออย่างแรงให้คลายความเร่าร้อนที่แน่นปะทุอก บดจูบรุนแรงตามความรู้สึกแห่งก้นบึ้ง ลืมเลือนสายเลือดของคำว่าพี่น้อง หากภาพที่แทรกในความเคลิ้มฝัน ภาพสาวน้อยหน้าหวานเจือรอยยิ้มก็เรียกสติให้เขาหยุด แนวไรคางสากปูดนูนเป็นสัน เขาโกรธ...โกรธตัวเองที่เผลอไผลทำร้ายเธออีกครั้ง “พี่ขอโทษ” “เพียะ!” มือเรียวสะบัดพรืดเสียงดังฉาด “คุณไม่มีสิทธิมาทำแบบนี้กับฉันอีก ผู้ชายคนที่ฉันเคยรักเคยเคารพตายจากฉันไปนานแล้ว” นางอลันดาบอกเสียงเข้ม สะบัดหน้าเชิดคอตั้งเดินออกจากห้องไปทันที คชาเดินสบถหัวเสียออกมาจากโรงแรม ล้วงมือหนาเข้ากระเป๋าหยิบโทรศัพท์จะต่อหาลลิน เรื่องราวที่กำลังตึงเครียดกลับเลวร้ายลงไปอีกเพราะตัวเขาเอง ข่าว...สื่อออนไลน์ที่ประโคมข่าวเหมือนสนุก ทุกอย่างเกิดบนกองความทุกข์ของเธอ เรื่องราวที่เธอรับรู้มาบางส่วนยังหนักอึ้ง หากแต่คนที่แบกรับเอาไว้ทั้งหมดคงจะหนักกว่าเธอ นางอลันดาจงใจให้นักข่าวเขียนข่าวว่าอลันเจ็บหนัก เรียกร้องความสนใจจากสังคม หากแต่กลับไม่มีใครได้เห็นคนเจ็บกับตา ภาพที่มีเป็นเพียงภาพที่คนให้ข่าวส่งให้เท่านั้น ความแรงของข่าว กับกระแสที่สังคมที่พูดถึงมาก ยิ่งเป็นผลดีของคนปล่อยข่าว รวมไปถึงคนป่วยที่หวังผลอีกเรื่องได้ลาภมาอย่างลอยๆ รอดักเหยื่อที่ปากถ้ำอย่างเดียว ทิวใบไม้กลางสวนสาธารณะลู่ไหวไปตามแรงลม ความเย็นแตะต้องผ่านผิวกายและปลิวไปอย่างแผ่วเบา แต่หัวใจของคนนั่งมองกลับหนักอึ้งไม่แตกต่างกัน คชาเล่าเรื่องราวที่จำเป็นให้ลลินฟัง แต่เขาก็หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องราวความขัดแย้งเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน หรือแม้กระทั่งเรื่องห้าปีที่แล้วเกี่ยวกับพ่อของอลัน ทำให้ลลินยิ่งสงสัย เรื่องราวบานปลายมาจากต้นตออะไร “ผมต้องขอโทษที่ต้องขอร้องให้ลินช่วยแบบนี้” คชาบอกเสียงเรียบหลังจากจบเรื่องที่เขาเล่าและร้องขอไปในตัว “ลินยินดีช่วยด้วยความเต็มใจค่ะ ลินก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาต้องการอะไรกันแน่” ลลินตอบรับที่จะช่วยเหลืออย่างง่ายดาย ทั้งที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคชามีเรื่องบาดหมางกับแม่ของอลันมาก่อน หากต้นตอมาจากเธอ เธอก็จะไม่ยอมให้คนอื่นมาเดือดร้อนเพราะเธอเด็ดขาด เธอจะต้องหาทางพบเขาให้ได้ จะได้รู้กันไปสักทีว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ “ถ้าลินหนักใจ ผมก็ไม่ห้ามนะ” “ลินเต็มใจค่ะ” “ทางสมาคมต้องขอบคุณลินล่วงหน้า ถ้าลินทำเรื่องนี้สำเร็จ” “อย่าเพิ่งคาดหวังกับลินมากนักนะคะ” “ผมเชื่อมั่นในตัวลินเต็มร้อย ไม่มีอะไรที่ลินพยายามแล้วไม่สำเร็จ ขนาดโรงงานยังพาให้หลุดพ้นวิกฤตมาได้เลย แถมยังมีบริษัทออกแบบที่กำลังโตวันโตคืนมาอีกหนึ่ง” “แค่บริษัทเล็กๆ เองค่ะ คุณคชาก็ชมลินเกินไป หากไม่ได้คุณคชายื่นมือเข้ามาช่วยและป้อนงานให้ลินเรื่อยๆ ป่านนี้ไม่รู้ว่าลินจะพาลูกน้องนั่งต้มมาม่าอยู่แถวไหน” ลลินบอกติดตลก เธอกับคชาร่วมงานกันมาตั้งแต่ก้าวเข้ามาทำงานแทนบิดา แล้วคชาก็เอ็นดูเธอเหมือนลูกคนหนึ่ง “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ผมก็ต้องขอบคุณ ทางสมาคมฝากความหวังไว้ที่ลินนะ” คชายกมือแตะไหล่ลลิน ความรู้สึกผิดลึกๆ วูบผ่านแววตา แต่ถ้าอลันดายอมทำทุกทาง เขาก็ยอมทำทุกทางเหมือนกัน วันนี้เป็นอีกวันที่หญิงสาวมายืนอยู่หน้าโรงพยาบาลอย่างชั่งใจ ไม่ได้ชั่งใจว่าจะเข้าหรือไม่เข้าไปดี เพราะหัวใจเธอตั้งมั่น ความคิดแน่วแน่ว่ายังไงก็ต้องเจอเขา หากแต่เธอกำลังคิดหนักว่าจะเจ้าถึงตัวเขาได้แบบไหน ไม่เพียงแค่ลบรอยความผิดจากสังคม แต่ตอนนี้เธอกำลังแบกรับความคาดหวังจากทางสมาคม วันก่อนเธอขอเข้าพบ...แต่ได้รับคำการปฏิเสธ โดยทางคนเจ็บอ้างคำสั่งแพทย์ ทำให้ลลินยิ่งอยากรู้ว่าเขาเจ็บหนักสักแค่ไหน ข่าวที่กระพือออกมายิ่งทำให้พื้นที่ยืนของเธอลดน้อยลงไปทุกที วันต่อมาลลินเข้าหาในรูปแบบนักข่าว...พวกเขาก็ปฏิเสธการให้ข่าว มันก็ยิ่งทำให้เธอคลางแคลงสงสัยหนัก ข่าวกระพือออกทุกวันและทุกฉบับ แต่ที่พักพื้นในโรงพยาบาลกลับเงียบกริบ งดเยี่ยม งดสัมภาษณ์ “ฉันจะต้องรู้ให้ได้ กะอีแค่ตกบันไดเอง จะเจ็บอะไรนักหนา” หญิงสาวรำพึงกับตัวเองเสียงเบากับตัวเอง ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในตึกโรงพยาบาล ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูเสียงเบาพร้อมกับประตูที่เปิดออก “ขออนุญาตทำความสะอาดค่ะ” เสียงที่เปล่งออกมาเป็นภาษาอังกฤษทำให้คนในห้องอดแปลกใจไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก คนป่วยนอนเอกเขนกอ่านหนังสืออยู่บนเตียงอย่างสบายใจ ไม่ได้มีอาการเหมือนคนเจ็บหนักอย่างที่ข่าวประโคมเขียนสักนิด เห็นอย่างนี้พนักงานทำความสะอาดมือใหม่ก็กำผ้าสีขาวในมือแน่น ห้องโถงกว้างสีขาวที่มีกระจกเปิดโล่งมองเห็นทัศนียภาพของกรุงเทพได้ครบเกือบทุกมุม ม่านสีอ่อนถูกเปิดออกให้มองเห็นได้ชัด ห้องที่หญิงสาวคิดว่าน่าจะเป็นห้องพักหรูในโรงแรมมากกว่าห้องพักพื้นในโรงพยาบาล เพราะมารดาของอลันสั่งงดเยี่ยม สั่งห้ามคนเข้า บอร์ดี้การ์ดจึงมีเวลาได้พักและเขาก็มีโอกาสได้อยู่คนเดียวโดยไม่มีสายตาของใครคอยจับจ้องสักวัน วันนี้เป็นวันแรกที่เขาได้อยู่คนเดียว ชายหนุ่มให้ความสนใจกับหนังสือที่เขาให้แมทซ์ไปซื้อหามาให้อ่านฆ่าเวลา ไม่ให้การป่วยการเมืองที่มารดาต้องการให้เขาเป็นเบื่อหน่ายมากไปกว่านี้ ชื่อของดีไชน์เนอร์บนกรอบล่างของแต่ละแบบในหนังสือ ทำให้ชายหนุ่มนึกถึงใบหน้าคนออกแบบ รอยยิ้มเล็กๆ เกิดขึ้นที่มุมปากอย่างเผลอๆ ยัยเพิ้งที่เขาเคยตราหน้า กับกลายเป็นผู้หญิงที่สะกดสายตาเขาเอาไว้ได้ ทุกจังหวะการเอื้อนเอ่ยเจรจาจนเรียวปากได้รูปกระจับ ช่างน่าจูบมากว่าจะใช้มันทำสิ่งอื่น “มันน่าซัดให้โคม่าเหมือนข่าวที่เขียนจริงๆ” หญิงสาวบ่นเสียงเบา แต่คนบนเตียงก็ได้ยินชัดเต็มสองหู สติที่กำลังล่องลอยตามปากได้รูปเจรจาถูกดึงกลับมาที่เดิม ชายหนุ่มละสายตาจากหนังสือชุดเครื่องเพชรเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ชุดแม่บ้านที่อยู่บนตัวหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มหลุดขำ ต่อให้เด็กเจ็ดขวบก็มองออกว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่แม่บ้านมืออาชีพ วิกผมที่ไร้รสนิยม หน้าตาที่แต่งอย่างตั้งใจให้คล้ายคนในอาชีพ เขาอยากจะบอกหล่อนเหลือเกินว่าแม่บ้านสมัยนี้แต่งตัวดีว่าสาวออฟฟิศเสียอีก “ฮ่าๆ” “ขำอะไรไม่ทราบ” หญิงสาวแหว น้ำเสียงและกริยาของเธอทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าผู้หญิงตรงหน้าของเขาเป็นใคร แต่เขาก็อยากรู้ว่าเธอเข้ามาเพราะอะไร เห็นอย่างนี้คนป่วยก็แกล้งเลยตามน้ำไปตามบท “พนักงานทำความสะอาดโรงพยาบาลนี้ต้องแต่งตัวเต็มขนาดนี้เลยหรือ หรือกลัวคนอื่นไม่รู้ว่าเป็นแม่บ้าน” ชายหนุ่มถามกลั้วหัวเราะ ยิ่งมองเขาก็ยิ่งขำ “คนจนก็อย่างนี้ แต่งอย่างไรก็คงน่าขันสำหรับคนรวยๆ” หญิงสาวปรับเสียงให้เหน่อ “ถ้าไม่แต่งเลยจะดูดีกว่าแต่งนะ” ชายหนุ่มเสนอความเห็น วิกฟูๆ ขัดลูกตา ปากแดงๆ ก็เสียรูปจากน่าจูบเป็นน่าเกลียด แถมยังเม็ดลำไยไฝเม็ดเป้งที่อยู่ริมฝีปากนั่นอีก “อย่ามาวิจารณ์ฉัน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD