เดรสเกาะอกสีดำผ่าร่องลึกพองาม เปิดแผ่นหลังขาวเนียนถึงบั้นเอว มีเพียงเชือกเส้นเล็กผูกไขว้พาดด้านหลังให้ดูเย้ายวนเซ็กชี่ ผืนผ้าซาตินพริ้วไหวแหวกสูงถึงสะโพกผายของเธอ ขับให้ทุกจังหวะการเดินให้ยั่วยวน
มือบางของลลินตีเพียะลงที่หัวไหล่ของปานดาว เมื่อเห็นอีกคนแอ็กติ้งจนเกินงามจนเหมือนล้อเลียนเธอ “หมั่นไส้นัก” หญิงสาวเหน็บด้วยความรู้สึกเอ็นดูมากว่าอย่างอื่น
“โหพี่ลินอะ สวย เขิน ทุบ ซาดิสม์หรือเปล่าเนี่ย” ปานดาวบอกอู้อี้
มัดหมี่เดินไปหยิบรองเท้าสีทองประกายเพชรมาวางตรงหน้าลลิน “สวมรองเท้าก่อนค่ะ”
“คู่นี้เลยหรือ” คำถามโง่ๆ หลุดออกมาจากปากหญิงสาวอีกครั้ง ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตะลึง
ความสูงของส้นร้องเท้าที่เธอกะด้วยสายตาคงไม่ต่ำกว่าสามนิ้วหรือมากกว่านั้น ประเด็นสำคัญคือ เธอไม่เคยใส่รองเท้าสนเกินนิ้วเดินบนพื้นถนนสักครั้งตลอดอายุเกือบสามสิบปี
“ค่ะ ต้องคู่นี้เท่านั้น สีทองเข้ากับโทนการแต่งหน้า ความสูงจะเน้นให้คุณสง่าโดดเด่นมากขึ้น” สาวร่างอวบอธิบายอย่างใจเย็น
“แต่ลินไม่เคยสวมรองเท้าส้นสูง”
“ไม่ยากหรอกค่ะ ลองสวมแล้วลองเดินดูก่อน รองเท้าคู่นี้ไม่ใช่ส้นเข็ม” มัดหมี่พยายามโน้มน้าวให้หญิงสาวไม่ประหม่า
แต่ปานดาวก็ตัดบทขาดฉับ “ต้องคู่นี้เท่านั้นค่ะ เพราะมีคู่เดียวนอกจากแตะเน่าของพี่คู่นั้น” ปานดาวพยักเพยิดไปมองรองเท้าสานคู่โปรดเน่าๆ ของหญิงสาวที่วางอยู่มุมห้องอย่างเดียดฉันท์
“งานจะเริ่มแล้วด้วย พี่ลินต้องรีบลงไป หากไม่อยากให้เป็นเป้าสายตาตอนเดินเข้างาน พี่ลินมีสัมภาษณ์สื่อด้วยนะ อย่าลืมว่าต้องสวยขึ้นกล้อง”
ลลินจำใจสวมร้องเท้าคู่นั้น เธอไม่น่าเชื่อใจให้ปานดาวจัดการเลย เพราะมัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลา ตอนที่ปานดาวไปขอเธอช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้าเธอก็มัวแต่โล่งอกที่มีคนช่วย ฉุกคิดไม่ทันว่าจะออกมารูปแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ต้องมาทนฝืนกล้ำกลืน
หลังจากที่สวมและก้าวเดินไปสองก้าวหญิงสาวก็เซจะล้ม ยังดีที่ปานดาววิ่งปรี่ไปรับได้ทัน
“เห็นไหมว่าพี่ไม่ถนัด เข้าไปในงานคงได้ปล่อยไก่”
ปานดาวสูดลมเข้าปอดอย่างใจเย็น “เอาอย่างนี้ พี่ลินลองเดินรอบๆ ห้องให้ชินก่อน จะให้ออกไปหารองเท้าตอนนี้ก็คงไม่ทัน พี่มีสัมภาษณ์นักข่าวตอนสองทุ่มครึ่งใช่ไหม”
“อืม...แต่งานเริ่มทุ่มหนึ่ง”
“ถ้าพี่ไม่เข้าไปตอนเปิดงานจะได้ไหม” ปานดาวถามความเห็น “ถ้าซ้อมเดินก่อนแล้วค่อยแอบเข้าไปทีหลัง จะมีคนสงสัยไหม”
ลลินพยักหน้าเห็นด้วย “คงไม่เป็นไร พี่ว่าไม่มีใครสนใจนักออกแบบอย่างพี่หรอก งานนี้มีแต่คนดังเจ้าพ่อนักธุรกิจเพชรมาเกือบทั่วโลก เขาคงสนใจพวกติดต่อธุรกิจของเขากันมากกว่า แล้วงานของพี่อยู่ที่ตอนพรีเซนต์ชุดเครื่องเพชรที่ออกแบบตอนสองทุ่ม จากนั้นก็มีสัมภาษณ์กับหนังสือฉบับหนึ่งเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้นเราแอบเข้างานสักทุ่มสี่สิบ มีเวลาเหลืออีกเกือบชั่วโมงให้พี่ลินซ้อมตัวให้เข้ากับรองเท้า พอมั้ย” ปานดาวไม่วายแหย่
“พอ...!” ลลินลากเสียงยาว ขยับตัวลุกเดินไปรอบห้องให้คุ้นชินกับชุดและรองเท้า แค่เรื่องชุดเธอก็ประหม่ามากพอ แต่นี่ยังต้องมาระวังเรื่องการเดินไม่ให้ร้องเท้าพลิกล้มอีก
“เกิดเป็นฉันก็ยากเหมือนกันนะ วัยเกือบจะสามสิบแล้วก็ต้องมาฝึกเดิน” ลลินบ่นอุบ แต่ก็ยังเดินรอบห้องให้ชิน
นางอลันดารีบบินกลับเมืองไทยตามลูกชายมา ทันทีที่รู้ว่าลูกชายลางานพักผ่อนแบบส่วนตัวต่อ เพราะห่วงใยต่อความปลอดภัยของลูก
“พื้นที่ทั้งโลกที่ไหนก็ช่างเป็นของเธอ แต่ถ้าเธอและครอบครัวเหยียบย่างกลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่ ฉันไม่รับรองความปลอดภัยทั้งสิ้น...นี่ไม่ใช่แต่คำขู่” คำพูดประโยคนั้นยังก้องอยู่ในหูของนางอลันดา
สามสิบกว่าปีที่จากมา หากแต่มันกลับไม่ลบเลือนลงไปสักนิด มารดาบุญธรรมที่เลี้ยงดูมา กลับจ้องเอาชีวิตทั้งที่นางไม่ผิดสักนิด
ไม่เพียงเท่านั้น...พี่ชายในสายเลือดที่เคยผูกพัน ตอนนี้เขากลับอาฆาตไม่ต่างจากมารดา
บนความหวาดกลัว หากก้าวแรกที่เหยียบย่างพื้นแผ่นดินไทย มันทำให้นางอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาแห่งความอัดอั้นตื้นตันไหลออกจากหางตา แน่นอนว่ามันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แผ่นดินอบอุ่นที่นางรักและโหยหามาสามสิบกว่าปี
แพขนตาเด้งงอนกระพริบถี่ขับไล่น้ำใสๆ นิ้วเรียวของนางยกขึ้นกรีดรอยคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม น้ำตาของมาดามแห่งริชาร์ดจะหยดลงพื้นให้ใครเห็นไม่ได้เด็ดขาด เธอต้องผงาดชูคอดั่งหงส์
“มาดามพักก่อนไหมครับ” ฟิลิปที่โดนคำสั่งให้เดินทางมาด้วยถามนางอลันดา
เหตุผลที่นางต้องสั่งให้ฟิลิปมาด้วยก็เพราะจะต้องทำทุกวิธีทางให้อลันกลับตามไปด้วย สิ่งสำคัญไม่เพียงให้เขากลับอย่างเดียว แต่นางต้องล้มเลิกทุกธุรกิจที่ลูกชายติดต่อที่เมืองได้ทุกอย่างด้วย
นางอลันดาโบกมือเป็นเชิงบอกว่านางไม่ต้องการพัก ก้าวเท้าเดินออกไป
“ไปพักที่โรงแรมเลยดีกว่า เรายังมาทันใช่ไหม”
“งานจัดวันนี้ครับ”
“อืม...งานวันนี้ คงจะเจรจาเซ็นสัญญาทีหลัง เรายังทัน” นางอลันดาบอกอย่างโล่งใจ แม้ว่านางจะยังไม่รู้ว่าต้องใช้เหตุผลและวิธีใดมาอ้างให้ดูสมเหตุสมผลไม่กระทบธุรกิจ ไม่เสียภาพลักษณ์องค์กรและดิสเครดิตลูกชาย แต่นางก็มั่นใจว่านางจะต้องทำให้ได้
“มาดามจะไปที่ไหนก่อนไหมครับ” ฟิลิปถามอีกครั้ง
“งานมีกี่โมง” นางอลันดาหันกลับมาถาม
“หมายถึงงานที่คุณอลันไปใช่ไหมครับ” ฟิลิปถามเพื่อความแน่ใจ ไม่คิดว่านางจะอยากตามลูกชายเข้าไปในงาน ถึงแม้ว่านางจะชอบงานสังคม แต่ครั้งนี้เป็นธุรกิจ ก็ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะก้าวก่าย
“ฉันต้องถามถึงงานอะไรละ” คนถามเริ่มหัวเสีย
“งานมีตอนทุ่มตรงครับ”
“นายช่วยจัดการเรื่องบัตรเชิญเข้างานให้ฉันที หวังว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง”
“มาดามจะไปหรือครับ” น้ำเสียงและแววตาของคนพูดกังวลชัดเจน
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้เข้าไปทำให้งานของอลันเสียหายสักหน่อย แค่อยากรู้ว่าในงานมีคนอันตรายที่ลูกชายฉันต้องหลีกเลี่ยงหรือเปล่า”
“ก็ได้ครับ” อีกคนตอบรับอย่างจำยอม เขารู้จักนางอลันดาดีพอกับรู้จักอลัน ผู้หญิงเก่งฉลาดรอบด้านอย่างนาง ถ้าให้บริหารงานในบริษัท ผลงานคงไม่แพ้ผู้ชายเก่งๆ เหมือนกัน
“ไปส่งฉันเข้าร้านทำผมแต่งหน้าก่อน” นางอลันดาสั่งอีกครั้ง ฟิลิปโค้งรับก่อที่จะเดินนำนางออกไป
รีมูซีนสีดำมันจอดหน้าโรงแรม เหตุผลเรื่องความปลอดภัยที่ต้องระวัง อลันปฏิเสธที่จะพักในห้องในโรงแรมจัดงาน แต่ทางเจ้าหน้าที่จัดงานก็ยังจัดห้องสวีทสุดหรูเอาไว้ให้เขากับลูกน้องเหมือนเดิม
รองเท้าขัดมันข้างซ้ายเหยียบลงบนพรมสีกำมะหยี่ ก่อนที่ชายหนุ่มเจ้าของความสูง 185 เซนติเมตรจะหยัดยืนเต็มความสูง สูทสีเข้มรับกับใบหน้าคมคาย ไรหนวดเขียวจางๆ ข้างแก้มสากยิ่งทำให้เขาดูน่าเกรงขาม
แสงแฟลซวูบวาบจากสื่อมวลชลทุกแขนงที่รอทำข่าวหนาตา ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เขา อลัน ริชาร์ด บุคคลที่วงการเพชรทั่วโลกต้องการร่วมหุ้นทำธุรกิจ
ผู้ชายที่หญิงสาวคนไหนเผลอสบตาต้องรู้สึกอยากครอบครองเป็นเจ้าของหัวใจเขา
คชา ตันติเวชกุล นายกสมาคมเจ้าภาพหลักของงานรีบปรี่เข้ามาต้อนรับชายหนุ่ม เพียงแค่เขาตอบรับร่วมทุน ฝีมือการออกแบบที่ไม่เป็นรองใครอย่างประเทศไทย ต้องก้าวข้ามไปอยู่ในระดับโลกอย่างแน่นอน
“ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการครับ” คชายื่นมือไปแตะสัมผัสชายหนุ่ม กล่าวต้อนรับด้วยภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยมของเขา
“ขอบคุณสำหรับการตอนรับอย่างดี ไม่ต้องพิธีรีตองมากหรอกครับ” อลันตอบกลับเป็นภาษาไทย ภาษาของแม่ที่แม่ของเขาไม่เคยสอนสักครั้ง เขาต้องแอบเรียนด้วยตัวเอง
“คุณพูดภาษาไทยได้หรือครับ”
“แม่ของผมเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ ผมก็เลยอยากเรียนรู้เอาไว้บ้าง นับเป็นความโชคดีของผมที่มีโอกาสได้ใช้ภาษาไทยกับเจ้าของภาษาในการติดต่อธุรกิจ”